ชีวิตพ่อ-แม่เดิมพัน 'สันธนะ'ลั่นถ้าระยำจัดการได้ ตร.สอบ6ชม.ก่อนนอนห้องขัง


เพิ่มเพื่อน    

    ลูกกตัญญู "สันธนะ" ร่ำไห้น้ำตาร่วง ใช้ชีวิตพ่อแม่เป็นเดิมพัน หากทำผิดจริง ชั่ว ระยำ เลวเหมือนที่หลายๆ คนร่วมกันประณามผม ขอให้สังคมช่วยจัดการได้เลย ขณะที่ตำรวจรวบตัวที่บ้านบิดา "โจ๊ก" ลงมือเอง สอบยาว 6 ชั่วโมง เจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อหา สุดท้ายนอนมุ้งสายบัว บ่นพึมเคยจับโจรในห้องขังสุดท้ายถูกขังแทน
    เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาลและประธานที่ปรึกษาบริษัท ตลาดใหม่ดอนเมือง เปิดบ้านพักที่ซอยนาคนิวาส เขตลาดพร้าว ย่านห้างสรรพสินค้าคริสตัลปาร์ค ซึ่งเป็นบ้านของบิดา โดยเรียกสื่อมวลชนพร้อมทนายความเพื่อมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังถูกศาลออกหมายจับในข้อหากรรโชกทรัพย์
    พ.ต.ท.สันธนะร่ำไห้แถลงข่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนและครอบครัวในช่วงชีวิตวัย 60 ถ้าเป็นไปได้ ตนจะขอคืนความเป็นคนไทยคืนกลับไปให้กับประเทศไทย อาชีพที่เคยภาคภูมิใจกับความเป็นตำรวจก็จะสูญสิ้นไม่มีอีกแล้ว ขอให้เพื่อนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เข้าใจความรู้สึกตน วันนี้ที่อ้างว่าปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชานั้น คำสั่งจะต้องชอบด้วยกฎหมาย การปฏิบัติกับตน เป็นการปฏิบัติที่เลือกปฏิบัติ ไม่เท่าเทียมกัน
    เขากล่าวเสียงดังว่า หากเป็นเช่นนี้คงไม่มีโอกาสได้พูดกับประชาชนอีกแล้ว แต่ก็ห่วงประชาชนที่จะต้องอยู่ร่วมกันกับองค์กรตำรวจ แต่เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ยุ่งมากและจะสร้างความสูญเสียให้กับบุคคลอื่นๆ เพราะว่าตนจะไม่สามารถดูแลหลายๆ ชีวิตที่ผ่านมาได้อีก จึงตัดสินใจทำลายเอกสารที่เคยมีความตั้งใจที่จะนำไปมอบให้กับผู้ซึ่งมีอำนาจ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถทำให้แก้ไขปัญหาของประเทศนี้ให้ดีขึ้น
    “ผมจึงตัดสินใจทำลายเอกสารโคตรโกงให้ไปกับชีวิต จากนี้จึงขอให้ผู้มีอำนาจได้ทราบว่าไม่ได้มาเสียน้ำตาสร้างราคาเหมือนกับบางคนที่อยู่ในอาชีพ บางคนกล่าวหาว่าผมขู่กรรโชก รีดไถ รู้มากถึงขนาดเขียนเป็นแผนผังชี้แจงแสดงให้ประชาชนเข้าใจได้ แต่ทุกอย่างต้องมีความจริงที่จะปรากฏต่อไป แม้ผมจะไม่มีโอกาสแก้ตัวแล้ว“
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีเอกสารอะไรไปมอบให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องเลยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สันธนะ ตอบว่า ได้เรียนแล้วว่าไม่ได้นำติดตัวไป ก็ขอความเมตตากับผู้ใหญ่คนนั้นเพียงเล็กน้อย เพื่อให้เดินทางไปกับตนเพื่อไปนำเอกสารมา ส่วนคนที่หาว่าตนแสร้งแสดง ก็คงเห็นเองกับตาว่าพฤติการณ์การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ว่ามันคงไม่ใช่ในเรื่องการมาจับกุมผู้ต้องหาในคดีกรรโชกทรัพย์ ที่มาแต่งเรื่องว่ามีการกรรโชกทรัพย์ 300 ล้านบาท ถามว่าตรงไหนคือความเสียหาย มีแม่ค้าคนไหนหรือคนใดแจ้งมา ไม่ใช่เฉพาะแค่แม่ค้าที่ตลาดใหม่ดอนเมือง แต่ขอประชาชนสังคม ช่วยประกาศออกไป หากธุรกิจกิจการ ประชาชนคนใด เคยถูกตนข่มขู่รีดกรรโชกเอาทรัพย์เหมือนกับเจ้าหน้าที่รัฐบางคนกำลังกระทำอยู่ให้แสดงตัว
เอาชีวิตพ่อแม่เดิมพัน
    “หากผมกระทำจริง ขอสาบานเอาชีวิตคุณพ่อและคุณแม่ผมเป็นเดิมพันในการกระทำของผมในครั้งนี้ หากผมชั่ว ระยำ เลว เหมือนที่หลายๆ คน ทุกคนร่วมกันประณามผม ขอให้สังคมช่วยจัดการกับผมได้เลย น้ำตาลูกผู้ชายในวันนี้คงแสดงไม่ได้ขนาดนี้“
