โพลยก'เฉลิมชัย'สุดเจ๋ง แก้ราคายาง-ปราบโรค!


เพิ่มเพื่อน    

 

นิด้าโพลเผยผลสำรวจเกษตรกรร้อยละ 79.27 พอใจผลการทำงาน “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หลังแก้ราคายางเจ๋ง พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 3 ปี แถมคุมโรค ASF อยู่หมัด ทำส่งออกสุกรพุ่งถึง 2.2 หมื่นล้าน พร้อมลุยตลาดนำการผลิตจนเห็นผล ประกาศลั่น ปี 64 ลุยทำงานหนักเพื่อเกษตรกรใน 15 โครงการพัฒนา

 

เมื่อวันที่​ 24  ม.ค. 64  ศูนย์สำรวจความคิดเห็น​ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้เปิดเผยผลสํารวจความคิดเห็นของเกษตรกร เรื่อง “การดําเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ซึ่งทำการสํารวจในช่วงเดือนธันวาคม 2563 - มกราคม 2564 จากเกษตรกรที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,225 ตัวอย่าง ถึงความพึงพอใจต่อผลงาน และการทำงานของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

ข้อมูลในภาพรวมพบว่า ผลงานและการทํางานของ นายเฉลิมชัย  ค่อนข้างพอใจถึงพอใจมากที่ร้อยละ 79.26 ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ค่อนข้างพอใจถึงพอใจมากที่ร้อยละ 83.26

 

พร้อมกันนี้นิด้าโพล ยังได้เปิดเผยผลสำรวจที่เจาะลึกถึงความพึงพอใจในแต่ละกลุ่ม พบว่า ความพึงพอใจของกลุ่มเกษตรกรสวนยางพาราต่อผลงานและการทํางานของ นายเฉลิมชัย  ค่อนข้างพอใจถึงพอใจมากที่ร้อยละ 82.90 ส่วนกระทรวงเกษตรฯ ค่อนข้างพอใจถึงพอใจมากที่ร้อยละ 81.48 สำหรับผลงานที่พึงพอใจ ได้แก่ การประกันรายได้เกษตรกร เงินเยียวยาเกษตรกรชาวสวนยางพารา การรับประกันราคายางพารา และการพักชําระหนี้เงินกู้ยืมเกษตรกร เป็นต้น

 

ขณะที่ความพึงพอใจของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรต่อผลงานและการทํางานของ นายเฉลิมชัย ค่อนข้างพอใจถึงพอใจมากที่ร้อยละ 81.00 ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ค่อนข้างพอใจถึงพอใจมากที่ร้อยละ 89.00 โดยผลงานที่พึ่งพอใจ เช่น ราคาซื้อขายเนื้อสุกรมีราคาดีขึ้น และการควบคุมโรคระบาดของกรมปศุสัตว์ เป็นต้น

 

ส่วนความพึงพอใจของกลุ่มเกษตรกรทั่วไปต่อผลงาน และการทํางานของนายเฉลิมชัย  ค่อนข้างพอใจถึงพอใจมากที่ร้อยละ 73.76 ส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ค่อนข้างพอใจถึงพอใจมาก ที่ร้อยละ 79.45 สําหรับผลงานที่พึงพอใจ เช่น การจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกร การประกันราคาผลผลิตทางการเกษตร และการส่งเสริมมาตรฐาน GAP เป็นต้น

 

ทั้งนี้มีข้อสังเกตุว่า สาเหตุที่เกษตรกรในกลุ่มต่างๆ มีความพึงพอใจต่อผลงาน และการทำงานของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั้นเป็นผลสืบเนื่องจากความสำเร็จในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญที่สร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกรอย่างเด่นชัดในหลายๆนโยบาย อาทิ การผลักดันราคายางพาราจนขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ ภายใต้โครงการและมาตรการต่างๆ ส่งผลให้ราคายางพาราท้องถิ่น ราคาประมูลตลาดกลางการยางแห่งประเทศไทย และราคาส่งออก FOB โดยเฉพาะราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ณ ตลาดกลางยางพาราสงขลา ปรับตัวสูงที่สุดในเดือนตุลาคม 2563 ที่กิโลกรัมละ 83 บาท สูงมากที่สุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ราคาสูงสุดปี 2561 ที่กิโลกรัมละ 53 บาท ปี 2562 ราคาสูงสุดที่กิโลกรัมละ 60 บาท ด้วยใช้ยุทธศาสตร์การตลาดนำการผลิตในโครงการประกันรายได้ เฟส 1 และ 2 รวมถึงมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ

 

การเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF) เป็นอีกผลงานที่ทำให้ไม่เกิดการระบาดได้เด็ดขาด 100% ส่งผลทำให้มีการส่งออกสุกรได้เพิ่มมากขึ้น ในปี 2563 มีมูลค่าเกิน 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 300% จากปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังรับคำชื่นชมจากองค์กรระหว่างประเทศว่า ไทยเป็นประเทศที่มีการป้องกันที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ปลอดโรคระบาดเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน ในขณะที่มี 34 ประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างมาก

 

นายเฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ถึงว่า ต้องขอขอบคุณที่เกษตรกรมีความพึงพอใจต่อการทำงานและผลงานที่ผ่านมา ขอยืนยันว่า ตนจะทุ่มเททำงานต่อไปอย่างเต็มที่ในการปฎิรูปภาคการเกษตรของประเทศไทย  โดยเฉพาะในปี 2564 ที่จะดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดใน 5 ยุทธศาสตร์ 15 โครงการที่กำหนดไว้

 

“ปี 2564 ในส่วนของสินค้าเกษตรที่สำคัญ อย่าง ยางพารา ได้ตั้งเป้าให้ไทยเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากยางพาราเพื่อส่งออก ส่วนแนวโน้มราคายังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก จากปัจจัยความต้องการซื้อของจีน แต่ยังคงต้องจับตาทิศทางราคาในตลาดล่วงหน้าของโตเกียว ซึ่งเป็นปัจจัยชี้วัดที่สำคัญ

 

เป้าหมายดำเนินงานอีกประการ คือ การเดินหน้าสู่เป้าหมายเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19จะยึดความปลอดภัยในอาหารสำคัญ โดยเฉพาะสุกรจะเป็นสินค้าเรือธง เพราะชื่อเสียงด้านการป้องกันโรคเป็นที่รับรู้ทั่วโลก รวมถึงการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรในสาขาอาชีพต่าง ๆเช่น การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเป็นต้น ” นายเฉลิมชัย กล่าว

 

ขณะที่ น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการควบคุมโรค ASF ว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังคงมีสถานะปลอดจากโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ท่ามกลางการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเวลา 2 ปีกว่าแล้ว สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญเกิดจากทั้งความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด จนนำไปสู่การเตรียมความพร้อมที่ดี

 

"หากทุกภาคส่วนยังคงสามัคคี ร่วมแรง  ร่วมใจ กันในการเฝ้าระวัง ป้องกัน อย่างเข้มแข็ง ต่อเนื่อง เชื่อว่าประเทศไทยจะยังคงสถานะการปลอดโรค อันจะเป็นการสร้างอาชีพ  สร้างรายได้ แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร อย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนต่อไป” อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าว

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"