ปั่นกระแสอุ้มการ์ด! ทะแม่ง!โผล่บางปูไร้รอยขีดข่วน/ตร.จ่อหมายจับ2มือปาบึ้ม


เพิ่มเพื่อน    


    รัฐบาลขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงชุมนุมทางการเมืองป้องกันโควิด "แรมโบ้อีสาน" เตือนกลุ่มผู้ชุมนุมอย่าทำผิด กม.-จาบจ้วงสถาบัน จวกชักธงแดง 112 ขึ้นสู่ยอดเสาแทนธงชาติคือทำลายชาติ เหมือนพวกจิตวิปริต  ลั่น ปชช.ทนไม่ไหวแล้ว เรียกร้อง ผบ.ตร.นำคนผิดมาลงโทษ  ตร.จ่อออกหมายจับ 2 มือปาระเบิดป่วนม็อบสามย่าน เผยระเบิดคล้ายที่แยกรัชโยธิน เชื่อหวังผลทางการเมือง กอ.รมน.ปัดอุ้มการ์ด ขณะที่ "การ์ดปลดแอก" โผล่แล้ว เข้าแจ้งความอ้างถูกชายฉกรรจ์ 4-5 คนอุ้มขึ้นรถตู้พยายามให้เซ็นเอกสารบางอย่าง ก่อนปล่อยแถวบางปูบอก "เข้าใจผิด"
    เมื่อวันอาทิตย์ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องด้วยขณะนี้ยังมีความจำเป็นในการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อเพื่อควบคุมโรคระบาดอยู่ ดังนั้นรัฐบาลจึงขอความร่วมมือให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน โดยเฉพาะการชุมนุมทางการเมืองในช่วงเวลานี้ ซึ่งรัฐบาลขอขอบคุณประชาชนส่วนใหญ่ ที่ให้ความสำคัญเรื่องการร่วมมือป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  อย่างดียิ่ง นอกจากนี้รัฐบาลก็กำลังเร่งพิจารณามาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้  รวมถึงเร่งเตรียมการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในขั้นต่อไป ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่อยากเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นจากเหตุการณ์รวมตัวเพื่อชุมนุมทางการเมืองในช่วงนี้ จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง 
    นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่ารัฐบาลจัดการกลุ่มกิจกรรมเกินกว่าเหตุ และไล่ให้ไปแก้ปัญหายาเสพติด แรงงานต่างด้าวว่า  รัฐบาลไม่เคยทำเกินกว่าเหตุ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่ ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่เคยห้ามการชุมนุมแต่ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งนายอนุสรณ์ก็รู้ดีว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่เคยทำตามกฎหมายเลย มีการจาบจ้วงสถาบันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังทำความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างมาก ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งถือว่าเป็นการทำตามกฎหมาย  เพราะผู้ชุมนุมทำเกินกว่าเหตุ เหมือนไม่ใช่คนไทย ไม่รักแผ่นดินไทย ดังนั้นกฎหมายต้องบังคับใช้อย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินคดีไม่ได้ จะมีประชาชนที่ทนไม่ได้มาร้องเรียนเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 
    นายสุภรณ์กล่าวถึงเหตุระเบิดที่บริเวณสามย่านเมื่อวันเสาร์ว่า ขอประณามคนที่ไม่หวังดีก่อเหตุระเบิด จนมีนักข่าว  เจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนที่บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บระหว่างการชุมนุมม็อบปลดแอก อยากขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมมีสมองคิดด้วยว่าในสถานการณ์ประเทศเกิดโควิดระบาด ก็ไม่ควรที่จะออกมารวมตัวคนหมู่มากเช่นนี้ เพราะหากเกิดการระบาดเพิ่มขึ้นจะเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก อีกทั้งในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกด้วย จึงไม่ควรออกมาชุมนุม อย่าล้ำเส้นจนพี่น้องประชาชนคนไทยจะทนไม่ไหวแล้ว
