ค่อยๆผ่อนค่อยๆคลายไปตามสภาพ


เพิ่มเพื่อน    

      ฮื่ออ์อ์อ์...เห็นว่าตั้งแต่ช่วงวันจันทร์ที่ 1 กุมภา.เป็นต้นไป รัฐบาลและ กทม.ท่านได้ตัดสินใจคลายล็อก ปลดล็อก อะไรต่อมิอะไรต่างๆ กันมั่งแล้ว ไม่ว่าการกินข้าว กินปลา ในร้านอาหาร การจัดเลี้ยง จัดประชุม สัมมนา ณ ที่ต่างๆ การเรียน การสอน ฯลฯ และอื่นๆ อีกเยอะแยะมากมาย ส่วนการประกอบ หัตถการ ตั้งแต่ช่วงต่ำกว่าเอวลงไป จะรวมอยู่ด้วยหรือไม่ อย่างไร อันนั้น...ผู้ที่มุ่งเฉพาะเจาะจงเรื่องใด เรื่องหนึ่ง เป็นการเฉพาะ คงต้องไปติดตามรายละเอียดกันเอาเองก็แล้วกัน...

                       -------------------------------------------------------

      แต่สรุปเอาเป็นว่า...คงไม่ถึงกับตึงมือ ตึงเครียด มากมายซักเท่าไหร่ สำหรับการรับมือกับแพร่ระบาดของท่านเชื้อโควิดรอบใหม่ โดยเฉพาะถ้าเทียบกับบ้านอื่น เมืองอื่น ไม่ว่าอเมริกา หรืออังกฤษ ที่เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง กันไปเป็นสายๆ ติดเชื้อกันในระดับสิบล้าน ยี่สิบล้าน และก็คงด้วยเหตุเพราะความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ หรือเห็นแก่ ตัวกู-ของกู ตามประสาพวกฝรั่งมังค่าทั้งหลายเขานั่นแหละ การคิดจะควบคุมการ ส่งออกวัคซีน เพื่อเอาไว้ใช้เอง ฉีดเอง กันเป็นหลัก ก็เลยทำให้สิ่งที่เลขาธิการสหประชาชาติท่านเคยเรียกๆ เอาไว้ประมาณว่า หายนะแห่งความล้มเหลวทางศีลธรรม จึงได้อุบัติขึ้นมาท่ามกลางความปรารถนาและต้องการที่จะเอาชนะและป้องกันโรคระบาดชนิดนี้ อย่างเห็นได้ชัดเจนพอสมควร...

                              --------------------------------------------------------

      แต่ด้วยพระวิสัยทัศน์และพระปรีชาญาณอันสุดแสนจะยาวไกลของ ล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 สำหรับบ้านเราก็คงไม่ถึงกับต้องชักสะพานแหงนถ่อรอคอยความเมตตา กรุณา จากพวกฝรั่งมังค่าเขามากมายซักเท่าไหร่ การ พึ่งตนเอง ในด้านยา ด้านการป้องกันและรักษาโรคต่างๆ แต่ละชนิด ภายใต้การดำเนินการแบบ Our Loss is Our Gain หรือ ขาดทุนคือกำไร ของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ของไทย ก็คงพอช่วยทุเลา เบาบาง แต่ละสิ่งแต่ละอย่างลงไปได้มั่งไม่มากก็น้อย โดยถ้าหาก ผลกระทบ ที่ตามมาจากการแพร่ระบาดคราวนี้ ไม่ถึงกับหนักหนา สาหัส เกินไปนัก เหมือนอย่างที่ท่านรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายพลังงาน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ท่านให้สัมภาษณ์พิเศษ แทบลอยด์-ไทยโพสต์ ไปเมื่อวันวาน ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะพอ อยู่ๆ กันไปได้ ซึ่งก็คงต้องขออนุโมทนา ขอให้ สมพรปาก เอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยแล้วกัน...

                      ------------------------------------------------------

      และก็คงเหลือแต่เรื่องการมง การเมือง นั่นแหละทั่น!!! ที่จะพลิกซ้าย พลิกขวา พลิกหน้า พลิกหลัง กันไปในแบบไหน ระดับใด ก็ยังมิอาจสรุปได้ชัดเจน แต่ถ้าดูจากประเภท นอกระบบ หรือ นอกรัฐสภา แล้ว ก็น่าจะเบาๆ ลงไปมิใช่น้อย ด้วยเหตุเพราะต่างฝ่ายต่างหันมากัดกันเอง แพ้ภัยตัวเอง หรือตายไปเอง ซะเป็นหลักใหญ่ เท่าที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็ออกจะ หะ-มอย-รอม-แรม เอามากๆ แทบไม่ต้องเสียเวลาถอน ไม่ต้องเสียเวลาโกน เพียงแต่หาทาง ตั้งรับ ให้รัดกุมเอาไว้ก่อน เพิ่ม ความชอบธรรม หรือพยายามก้าวเดินไปตาม ครรลอง-คลองธรรม ให้มากๆ เข้าไว้ ในแต่ละจังหวะก้าว หรือทุกๆ จังหวะก้าวนั่นแหละ ถึงจะได้ชื่อเป็นผู้ซึ่งไม่ตั้งอยู่ในความประมาท อันเป็นหนทางที่จะนำไปสู่ความตาย ความพินาศและฉิบหายใดๆ ก็ตาม...

