ยุ'ภท.'โหวตหนุนศึกซักฟอก


เพิ่มเพื่อน    


    “เพื่อไทย” ฟุ้งเสร็จศึกอภิปรายต้องมีรัฐมนตรีไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ยุ “ภูมิใจไทย” ยกมือโหวตหนุนญัตติฝ่ายค้าน “หญิงหน่อย” ย้ำไม่ร่วมวง “ประวิตร” แน่นอน    
    เมื่อวันอาทิตย์ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นในวันที่ 25 ม.ค.ว่า มีคนปรามาสว่าพรรค พท.และฝ่ายค้านคงทำอะไรรัฐบาลไม่ได้  ขอเรียนว่าที่ผ่านมาเรามีเรื่องใหญ่ๆ หลายเรื่องที่ทำให้รัฐบาลสั่นคลอน เช่นเรื่องนายกฯ อยู่บ้านหลวง จนเรื่องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งถ้าพรรคไม่พูดป่านนี้ต่อสัญญาไปตั้งนานแล้ว การอภิปรายครั้งนี้เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวยิ่งเข้มข้นขึ้น เพราะแม้แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก็คัดค้านการต่อสัญญาดังกล่าว 
    “การอภิปรายครั้งนี้จะโยงไปถึงนายกฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ลงนามในพระราชบัญญัติร่วมทุน ฝ่ายค้านมีหมัดเด็ด  หลังการอภิปรายจะทำให้มีคนต้องไปศาลรัฐธรรมนูญต่ออีก  และครั้งนี้นายกฯ โดนหนักแน่ และเชื่อว่ากรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว พรรคภูมิใจไทยจะยกมือให้ฝ่ายค้านด้วย” นายยุทธพงศ์กล่าว
    ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ประธานคณะอนุกรรมการนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ และหัวหน้าศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ พรรค พท.กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ นอกจากประเด็นความล้มเหลวในการจัดการเรื่องนายทุนบ่อนการพนันและการลักลอบขนแรงงานเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับคนมีสี  ซึ่งส่งผลให้เกิดการระบาดโควิด-19 ในรอบ 2 และจากการที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ที่ค้างคามานานแล้ว  ยังพบอีกว่ามีการบริหารงบประมาณแผ่นดินในหลายโครงการที่น่าสงสัย เช่น การลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (อีอีซี), โครงการเชื่อมการเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงระหว่าง 3 สนามบิน
    “นิด้าโพลเคยตั้งคำถามเอาไว้ว่า คนไทยรับรู้เรื่องอีอีซีหรือไม่ แต่ผลการสำรวจปรากฏว่า 56.90% ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยได้ยิน และคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทราบถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับอย่างชัดเจน ดังนั้นศึกซักฟอกในครั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งยากที่จะเอาตัวรอดได้ และถ้าวิเคราะห์ดูจากผลงานตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลชุดนี้ คงเป็นไปได้ยากมากที่จะนำประเทศไทยให้พ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้ได้”
    ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ระบุอีกว่า ระหว่างที่คนไทยทั้งประเทศกำลังต่อสู้กับปัญหาโควิด-19 ที่ระบาดหนักรอบ 2 แต่กลับมีมือดีแอบเซ็นสัญญาไฮสปีดเทรน 3 สนามบิน แบบนี้เราจะยังเชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้ต่อไปอีกหรือไม่ เพราะประชาชนอดสงสัยไม่ได้ว่าผลประโยชน์ของโครงการอีอีซีที่แท้จริงแล้วตกอยู่กับใครกันแน่ รัฐ นายทุน  หรือชาวบ้าน
    วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มสร้างไทย กล่าวว่า ขอยืนยันว่าจะไม่ไปร่วมงานกับ  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อตั้งพรรคทหารอย่างที่มีกระแสข่าว จะไม่เป็นบันไดให้เผด็จการต่อท่ออำนาจ หรือเป็นบันไดให้ใครบางคนขึ้นสู่ตำแหน่งที่ต้องการ  สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามใส่ร้ายป้ายสีด้วยการเมืองแบบเก่า การทำงานทางการเมืองมากว่า 30 ปี มีจุดยืนชัดเจน ยืนหยัดต่อสู้เผด็จการ มีจุดยืนอยู่กับฝั่งประชาธิปไตย วันนี้เผด็จการได้สร้างภาระให้ประเทศ และทำให้รัฐราชการใหญ่ขึ้นและประชาชนตัวเล็กลงซึ่งสวนทางกับโลก ตนตั้งใจจะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต่อไปในอนาคต. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"