จวกพวกจิตวิปริตทำลายชาติ
    "ขอเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมอย่าชุมนุมผิดกฎหมาย จาบจ้วงสถาบัน เพราะหากดูพฤติกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุม ดังเช่นเมื่อวานนี้ที่มีการชักผ้าสีแดงซึ่งมีเลข 112 ขึ้นสู่ยอดเสา และนำธงชาติไทยลงมานั้นถือว่าไม่เหมาะสม เพราะที่นี่คือประเทศไทย ผืนแผ่นดินไทย เป็นคนไทยเกิดบนผืนแผ่นดินไทยก็ไม่ควรที่จะทำพฤติกรรมเช่นนี้ นี่คือการทำลายชาติบ้านเมือง เหมือนพวกจิตวิปริต เป็นพวกคนสิ้นคิด หนักแผ่นดินที่สุด  ประชาชนส่วนใหญ่ฝากมา ขอเรียกร้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งนำคนทำมาลงโทษอย่างเด็ดขาด เพราะตนเองรวมถึงประชาชนส่วนใหญ่ในชาติจะไม่ยอมให้คนที่ก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบัน และมีความคิดถ่อยๆ ได้กระทำการที่ป่าเถื่อนเช่นนี้อีกต่อไป หากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่รักชาติ รักสถาบัน ก็ขออย่าได้อยู่ในประเทศอีกเลย ถ้าไม่รักชาติบ้านเมืองไม่จงรักภักดี จะไปอยู่ที่ไหนจะไปตายที่ไหนก็ไปเถอะ เพราะคนไทยเบื่อระอาเต็มทน เริ่มจะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมเลวๆ ถ่อยๆ ชั่วช้าสารเลวเช่นนี้ เพราะการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมถือเป็นการทำร้ายจิตใจย่ำยีหัวใจของคนไทยทั้งแผ่นดิน" นายสุภรณ์กล่าว
    ขณะที่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงผลปฏิบัติการจากกรณีการชุมนุมของกลุ่มราษฎรที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หน้าศูนย์การค้าสามย่านมิดทาวน์ และหน้าศูนย์การค้าจามจุรีสแควร์ เมื่อวันที่ 16  ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ตำรวจบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน โดยดำเนินการตามขั้นตอน มีสื่อมวลชนหลายสำนักถ่ายสดผ่านทางสื่อโซเชียล สามารถตรวจสอบได้ โดยการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจับกุมผู้ชุมนุมได้ 2 คน คือ นายใบบุญ  ไทยพานิช และนายภาณุพงษ์ พงษ์ธนู และการชุมนุมที่หน้าศูนย์การค้ามิดทาวน์จับกุมได้ 4 คน คือ นายสถาพร วราวงศ์วณิชย์, นายอภิสิทธิ์ ชนากรสุนีย์, นางกฤษณา สาระ และนางจารุณี สายแผลง ตามความผิด พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ, ผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก และผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ  จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะพบการกระทำความผิด เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 และยังปิดการจราจรส่งผลให้การจราจรติดขัด
    นอกจากนี้ กลุ่มการ์ดผู้ชุมนุมยังได้แย่งชิงโทรศัพท์จากรองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สน.ปทุมวัน จนเกิดการกระทบกระทั่งกัน ทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บด้วย ในส่วนนี้ก็ต้องดำเนินคดีเช่นกัน แม้ว่าการชุมนุมจะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่อยากให้คำนึงถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงนี้ด้วยเพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวถึงความคืบหน้าเหตุการณ์ระเบิด กรณีการชุมนุมบริเวณด้านหน้าอาคารจามจุรีสแควร์ ถนนพญาไท เป็นเหตุให้มีตำรวจ ผู้สื่อข่าว และประชาชนได้รับบาดเจ็บ 4 คนว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบคนร้ายมีอย่างน้อย 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ โยนระเบิดจากสะพานลอยไทย-ญี่ปุ่นลงมาใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ ขณะนี้ทราบเบาะแสของคนร้ายแล้ว เตรียมออกหมายจับในเร็วๆ นี้ ไม่เกิน 3 วัน ระเบิดที่ใช้ก่อเหตุมีลักษณะคล้ายกับระเบิดที่ใช้ก่อเหตุที่หน้า ดิ อเวนิว แยกรัชโยธิน หลังการชุมนุมของกลุ่มราษฎรเมื่อวันที่ 25 พ.