เบี้ยสูงอายุโผล่อีก ยื่นระงับเรียกคืน!


เพิ่มเพื่อน    


    โผล่อีก! แม่เฒ่า 89 ชาว อ.นางรอง ถูกเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุย้อนหลัง 16 ปี รวม 1.2 แสนบาท​ เหตุซ้ำซ้อนบำนาญ​ลูกชาย "ศรีสุวรรณ" จ่อร้องผู้ตรวจการแผ่นดินสั่งรัฐแก้ไขและระงับการเรียกคืน ชี้เป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐ อปท.ไล่เบี้ยคืนจากผู้สูงอายุจึงเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ โฆษกเพื่อไทยจวกผลักภาระให้ชาวบ้าน ขาดการบูรณาการข้อมูล หลายโครงการส่อทุจริตเอื้อพวกพ้องจ่อฉายภาพวันซักฟอก 
    จากกรณีที่กรมบัญชีกลางเรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุ รวมดอกเบี้ย จำนวน 84,400 บาท คืนจากนางบวน โล่สุวรรณ อายุ 89 ปี ชาวตำบลเจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากนางบวนได้รับบำนาญพิเศษ ภายหลังจากลูกชายที่เป็นทหารเสียชีวิตหลังจากเหตุคลังแสงระเบิด 
    ล่าสุดพบกรณีลักษณะคล้ายกับคุณยายบวนโผล่อีกรายที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ คือ นางทิม สังข์สนิท อายุ 89 ปี อยู่ ต.ลำไทรโยง อ.นางรอง โดยนางประมวล สังข์สนิท อายุ 49 ปี ลูกสาวคนเล็กให้ข้อมูลว่า นางทิมผู้เป็นแม่มีลูกทั้งหมด 9 คน กระทั่งเมื่อประมาณปี 2535 ร.ต.อ.สนาม สังข์สนิท ลูกชายคนที่ 6 ซึ่งรับราชการเป็นตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ อ.อุ้งผาง จ.ตาก ทางต้นสังกัดได้แจ้งกับทางครอบครัวว่า ได้เกิดเหตุการณ์กองกำลังกะเหรี่ยงบุกโจมตีฐาน มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตหลายนาย แต่หาศพของลูกชายซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ฐานดังกล่าวไม่เจอ จึงกลายเป็นบุคคลหายสาบสูญ   
    ทางต้นสังกัดจึงมอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวก้อนแรก 40,000 บาท เมื่อปี 2538 พร้อมทำเรื่องขอรับเงินบำนาญพิเศษให้กับพ่อและแม่ โดยช่วงแรกได้รับเงินบำนาญพิเศษเมื่อประมาณปี 2540 จำนวน 1,800 บาท หลังจากนั้นก็ปรับเพิ่มเป็นเดือนละ 5,000 , 6,000 , 9,000 บาท และล่าสุดเมื่อปี 2562 ได้เพิ่มเป็นเดือนละ 10,000 บาทจนถึงปัจจุบัน  
    ต่อมาเมื่อปี 2547 มีสมาชิกสภา อบต.มาขอเอกสารคนชราในหมู่บ้านเพื่อไปทำเรื่องขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ อบต. รวมถึงแม่ของตนเองด้วย แต่ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่มาซักถามข้อมูลหรือแจ้งรายละเอียดอะไรเลย กระทั่งเดือน ธ.ค.2547 แม่ก็เริ่มได้รับเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท จนถึงเดือน ก.ย.2554 ปี 2555 ถึงเดือน ก.พ.2563 ได้รับเดือนละ 800 บาท ก็ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่มาแจ้งอะไร กระทั่งวันที่ 23 มิ.ย.2563 ได้รับหนังสือจากทาง อบต.แจ้งว่าจะเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืนจากนางทิมที่ได้รับไปตลอดระยะเวลา 16 ปี รวมเป็นเงิน 121,800 บาท เนื่องจากเป็นผู้ได้รับบำนาญจากกรมบัญชีกลาง ถือเป็นการรับเงินจากรัฐซ้ำซ้อน   
    นางประมวลบอกว่า หลังได้รับหนังสือดังกล่าวทั้งแม่และตนเองตกใจมาก กลัวจะถูกดำเนินคดี โดยได้ไปทำบันทึกตกลงที่ อบต. ยอมชำระเดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 24 เดือน ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ อยากถามว่าความผิดพลาดไม่ได้อยู่ที่แม่ ทำไมจะต้องมารับภาระตรงนี้ หากเป็นไปได้ก็อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและช่วยเหลือด้วย เพราะเงินบำนาญที่เหลือ 5,000 บาท แม่ก็ต้องดูแลเลี้ยงหลานกำพร้าอีกถึง 4 คน
     ขณะที่ นางนัฐฐา โยธาพล ปลัด อบต.ลำไทรโยง กล่าวว่า สาเหตุที่เพิ่งมีหนังสือไปเรียกเก็บเบี้ยผู้สูงอายุจากยายทิมคืน เนื่องจากเพิ่งมีการลิงค์ระบบข้อมูลกับกรมบัญชีกลางเมื่อต้นปี 2563 ซึ่งทาง อบต.เองก็จำเป็นต้องทำตามระเบียบ เพราะเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินหลวง แต่ทาง อบต.ก็เห็นใจคุณยายและครอบครัว จึงได้เรียกมาพูดคุยตกลงกันที่ อบต.        
     ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่กรมบัญชีกลางได้มีหนังสือแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายจังหวัดเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ทำให้ผู้สูงอายุที่ถูกเรียกคืนเงินดังกล่าวเดือดร้อนกันทั่วประเทศนั้น เมื่อฟังเสียงจากผู้สูงอายุต่างๆ เหล่านั้นพบว่า ต่างได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุไว้โดยสุจริต (ฟังได้ว่าคุณยายต่างๆ เหล่านั้นไม่ทราบข้อกฎหมาย/ข้อเท็จจริง) และหากคุณยายเหล่านั้นรับเงินไว้โดยสุจริต และได้นำไปใช้จ่ายหมดแล้วก่อนที่จะถูกเรียกคืน คุณยายเหล่านั้นไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.412 (เทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10850/2559)
     "กรณีที่เกิดขึ้นนี้ต้องถือเป็นความบกพร่องในการตรวจสอบตรวจทาน เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จึงต้องไปไล่เบี้ยกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องจึงจะชอบ การที่กรมบัญชีกลางทำหนังสือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ไปไล่เบี้ยเรียกคืนเงินจากผู้สูงอายุ จึงเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย"
     นายศรีสุวรรณกล่าวว่า วันที่ 28 ม.ค.นี้ สมาคมจะนำความไปร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ใช้อำนาจสั่งให้ รมว.มหาดไทย แก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2561 ที่เกี่ยวกับคุณสมบัติข้อดังกล่าวเสีย และสั่งให้กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง ระงับการเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทั่วประเทศที่ดำเนินการไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว 
     น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ถือเป็นภาพสะท้อนปัญหาการบริหารของรัฐบาลที่ปล่อยให้กลไกรัฐดำเนินการโดยการผลักภาระไปให้ชาวบ้าน แทนที่จะแก้ที่ต้นตอของปัญหา โดยเฉพาะโครงสร้างระบบราชการใหญ่โต แต่ไร้ประสิทธิภาพ ขาดการทำงานบูรณาการและขาดการเชื่อมโยงข้อมูล ทั้งที่ในปีที่ผ่านมารัฐบาลได้พัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud Services : GDCC) วงเงินรวม 4,073 ล้านบาท ที่ควรจะเชื่อมโยงฐานข้อมูลของประชาชนทุกกระทรวง เก็บข้อมูลประชาชนทุกคน และยังมีคณะกรรมการ Big Data มีหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายโดยใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ มีผู้เชี่ยวชาญเกือบ 40 คน แต่ยังขาดการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกระทรวง หากรัฐใช้เครื่องมือนี้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดความผิดพลาดของข้อมูลการจ่ายเงินของหน่วยงานต่างๆ ได้
    "ขอให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบ และรับรู้ว่าการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้งบประมาณจากภาษีของพี่น้องประชาชนอย่างไร้ประสิทธิภาพ หลายโครงการส่อไปในทางทุจริตคอร์รัปชัน เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ในขณะที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนและตกอยู่ในภาวะยากเข็ญ จากกรณีทั้งหมดที่เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยจะฉายภาพความล้มเหลวและเสนอทางออกที่เหมาะสมให้แก่รัฐบาลในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะถึงนี้" โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"