เดือดปชป.ผุดทีมประท้วง ‘แรมโบ้’เตือนพท.ตกหลุม


เพิ่มเพื่อน    

ศึกซักฟอกส่อเดือด! ไม่ใช่องครักษ์ประชาธิปัตย์ตั้ง "ชินวรณ์" หัวหน้าทีมประท้วง ฝ่ายค้านพาดพิงสถาบันเจอกันแน่ "ราเมศ" เผย 2 รัฐมนตรีพรรคพร้อมชน "แรมโบ้อีสาน" เตือนเพื่อไทย ตกหลุมพรางพรรคการเมืองที่หวังคิดล้มล้างสถาบัน ระวังไปหาเสียงโดนโห่ไล่ทั่วประเทศเหมือน "ทอน"

    เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2564 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านจะเป็นข้อเท็จจริงตั้งต้น เมื่อฝ่ายค้านกล่าวถึงเรื่องอะไร รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะพูดชี้แจงในเรื่องนั้นได้ทุกประเด็นเช่นกัน หากการอภิปรายเกี่ยวข้องพาดพิงถึงสถาบัน หลักการคือไม่สามารถกล่าวถึงพระมหากษัตริย์โดยไม่จำเป็น และหากมีการพาดพิงถึงสถาบัน สนับสนุนให้รัฐบาลชี้แจงให้ประชาชนเห็นว่ามีพรรคการเมืองใดที่ไปเห็นดีเห็นงามให้มีกลุ่มบุคคลมาก้าวล่วงสถาบัน  
    โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า รัฐมนตรีของพรรคที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ในฐานะรองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งสองท่านได้มีการเตรียมข้อมูลอย่างละเอียด รวมถึงผลการทำงานทั้งหมดที่ผ่านมา เพื่อให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการทำงานโดยยึดหลักซื่อสัตย์ สุจริต มีรายงานข่าวจากผู้หวังดีว่าข้อมูลที่จะนำมาอภิปรายยังไม่มีความชัดเจนใดๆ เลย จึงมีความพยายามโยงข้อมูลให้ผิดไปจากความเป็นจริง  
    "ขอให้มีการอภิปรายโดยยึดข้อบังคับอย่างเคร่งครัด เพราะหากอภิปรายโดยไม่ถูกต้องตามข้อบังคับ ส.ส.ของพรรคก็พร้อมที่จะลุกขึ้นเพื่อติติงให้การอภิปรายอยู่ในกรอบของข้อบังคับการประชุมสภา"
    นายราเมศเผยว่า ในการประชุม ส.ส.ของพรรควันที่ 2 ก.พ. จะมีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อบังคับการประชุมสภาอย่างละเอียด ถ้าฝ่ายค้านมีอภิปรายผิดข้อบังคับ ไม่เช่นเฉพาะกับรัฐมนตรีของพรรค แต่รวมถึงรัฐมนตรีทุกคน ส.ส.ของประชาธิปัตย์ก็พร้อมลุกขึ้ประท้วง
    "ทีมนี้ไม่ใช่องครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรี แต่หากฝ่ายค้านอภิปรายไม่ถูกต้องก็ต้องประท้วง นำโดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล นอกจากนี้ ทางพรรคได้ตั้งทีมงาน 1 ชุด เพื่อประจำที่รัฐสภา โดยมีผมเป็นผู้นำรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้กับรัฐมนตรีทั้งสองคนของพรรค ซึ่งหากมีความจำเป็นทีมที่ตั้งขึ้นก็จะแถลงต่อสื่อมวลชนต่อไป เพื่อให้เข้าใจข้อเท็จจริง"
    เมื่อถามว่า นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายราเมศกล่าวว่า สำหรับพรรคยังไม่ได้มีการหารือในเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่วาระการอภิปรายจะมีการถกเถียงกันมากพอสมควร โดยข้อบังคับระบุชัดว่าสามารถกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ได้เท่าที่จำเป็น ดังนั้นต้องดูว่าวันอภิปรายจะพูดถึงในลักษณะไหน และประธานในที่ประชุมขณะนั้นจะวินิจฉัยเอง
    ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ขอให้นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ลองทบทวนอีกครั้งเพื่อแก้ไขและถอนญัตตินี้ เพราะยังพอมีเวลา แต่หากยังยืนยันที่จะอภิปรายญัตตินี้ทั้งที่รู้ว่าพรรคเพื่อไทยกำลังตกหลุมพรางพรรคการเมืองที่หวังคิดล้มล้างสถาบัน ก็คงทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศที่จงรักภักดีผิดหวังและเสียใจที่สุด และการอภิปรายญัตตินี้ก็ยังอาจทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นทั้งในและนอกสภาได้ และในที่สุดพรรคเพื่อไทยจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เด็ดขาดกับสิ่งที่ได้กระทำลงไปในครั้งนี้