    เขากล่าวว่า ตนเคยเป็นตำรวจมาก่อน กลับได้รับการปฏิบัติที่สมัยตนเป็นตำรวจไม่เคยปฏิบัติกับโจรผู้ร้ายมาก่อน แต่ตนกลับถูกกระทำ หากใครโดนแบบก็จะเข้าใจว่าก่อนนี้ทำไมถึงได้แสดงออกอย่างมากมาย จนผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบอกว่าเป็นพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสม 
    "ผมไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี แต่ก็ไม่เลวเหมือนอีกหลายคน ส่วนจะได้เป็นอิสรภาพหลังจากนี้หรือไม่ ผมไม่เคยคาดหวังกระบวนการขั้นต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเป็นองค์กรเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปกับสังคม"
     พ.ต.ท.สันธนะกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนก็เคยมีคดีในศาลถึง 6-7 คดี และยกฟ้องทุกคดี มีความเชื่อมั่นว่าถ้าพ้นขั้นตอนของตำรวจโดยที่ยังมีลมหายใจ ศาลจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้
    หลังจากแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัยได้แสดงหมายจับก่อนควบคุมตัว ขณะที่ พ.ต.ท.สันธนะได้ถอดเสื้อออก แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีการต่อสู้ขัดขวางการควบคุมตัว พร้อมตะโกนเสียงดังว่า ไม่มีอาวุธที่จะต่อสู้ขัดขืนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    "ทุกคนจำเอาไว้กับสิ่งที่คุณทำกับครอบครัวผม ขอให้สังคมช่วยดูแลตรวจสอบ ดูแลอำนาจตำรวจในองค์กรนี้ต่อไป” อดีตนายตำรวจกล่าว ก่อนที่จะถูกควบคุมตัวขึ้นรถตู้ไปยัง สน.โชคชัยในทันทีโดยไม่มีการขัดขืนใดๆ
    ต่อมาที่ สน.โชคชัย พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 กล่าวว่า การควบคุมตัว พ.ต.ท.สันธนะในครั้งนี้คือการจับกุม โดยทาง พ.ต.ท.สันธนะมีการต่อรองไม่ยอมเซ็นชื่อรับทราบว่าถูกจับกุม เนื่องจากจะมีผลต่อการขอประกันตัว แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากเจรจากันพ.ต.ท.สันธนะให้ความร่วมมือยอมเซ็นรับทราบแต่โดยดี ขั้นตอนต่อไปคือการควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน และอยู่ที่พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ว่าจะคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ หากคัดค้าน ทางเจ้าหน้าที่มีอำนาจควบคุมตัวไว้ 48 ชม. เพื่อส่งฝากขังศาลอาญารัชดาฯ ในวันที่ 14 พ.ค. เวลาไม่เกิน 12.00 น.ต่อไป
    ด้าน พ.ต.ท.สันธนะกล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า ยังต้องรอระยะเวลา เนื่องจากว่าการที่มีการนำหมายจับมาแสดงจับกุมตนในวันนี้ มีเพียงหมายจับหมายเดียว จึงแจ้งความประสงค์ว่า หากมีการออกหมายจับกุมคดีร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ก็ขอนำหมายจับทั้งหมดมาแจ้งข้อกล่าวหาที่ สน.โชคชัย อีกทั้งกรณีนี้ ตนมีความประสงค์ที่จะมอบตัวตั้งแต่ช่วงเมื่อคืน แต่เมื่อมีการจับกุมตามหมายจับ ก็จะกลายเป็นว่าถูกจับกุมที่ สน.โชคชัย จึงต้องต่อรองเพื่อใช้สิทธิ เนื่องจากตนจะไม่ยื่นประกันที่ สน.ดอนเมือง แต่จะยื่นประกันในชั้นฝากขังที่ศาล
เคยขังโจรมาก่อน
    หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว พ.ต.ท.สันธนะมาถึงสถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองเมื่อเวลา 11.15 น. ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมสิบนาย เมื่อลงจากรถ พ.ต.ท.สันธนะ ได้ชูมือขึ้นพร้อมตะโกนว่า "โอ้ยยย" ก่อนจะเดินไปกอดหอมเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง และพูดว่า "แต่ก่อนห้องขังนี้ที่ตัวเองเคยทำงานไว้ใช้ขังผู้ร้ายหรือโจร แต่มาวันนี้กลายเป็นตำรวจอย่างตัวเองที่ถูกขังแทน" และเชื่อว่าจะนอนในห้องขังได้อย่างสบาย 
    ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.สันธนะได้ตั้งข้อสังเกตว่า หมายจับมีความผิดปกติ เนื่องจากไม่มีผู้เสียหาย อีกทั้งตามหมายจับที่ระบุวันที่ตัวเองกรรโชกทรัพย์นั้นเกิดขึ้นในวันที่ตัวเองเดินทางไปต่างประเทศ พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และปฏิเสธการเซ็นเอกสาร โดยจะขอให้การในชั้นศาล
        นายธีรวัฒน์ เทียบที ทนายความร่วมผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.สันธนะ ระบุว่า หมายจับที่ออกมาที่ได้รับขณะนี้มีอยู่ทั้งสิ้น 8 หมาย ทั้งหมดเป็นข้อหากรรโชกทรัพย์ รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากแต่ละหมายไม่ได้ออกมาพร้อมกัน และยังพบว่าไม่มีผู้เสียหายร้องทุกข์แจ้งความในหมายด้วย ซึ่งอาจเป็นข้อผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่ายังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะยื่นประกันตัว พ.ต.ท.สันธนะทันที แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดหรือหลักทรัพย์ประเภทใด จำนวนเท่าใด พร้อมยืนยันว่าพ.ต.ท.สันธนะได้เข้ามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ มิใช่ถูกจับกุม ซึ่งตามที่พบในเอกสารการบันทึกรับตัว พบว่าเป็นการจับกุม พ.ต.ท.สันธนะ จึงปฏิเสธที่จะเซ็นรับเอกสารดังกล่าว
    ด้าน พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) คาดว่าจะนำตัว พ.ต.ท.สันธนะไปฝากขังที่ศาลได้ในช่วงเที่ยงวันที่ 13 พ.ค. แต่หากมีการยื่นขอประกันตัว จะต้องพิจารณาก่อนว่าพฤติการณ์หลังจากนี้ของผู้ต้องหาเป็นอย่างไร หลักทรัพย์เท่าใด แล้วการสอบปากคำเป็นอย่างไร ยืนยันว่า การออกหมายจับ พ.ต.ท.สันธนะเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ และมีพยานหลักฐานในการเอาผิด จึงได้นำไปให้ศาลพิจารณาออกหมายจับ
    "การจับกุมทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ที่มีการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายศาล ยืนยันเป็นการเข้าจับกุมตัวตามหมายจับ ไม่ใช่เป็นการเข้ามอบตัวเอง ส่วนการกล่าวอ้างว่ามีการแจ้งให้มาจับควบคุมตัวนั้น ก็ถือเป็นข้อโต้แย้งในการต่อสู้คดีต่อไป แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ที่สำนวนในการสอบสวนว่ามีพฤติการณ์ในการได้ตัวผู้ต้องหามาอย่างไร ส่วนจะคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวนหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องพิจารณาตามขั้นตอนกฎหมาย พฤติการณ์ของผู้ต้องหา และหลักการในการปล่อยตัวชั่วคราว" รอง ผบ.ตร.กล่าว
"โจ๊ก" มาสอบเอง
    ต่อมา พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. และพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ร่วมกันเปิดเผยภายหลังการเข้าสอบปากคำ พ.ต.ท.สันธนะ
    พล.ต.อ.รุ่งโรจน์เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำ พ.ต.ท.สันธนะ ซึ่งรายละเอียดของการสอบปากคำบางส่วน เจ้าหน้าที่ขอสงวนไว้เพื่อใช้ในการประกอบสำนวนคดี ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ ข้อหาซ่องโจรหรือไม่นั้น ต้องขอเวลาในการสอบพยานหลักฐานเพื่อดูว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่เข้าข่ายในข้อหาดังกล่าวหรือไม่ แต่ปัจจุบันพบมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพียง 9 คน และเจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.สันธนะ รวมทั้งหมด 8 หมายจับ