ย.63 ที่กลุ่มอาชีวะมักใช้ก่อเหตุกับคู่อริ ซึ่งระเบิดที่ใช้ก่อเหตุที่หน้าศูนย์การค้าจามจุรีสแควร์ เป็นระเบิดใช้ดินเทาซึ่งเป็นดินระเบิดแรงดันต่ำ แต่ความไวสูง จุดระเบิดด้วยแรงกระแทกจากการปา ในที่เกิดเหตุพบตะปูตอกคอนกรีต ขนาด 1 นิ้ว, ตะปูเข็ม, สายไฟ, เทปดำ และพลาสติกสีเหลือง จากข้อมูลของอีโอดีระบุว่า เป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบประทัดปิงปอง ผลกระทบเมื่อเกิดเหตุระเบิด  สามารถทำอันตรายร่างกายให้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้หากอยู่ใกล้ระเบิด หรือสะเก็ดระเบิดเข้าอวัยวะสำคัญ ส่วนมูลเหตุจูงใจคือหวังผลทางการเมือง
    เมื่อถามถึงการหายตัวไปของนายมงคล สันติเมธากุล  หรือเยล สมาชิกกลุ่มการ์ดราษฎร พล.ต.ต.ยิ่งยศชี้แจงว่า  ตำรวจมีหน้าที่ดำเนินการตาม ป.วิ.อาญา ความผิดตาม  พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ, พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ หากจะมีการดำเนินการนอกเหนือกฎหมายดังกล่าวข้างต้นจึงไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจ แต่จะเป็นส่วนอื่นที่รับผิดชอบ เราตอบไม่ได้ 
กอ.รมน.ปัดอุ้มการ์ด
    ด้าน พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. เปิดเผยว่า ตามที่มีสมาชิกกลุ่มการ์ด (Protect Freedom) เดินทางมาชุมนุมหน้า กอ.รมน.ในเวลา 09.00 น. เรียกร้องให้ กอ.รมน. ปล่อยตัวสมาชิกกลุ่มการ์ดที่หายตัวไปตั้งแต่ช่วงดึกเมื่อคืนประมาณ 5 ทุ่ม ภายหลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมเขียนป้ายผ้าที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อบ่ายวานนี้ เนื่องจากมีกลุ่มคนอ้างว่าเป็น กอ.รมน.ได้ใช้โทรศัพท์มือถือของสมาชิกการ์ดที่หายตัวไปแชตไลน์ข่มขู่เพื่อนกลุ่มสมาชิกการ์ด และแจ้งว่าจะปล่อยตัวตอน 05.00 น.ของเช้าวันนี้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการปล่อยตัว กอ.รมน.ขอชี้แจงว่า ที่ผ่านมาไม่มีภารกิจความรับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อย และการดูแลพื้นที่การรักษาความปลอดภัยของการชุมนุม จากการตรวจสอบขั้นต้นยืนยันว่าไม่ปรากฏมีหน่วยงานของ กอ.รมน.เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
    ทั้งนี้ นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ "โตโต้" แกนนำกลุ่ม wevo  ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ได้รับข้อมูลยืนยันขอความช่วยเหลือด่วน จากสมาชิกกลุ่มการ์ดราษฎร ที่ได้หายตัวไปจากบ้านพักนานหลายชั่วโมงติดต่อกัน โดยไม่สามารถติดต่อได้ และมีความเป็นไปได้ว่า 'ถูกอุ้ม' โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ  โปรดติดตามความคืบหน้า และช่วยกันตะโกนให้สังคมรับรู้ถึงพฤติกรรมอันป่าเถื่อนของคนบ้าที่มีอำนาจในประเทศนี้"
    ต่อมาเวลา 14.00 น. ทวิตเตอร์ iLawFX. ระบุข้อความ  "13.00 น.พบตัวมงคล โดยนำตัวมาส่งที่บีทีเอสเคหะ สมุทรปราการ คาดว่าจะไปแจ้งความไว้ก่อนที่ สภ.บางปู  ท้องที่เกิดเหตุ ตอนนี้มวลชนจาก สน.พญาไทบางส่วนย้ายไปรอให้กำลังใจที่ สภ.บางปู"
