27-28ม.ค.ฝุ่นพิษกลับมา


เพิ่มเพื่อน    


    "บิ๊กป้อม" ประชุม คกก.สิ่งแวดล้อม ไฟเขียว EIA โครงการ รฟม.สายสีเหลือง คุมเข้มมาตรการน้ำทิ้งยกระดับคุณภาพชีวิต ย้ำเร่งแก้ปัญหา PM 2.5 "ศกพ." เตือน 27-28 ม.ค. ฝุ่นกลับมาปกคลุมทั่วกรุง เหตุลมเปลี่ยนทิศและมีกำลังอ่อนลง ขอ ปชช.งดการเผาในที่โล่ง 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 25 ม.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมการประชุม เพื่อพิจารณารายงาน EIA จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย ช่วงแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยประหยัดระยะเวลาการเชื่อมต่อระบบการเดินทางจากเดิมที่ต้องเชื่อมต่อ 2 ครั้ง (สายสีเหลือง-สายสีน้ำเงิน-สายสีเขียว) 2.โครงการถนนเลี่ยงเมืองสตูลฝั่งตะวันออก ตำบลคลองขุด ตำบลพิมาน อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดและลดอุบัติเหตุ
    3.โครงการศึกษาออกแบบระบบขนส่งมวลชนโดยระบบราง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เพื่อรองรับการเดินทางในเมืองหาดใหญ่ และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว และ 4.โครงการทางหลวงหมายเลข 203 (หล่มสัก-หล่มเก่า-เลย) ของกรมทางหลวง เพื่อลดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง 
    พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการที่สำคัญ เพื่อรองรับแผนการพัฒนาท้องถิ่น ภายใต้มาตรการสิ่งแวดล้อมที่เป็นสากล ได้แก่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ส่วนต่อขยาย ช่วงแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน ของ รฟม., โครงการถนนเลี่ยงเมืองสตูล ของ อบจ.สตูล, โครงการศึกษาออกแบบระบบขนส่งมวลชนโดยระบบราง ของ อบจ.สงขลา, โครงการทางหลวงหมายเลข 203 หล่มสัก-หล่มเก่า-เลย ของกรมทางหลวง และเห็นชอบให้ ทส.ปรับปรุงประกาศมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้ง จากท่าเทียบเรือประมงบางประเภทที่ยังขาดการดูแลบำรุงรักษา ระบบบำบัดน้ำเสีย อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง
    นอกจากนี้ยังเห็นชอบร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2563 ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการคาดการณ์แนวโน้มของสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น เช่น พื้นที่เกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น การใช้พลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น และอัตราส่วนพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น เป็นต้น สำหรับสถานการณ์ที่ยังน่าเป็นห่วง เช่น พื้นที่ป่าไม้คงที่ แต่พื้นที่ไฟไหม้รวมทั้งจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น คุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐาน (PM2.5) ในพื้นที่เมืองใหญ่ ควันจากไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือรุนแรงเพิ่มขึ้น เป็นต้น
    "พล.อ.ประวิตรได้กำชับคณะกรรมการให้กำกับติดตามโครงการที่ผ่านความเห็นชอบแล้ววันนี้ ให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการต่างๆ ปฏิบัติตามรายงาน EIA อย่างเคร่งครัด และให้ได้ผลตามวัตถุประสงค์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่นตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติต่อไป" ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกฯ ระบุ 
    วันเดียวกัน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวถึงการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศว่า วันที่ 25 ม.ค. เวลา 07.00 น. ปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมงในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง และภาคตะวันออกลดลง แต่ยังคงพบเกินค่ามาตรฐาน คือ มากกว่า 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ใน จ.เชียงราย พะเยา เชียงใหม่ น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี ปราจีนบุรี หนองคาย เลย นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ อุบลราชธานี และนครราชสีมา เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา จังหวัดที่มีปริมาณฝุ่นสูงเกินค่ามาตรฐานในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพลดลงเหลือ 17 พื้นที่ จาก 33 พื้นที่ โดยสูงสุด 73 มคก/ลบ.ม. ที่ อ. แม่สอด จ.ตาก
    "ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ.ร่วมกับ กทม. ตรวจวัดได้ 20-46 มคก./ลบ.ม. ซึ่งทุกพื้นที่ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน ดีขึ้นกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยขอให้ประชาชนทั่วไปในพื้นที่ที่ปริมาณฝุ่นเกินค่ามาตรฐานให้เฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็ก คนชรา สตรีมีครรภ์ และผู้ป่วย ลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์" อธิบดี ค.พ.กล่าว 
    ด้าน น.ส.ศิวพร รังสิยานนท์ รองโฆษกศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า คุณภาพอากาศวันที่ 25 ม.ค. ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเริ่มคลี่คลาย มาจาก 2 ปัจจัย คือ รัฐบาลได้กำชับให้ทุกหน่วยงานลงพื้นที่ตรวจติดตามและควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะการเผาในที่โล่งและการจราจร และปัจจัยทางอุตุนิยมวิทยาที่เอื้อต่อการกระจายของฝุ่นช่วยลดการสะสมตัวของฝุ่นลงได้
    น.ส.ศิวพรกล่าวว่า คาดการณ์ในวันที่ 26 ม.ค. ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคกลาง และตะวันออก จะมีแนวโน้มลดลง แต่ช่วงวันที่ 27-28 ม.ค. ฝุ่น PM2.5 อาจจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เนื่องจากลมเปลี่ยนทิศและมีกำลังอ่อนลง ส่วนภาคอื่นๆ มีแนวโน้มลดลง จึงขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่ง ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง และปรึกษาแพทย์หากพบอาการผิดปกติ
    "ศกพ.ได้ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดขับเคลื่อนงานตามแผนเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองลด และควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตรอย่างเข้มงวด โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่รวบรวมแผนและผลการแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันฝุ่น PM2.5 รวมทั้งคุณภาพอากาศข้อมูลจุดความร้อนและการคาดการณ์สภาพอากาศให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้เป็นข้อมูลประกอบการแก้ปัญหา" น.ส.ศิวพรกล่าว
    รองโฆษก ศกพ.กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบค่าฝุ่น PM2.5 ยังสูงในหลายพื้นที่เกินค่ามาตรฐาน 25 จังหวัด คือ เชียงราย, พะเยา, เชียงใหม่, น่าน, ลำปางล, แพร่, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, พิษณุโลก, ตาก, กำแพงเพชร, เพชรบูรณ์, อุทัยธานี, ลพบุรี, สระบุรี, ปราจีนบุรี, หนองคาย, เลย, นครพนม, ขอนแก่น, กาฬสินธุ์, ร้อยเอ็ด, ชัยภูมิ, อุบลราชธานีและนครราชสีมา 
    "ศกพ.ขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเครือข่ายในพื้นที่ ให้เพิ่มความเข้มงวดการป้องกันและแก้ปัญหา PM2.5 โดยเฉพาะพื้นที่เกษตรและพื้นที่ชุมชน หากพบการเผาจะเร่งเข้าระงับเหตุทันทีเพื่อบรรเทาค่าฝุ่น PM2.5 ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน" รองโฆษก ศกพ.กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"