        ส่วนการยื่นขอประกันตัวนั้น ล่าสุดยังตอบไม่ได้ว่าเจ้าหน้าที่จะคัดค้านหรืออนุญาตให้มีการประกันตัวหรือไม่ เพราะต้องรอให้การสอบปากคำดำเนินการแล้วเสร็จก่อน อีกทั้งยังต้องพิจารณาสภาพแวดล้อม รวมถึง พฤติกรรมของ พ.ต.ท.สันธนะ ว่าสุ่มเสี่ยงที่จะหลบหนี หรือจะสร้างความเดือดร้อนให้กับพยานและเจ้าหน้าที่หรือไม่ โดยหากพบว่ามีพฤติกรรมเสี่ยง ก็เป็นอำนาจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถคัดค้านการขอยื่นประกันตัวได้
       รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้มีการประเมินหลักทรัพย์ที่จะต้องใช้สำหรับการยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาไว้ที่คดีละ 100,000 บาท ซึ่งการคุมตัวหรือคุมขังนั้น ก็เป็นไปตามปกติ ไม่ได้ให้อภิสิทธิ์อะไรกับผู้ต้องหา แม้ว่าจะเป็นอดีตข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ประกอบกับทางผู้ต้องหาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเป็นพิเศษ
         ขณะที่เรื่องที่ก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหามีการพูดจาที่คล้ายกับการดูหมิ่นองค์กรตำรวจนั้น ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังตรวจสอบอยู่ว่าเข้าข่ายที่จะสามารถฟ้องร้องดำเนินการเอาผิดได้หรือไม่ ส่วนประเด็นที่ พ.ต.ท.สันธนะมีการวิพากษ์วิจารณ์การได้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. นั้น ส่วนตัวไม่ขอตอบคำถามในกรณีนี้ ต้องให้ทางพล.ต.อ.จักรทิพย์เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
    ช่วงเย็น นายอภิชาติ ครัวเชื้อ ทนายความของพ.ต.ท.สันธนะ ให้สัมภาษณ์ว่า พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวน พ.ต.ท.สันธนะจนเสร็จสิ้นแล้ว คงเหลือแต่ขั้นตอนพิมพ์ลายนิ้วมือ หลังจากนั้นจะนำตัวผู้ต้องหาเข้าไปคุมขังไว้ที่ สน.ดอนเมืองหนึ่งคืนก่อนที่จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา โดยเบื้องต้นได้เตรียมหลักทรัพย์ประกันตัวไว้ 8 แสนบาท แต่ทั้งนี้มีการเพิ่มข้อกล่าวหาซึ่งน่าจะเป็นข้อหากรรโชกทรัพย์เช่นเดียวกัน ทางทนายความก็เตรียมหลักทรัพย์เพิ่มสำหรับการประกันตัวเสนอศาลในวันพรุ่งนี้
จะถ่ายท่าไหน
    เขากล่าวว่า หากพนักงานสอบสวนลงความเห็นค้านการประกันตัว ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล เนื่องจากในบันทึกการจับกุมก็จะมีการลงรายละเอียดว่า พ.ต.ท.สันธนะมีการติดต่อเข้ามอบตัว ไม่ได้เป็นการหลบหนี แม้จะถูกอ้างว่าถูกจับกุมตัวตามหมายจับ 
    "หากมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เราก็พร้อมจะสู้ ให้รวมแจ้งมาทีเดียว แต่ถ้ามีการขอออกหมายจับเพิ่มอีกเราก็พร้อมที่จะค้านขอเพิกถอนหมายจับ ทั้งนี้ จากการโทรศัพท์สอบถาม พ.ต.ท.สันธนะในช่วงบ่ายที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ระบุว่าตั้งแต่เช้ายังไม่ได้รับประทานอาหารเลย แต่ใจยังสู้อยู่" ทนายความผู้นี้กล่าว
      สำหรับการสอบสวน พ.ต.ท.สันธนะที่ สน.ดอนเมือง เริ่มสอบปากคำทั้งหมดตั้งแต่ช่วงเวลา 11.00 น. จนถึง 16.50 น. เป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมง จึงสอบสวนแล้วเสร็จ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปยังห้องคุมขังของ สน.ดอนเมืองทันที 
    ขณะที่ พ.ต.ท.สันธนะให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า "ผมไม่ได้มีความหนักใจอะไรทั้งนั้น อีกทั้งมองว่าเป็นการถูกกลั่นแกล้ง และจะขอสู้คดีจนถึงที่สุด"
      ทั้งนี้ ขณะที่ พ.ต.ท.สันธนะเดินเข้าห้องควบคุมผู้ต้องหานั้น ได้บอกผู้สื่อข่าวว่า ขอสู้ทุกคดี และระหว่างเดินผ่านลูกกรงห้องขัง ได้ตะโกนถามช่างภาพสื่อมวลชนว่า "จะถ่ายภาพพี่ท่าไหน ให้เกาะลูกกรงห้องขังไหม"  ก่อนจะหยุดให้ช่างภาพถ่ายรูปท่าเกาะลูกกรงภายในห้องควบคุมผู้ต้องขังของ สน.ดอนเมือง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"