    ที่ สน.พญาไท นายป้อมปืน ปานพวงแก้ว สมาชิกกลุ่มการ์ดราษฎร เดินทางมาติดตามการหายตัวไปของนายมงคล  สันติเมธากุล หรือเยล หนึ่งในสมาชิกกลุ่มการ์ดราษฎร ที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "ช่วยด้วย" ก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับ จนสมาชิกในกลุ่มคาดว่าอาจจะถูกลักพาตัว ต่อมานายป้อมปืนได้รับแจ้งจากผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. ที่สนทนาผ่านไลน์กับนายมงคล ว่าจะนำตัวไปปล่อยในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ บริเวณสถานีรถไฟฟ้าการเคหะบางปู  เบื้องต้นมีเพื่อนในกลุ่มการ์ดราษฎรเดินทางไปรับตัวนายมงคลแล้ว ไม่พบร่องรอยบาดแผล หรือการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด  
    ที่ สภ.ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ นายมงคล สันติเมธากุล  หรือเยล สมาชิกกลุ่มการ์ดราษฎร ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันว่าถูกชายฉกรรจ์ 4-5 คนอุ้มตัวไป หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมที่อนุสาวรีประชาธิปไตย เหตุเกิดเวลา 23.00 น.วันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังได้รับการปล่อยตัว โดยเขาเปิดเผยไทม์ไลน์ว่า หลังจากที่ซื้อของในร้านสะดวกซื้อแถวบ้านและกำลังเดินกลับ ระหว่างทางมีผู้ชายนำผ้ามาคลุมที่ศีรษะและพาขึ้นรถตู้ โดยไม่เปิดเผยว่าเป็นใครและมาจากหน่วยงานใด ซึ่งตลอดทั้งคืนผู้ชายภายในรถตู้พยายามบอกให้ตนเองเซ็นเอกสารบางอย่าง แต่เนื่องจากตนไม่เห็นเอกสารว่ามีเนื้อหาอย่างไรจึงไม่ยอมเซ็น ผู้ชายกลุ่มนี้ยังพูดถึงภาพเกี่ยวกับการชุมนุมในโทรศัพท์ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำ  เป็นเพียงการบันทึกเก็บไว้เท่านั้น นอกจากนี้ยังพยายามพูดไม่ให้ตนเองไปร่วมการชุมนุม โดยชายที่อยู่ในรถตู้มีการพูดเป็นภาษาไทยสำเนียงภาคใต้ ตลอดเวลาที่ถูกอุ้มจากกลุ่มชายฉกรรจ์ ตนเองอยู่บนรถตู้ตลอดเวลา กระทั่งถูกปล่อยตัว โดยไม่มีการทำร้ายร่างกาย ทุบตี หรือซ้อมทรมานแต่อย่างใด
การ์ดปลดแอกอ้างคนอุ้มเข้าใจผิด
    ส่วนกรณีการใช้โทรศัพท์โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และมีการระบุข้อความว่า "เป็นการเข้าใจผิด" นั้น นายมงคลยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้โพสต์ เนื่องจากโทรศัพท์ถูกยึดไปตั้งแต่ถูกอุ้มหาย และตนเองเป็นคนให้รหัสผ่านแก่กลุ่มชายฉกรรจ์ เนื่องจากรู้สึกหวาดกลัว กระทั่งเวลาผ่านไปกลุ่มชายฉกรรจ์ บอกว่าจะเอาตัวไปปล่อยที่ชายแดน พร้อมกล่าวขอโทษและบอกว่า "พี่เข้าใจผิด" จากนั้นได้มีการเปลี่ยนจากผ้าคลุมมาเป็นเสื้อคลุม และผลักตนเองออกจากรถตู้ เมื่อลงจากรถได้ตนก็วิ่งออกจากจุดดังกล่าวโดยที่ยังมีเสื้อคลุมหัวอยู่ จึงไม่รู้ว่าถูกปล่อยตัวจุดใด
    "วิ่งจนรู้สึกว่ากำลังจะตกน้ำจึงเปิดผ้าคลุมหัวขึ้น เห็นร้านสะดวกซื้อ ซอยบางปู 49 จึงเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานให้ติดต่อเพื่อนในกลุ่มการ์ดราษฎรให้มารับ" นายมงคลกล่าว
    วันดียวกัน สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำนอกกฎหมายของตำรวจไทย ในการปราบปรามและจับกุมผู้ชุมนุมที่เรียกร้องประชาธิปไตย เป็นการรับใช้อำนาจเผด็จการ บั่นทอนประชาธิปไตย ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชนดังกล่าว และขอเรียกร้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ที่เห็นชอบในการสั่งการ ให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมทุกคนอย่างไม่มีเงื่อนไข ให้เลิกใช้กฎหมายเป็นข้ออ้างในการคุกคามประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ด้วยการใช้กระบวนการที่ผิดกฎหมายและหลักนิติธรรมเสียเอง
    ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มกิจกรรมทางการเมือง  "ราษฎร" ได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก "ราษฎร" ขึ้นใหม่ โดยโพสต์ข้อความระบุว่า "ราษฎรทั้งหลาย พึงรู้ไว้เถิดว่า การเคลื่อนไหวไม่ได้แผ่ว ไม่ได้หายไปอย่างที่เขาหลอกลวง ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดครั้งใหม่ของโควิด-19 ทำให้การต่อสู้บนท้องถนนยังไม่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่ แต่ราษฎรไม่อาจอยู่เฉยได้ในสถานการณ์ที่ประชาชนยังถูกคุกคาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวกยังไม่ยอมลาออก รัฐธรรมนูญยังไม่ได้มาจากประชาชน การเคลื่อนไหวของเราจะยังคงดำเนินต่อไป เตรียมตัวพบกับการเคลื่อนไหวเต็มรูปแบบ"
    นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมการสมานฉันท์ กล่าวถึงการนัดประชุมคณะกรรมการนัดแรกวันที่ 18 ม.ค. เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา เพื่อเลือกกรรมการให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ว่ายังไม่ทราบว่ากรรมการคนใดจะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการฯ หรือตำแหน่งใด ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม จะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการนั้น ตนไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม การทำงานของกรรมการคือการระดมความคิดเห็น ไม่ว่าบุคคลใดเป็นประธานก็คงมีเพียงเสียงเดียวเท่ากับกรรมการคนอื่น ส่วนกรณีที่คนใกล้ชิดของนายกฯ เป็นประธานกรรมการ จะทำให้สังคมลดความเชื่อถือหรือไม่นั้น พอๆ กันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือวุฒิสภา (ส.ว.) ทั้งนี้การเลือกนั้นขึ้นอยู่กับที่ประชุม
    เมื่อถามถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชน ที่ล่าสุดมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นระหว่างชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา  จะทำให้กรรมการทำงานยากหรือไม่ นายเทอดพงษ์กล่าวว่าไม่ยาก และไม่คิดว่าเป็นอุปสรรค เนื่องจากกรรมการต้องหาวิธีแก้ปัญหา เมื่อดูสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ส่วนประเด็นที่ม็อบเรียกร้องนั้นรับทราบแล้ว ทั้งนี้การมีอยู่ของกรรมการสมานฉันท์ ไม่ใช่ว่าเกิดแล้วจะทำให้มีความสงบเรียบร้อย แต่ต้องหาทางเพื่อให้เกิดความเห็นพ้อง เพราะคงไม่สามารถทำให้ความคิดเห็นไปในทำนองเดียวกันได้ทั้งหมด แต่ต้องทำให้ส่วนที่เห็นร่วมกันไปด้วยกันได้ ส่วนที่ฝ่ายค้านปฏิเสธเข้าร่วมกรรมการนั้น อาจมีวิธีที่ทำให้เกิดความร่วมมือผ่านการพูดคุยนอกแบบ เพื่อรวบรวมความเห็นในสิ่งที่เป็นปัญหา สิ่งที่เป็นเงื่อนไขในตอนนี้ เช่น รัฐธรรมนูญ การทุจริตคอร์รัปชัน การวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์ ตอนหนึ่งว่า "ช่วงเวลาถัดจากนี้อยากชวนคนไทยว่า ต้องร่วมแรงร่วมใจกันสักครั้ง ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ แต่เราไม่สามารถทนต่อความหายนะของประเทศนี้อีกต่อไปได้ เพราะสุดท้ายแล้วหากเราไม่ทำอะไรเลย  ประเทศก็จะอยู่แบบนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น ตนไม่มีอคติหรือมายาคติกับใครเป็นการส่วนตัว เพียงแต่การคิดอ่านบนถนนการต่อสู้ที่ผ่านมาและผลลัพธ์ที่เรากำลังคิดอ่านกันต่อไปนั้นคือ สิ่งที่เราต้องการจะเห็นการตื่นของคนไทยที่จะร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ร่วมกัน และจะผ่านความทุกข์ยากลำบากนี้ไปด้วยกันในทุกๆ ด้าน บัดนี้ได้เวลาแล้ว ภายใต้หลักคิดสามัคคีประเทศไทยเพื่อการเปลี่ยนแปลง". 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"