จะโห่ขับไล่ประท้วงทุกพื้นที่
    "อาจส่งผลกับพรรคเพื่อไทยในอนาคตได้ โดยเฉพาะในสนามเลือกตั้งใหญ่ อาจจะแพ้แบบถล่มทลาย เพราะคนที่รักสถาบันและเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย หากเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยสมรู้ร่วมคิดจาบจ้วงก้าวล่วงล้มล้างสถาบัน จะโห่ขับไล่ประท้วงทุกพื้นที่ จนเดินหาเสียงแทบไม่ได้ และสุดท้ายประชาชนก็จะไม่ลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทยเลยแม้แต่เขตเดียว อาจจะแพ้ทุกเขตทั่วประเทศก็เป็นไปได้"
    นายสุภรณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยก็ได้เห็นตัวอย่างแล้วจากคณะก้าวหน้าของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ที่มั่นใจในฐานเสียงของกลุ่มตัวเอง แต่จากการไปลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. ไม่ว่าจะไปจังหวัดใด ก็โดนประชาชนในพื้นที่ที่รักสถาบันโห่ไล่แกนนำจนลงพื้นที่หาเสียงไม่ได้เลย ประชาชนไม่เลือกกลุ่มนี้จนทำให้ผลการเลือกตั้งแพ้ทั้งประเทศ
    "ผมก็เตือนมาด้วยความหวังดีและเป็นห่วงพรรคเพื่อไทยที่มีฐานเสียงของประชาชนมากมาย เป็นพรรคการเมืองใหญ่ จึงไม่อยากให้หมดอนาคตเพราะไปเห็นด้วยกับพรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันไม่เลิก อย่าเอาอนาคตทางการเมืองมาเสี่ยงกับคนพวกนี้เลย"
    เจ้าของฉายาแรมโบ้อีสานกล่าวว่า การนำเรื่องสถาบันมาอภิปรายในสภายังถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ใครคิดก้าวล่วง คิดดึงฟ้าต่ำ คิดมุ่งทำลายราชบัลลังก์ บุคคลนั้นก็จะไม่มีวันเจริญรุ่งเรือง และพรรคการเมืองก็เช่นกัน จะล่มสลายถึงกาลวิบัติ เพราะบรรพบุรุษและประชาชนสาปแช่งเอาไว้ และประเทศไทยศักดิ์สิทธิ์มีองค์พระสยามเทวาธิราชที่คอยปกป้องคุ้มครองแผ่นดินและประชาชนเอาไว้
    "หากบุคคลใดหรือพรรคเพื่อไทยไม่เชื่อคำทำนายที่คนโบราณพูดไว้ ก็ลองท้าทายกับอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์และอำนาจประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูงดู" นายสุภรณ์กล่าว
    ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ว่า การที่นายสิระจะฟ้องร้องฝ่ายค้านในมาตรา 112 ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าทำไมต้องแก้ไขมาตรา 112 เพราะคนที่ร้องทุกข์กล่าวโทษจะเป็นใครก็ได้ เหมือนเป็นเครื่องมือทำลายคู่ต่อสู้ฝ่ายตรงข้าม เป็นระบบที่ทำให้เกิดความแตกแยก และทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างประชาชนกับสถาบัน ซึ่งเป็นไปตามญัตติที่เราเขียนไป คือนายสิระนำสถาบันลงมาเป็นโล่กำบัง และนำมาเป็นอาวุธทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง
       เมื่อถามว่า หากวันแรกของการอภิปราย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลตีรวนและประท้วงตลอด ฝ่ายค้านจะรับมืออย่างไร หัวหน้าพรรคก้าวไกลตอบว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ระบุว่าไม่ว่าฝ่ายค้านจะแก้ไขญัตติหรือไม่ ก็จะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม ซึ่งเราก็ไม่แก้ไขแม้แต่คำเดียว ทั้งนี้ ตลอดการอภิปรายที่ผ่านมา เราก็แสดงถึงเหตุผล วุฒิภาวะ และการทำตามข้อบังคับการประชุม ครั้งนี้ก็จะกล่าวถึงสถาบันเท่าที่จำเป็น และตั้งใจอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์เป็นหลัก ฉะนั้น หากเกิดการประท้วง เราก็จะประท้วงกลับ เพื่อให้การอภิปรายเดินหน้าต่อได้ เพราะการอภิปรายเป็นกลไกสำคัญที่ใช้รัฐสภาตรวจสอบรัฐบาล อย่านำเรื่องแบบนี้มาตัดช่องน้อยแต่พอตัว ทำให้ฝ่ายค้านไม่สามารถทำงานได้