                         ---------------------------------------------------------

      ส่วนประเภท ในระบบ หรือ ในรัฐสภา นั้น...คงไม่ถึงกับน่าวิตก เดือดร้อน มากมายซักเท่าไหร่ เพราะโดย ระบบ หรือโดยกฎ เกณฑ์ กติกา ซึ่งออกจะเยอะแยะ ยั้วเยี้ย มากมายเสียเหลือเกิน อย่างน้อย...ก็น่าจะพอช่วยให้ไม่ถึงกับต้องหลุดกรอบ หลุดเฟรม จนเกินไป โอกาสที่จะเกิดการลุกขึ้นมา ประท้วง แบบเที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า หรือแบบตลกยุคโบร่ำโบราณ คุณพี่ หม่ำ จ๊กมก ลุกขึ้นมาประท้วงท่านประธาน เทพ โพธิ์งาม ขอให้ถอนคำพูดประเภทหยาบๆ คายๆ เช่นคำว่า ขนตูด จนสุดท้ายต้องหันไปใช้คำว่า เส้นผมบังช่องระบายลมผ่าน อะไรประมาณนั้น อย่างน้อย...ก็น่าจะพอช่วยให้เกิดความ เสมอภาค โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกระชับ ช่วงชั้น ตามแบบฉบับนักวิชาการแห่งมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ที่พร้อมแจกกล้วย แจกผลไม้รวม ให้ใครต่อใคร ไม่ว่าเด็ก ไม่ว่าผู้ใหญ่ ไม่ว่าหน้าไหน ต่อหน้าไหน โดยไม่จำเป็นต้อง บันยะบันยัง ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...

                          -----------------------------------------------------

      อีกทั้งถ้าว่ากันถึงสถานภาพและแนวโน้มของความเป็น พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะแกนหลัก อย่างพรรค เผาไทย ในช่วงนี้ ก็อย่างที่เคยว่าๆ เอาไว้แล้วนั่นแหละ ต่างหนีไม่พ้นต้องตกอยู่ในสภาพ “ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ-ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน-ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล-และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย” หรือหนักไปทาง รำพึงในป่าช้า อะไรประมาณนั้น แม้ว่าจะมีนักการเมืองประเภทเด็กๆ พยายามออกแรงยุ แรงเชียร์ เพียงใดก็ตามที แต่ในหมู่พวกเด็กๆ ด้วยกันเอง ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากพวกเด็กๆ ที่อยู่นอกระบบ นอกรัฐสภา นั่นแล คือสุดท้าย...หนีไม่พ้นต้องหันมากัดกันเอง แพ้ภัยตัวเอง หรือตายไปเองกันไปเป็นรายๆ ยิ่งคิดจะ เหาะเกินลงกา ด้วยแล้ว โดยระบบและระบอบ ตามแบบฉบับ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ย่อมสามารถตีกรอบ หรือกระทั่ง ล้อมกรอบ ให้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้ระบบและระบอบ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...

                    -------------------------------------------------------

      สรุปรวมความแล้ว...การมีชีวิตอยู่ในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาช่วงนี้ อย่างน้อยน่าจะถือเป็น โชคดี กว่าบ้านอื่น เมืองอื่น มิใช่น้อย แม้ว่าอะไรต่อมิอะไรมันออกจะอึดอัด ขัดข้อง หมองใจอยู่มั่งเป็นธรรมดา แต่ก็นั่นแหละ...การอดทน อดกลั้น การดำรง รักษา และยึดมั่นต่อ ขันติธรรม เอาไว้ให้จงหนัก โอกาสที่สิ่งที่ว่ามันจะค่อยๆ ยกระดับและพัฒนาไปสู่ สามัคคีธรรม ในวันหนึ่ง วันใด ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาซะเลย!!!

                     ------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก “Ruth E. Renkel... Never fear shadows. They simply mean theres a light shining somewhere nearby. - อย่ากลัวเงา...เพราะเงาย่อมหมายถึงมีแสงสว่างอยู่ใกล้ๆ...”.

            ------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"