ส.ส.ทุกคนต้องได้อภิปราย
       ซักว่าฝ่ายรัฐบาลอยากจะให้อภิปรายแค่ 4 วัน แต่ฝ่ายค้านอยากจะได้ 6 วันหรือมากกว่านั้น นายพิธากล่าวว่า ไม่แน่ใจ เพราะยังไม่ได้ตกลงกันอย่างชัดเจน แต่เท่าที่หารือกันทราบว่าเรื่องระยะเวลาไม่ใช่สิ่งที่น่าเป็นห่วง สิ่งสำคัญคือ ส.ส.ทุกคนต้องได้อภิปราย และต้องไม่มีใครออกไปอภิปรายนอกสภา รัฐมนตรีที่มีชื่อถูกอภิปราย เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ต้องถูกอภิปราย
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า นายสมพงษ์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ไม่เคยพูดว่าจะแก้ไขญัตติ รวมถึงหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทุกพรรคก็ไม่เคยมีท่านใดระบุจะแก้ไขญัตติ การที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เชิญไปหารือ เป็นขั้นตอนปกติที่ก่อนอภิปรายต้องมาหารือในภาพรวม นายสิระต้องเข้าใจว่าญัตติอภิปรายเป็นข้อกล่าวหารัฐบาลตามญัตติที่ยื่นไป ผู้อภิปรายแต่ละคนมีเนื้อหารายละเอียดการอภิปรายอย่างไร เขามีสิทธิ์อภิปรายและต้องรับผิดชอบ การควบคุมการอภิปรายที่ใครจะประท้วงหรือไม่ และจะได้รับอนุญาตหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ของ ส.ส. เป็นหน้าที่ของประธานผู้ควบคุมการประชุม
        รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวต่อว่า ดังนั้นขอทำความเข้าใจว่า ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการดำเนินการร่วมของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงไม่ใช่หน้าที่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปแก้ไขญัตติความเห็นร่วม นายสิระออกมาพูดในจังหวะที่อาจจะเห็นคำวินิจฉัยกรณีนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จึงออกมาพูดเพื่อสร้างบทบาทให้ตัวเองหรือไม่ และขอตั้งข้อสังเกตว่า นายสิระอยู่ในวงหารือไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมาพูดข้างนอก ซึ่งไม่มีใครได้ประโยชน์นอกจากการให้บทบาทสร้างความสำคัญให้ตัวเองเท่านั้น
    ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย โจมตีรัฐบาลว่าตั้งคนเกษียณแก้ปัญหาบ่อน ชาติหน้าก็แก้ไม่ได้ ว่าในสมัยพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็มีบ่อนเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แก้ปัญหาบ่อนอย่างเป็นระบบ มีการลงโทษเด็ดขาดเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่มีการย้ายขาดเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้บัญชาการ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน นอกจากนั้นในส่วนแนวคิดการเปิดบ่อนการพนันถูกต้องตามกฎหมาย ก็มีคณะกรรมการศึกษาข้อดี-ข้อเสียอยู่ เพราะประชาชนมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งสุดท้ายก็อยู่ที่ประชาชน
    นายธนกรกล่าวอีกว่า ร.ต.อ.เฉลิมก็เสมือนคนเกษียณแล้ว แต่ก็ยังมีไฟอยู่ ดังนั้นอย่าดูถูกคนเกษียณ เพราะแต่ละท่านก็เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถ และเป็นที่ยอมรับของสังคม ตนเชื่อว่าชาตินี้แก้ได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องรอชาติหน้า หากทุกฝ่ายช่วยกัน ส่วนกรณีที่บอกว่าคนมีอำนาจใหญ่โตหากินกับบ่อนการพนันนั้น ตนไม่ทราบว่าใคร แต่ตนมั่นใจในตัว พล.อ.ประยุทธ์ว่า ท่านจัดการเด็ดขาดแน่นอน ยิ่งเป็นช่วงที่ประชาชนเผชิญสถานการณ์โควิด-19 ยิ่งต้องคุมเข้ม สุดท้ายตนหวังว่า ร.ต.อ.เฉลิมคงไม่ใช้มุกเดิม ตำหนิตนมวยไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้นอีก.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"