'โจ้'ปูดโจทย์ศึกซักฟอก รอถล่มนิคมอุตฯ'จะนะ'


เพิ่มเพื่อน    


    ทะแม่ง! ฝ่ายค้านชิงบอกข้อสอบซักฟอกล่วงหน้า จ้องถลกปมกว้านซื้อที่ดินดักทำโครงการนิคมอุตสาหกรรม อ.จะนะ อ้างมีเอื้อเจ้าสัวโรงปูน "สิระ" ห้าวไล่อัด "สมพงษ์" เสียคนตอนแก่ จวกตระบัดสัตย์ไม่ยอมแก้ถ้อยคำในญัตติอิงสถาบันพระมหากษัตริย์ โหร คมช.ชี้ไม่เกิน เม.ย.ปรับ ครม.เอาแบบกึ่งๆ ตั้ง รบ.แห่งชาติ!
    เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงเรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า หลายคนอาจสงสัย ทำไมฝ่ายค้านยื่นอภิปรายรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ม.ค.มากถึง 10 คน ขอบอกว่ารอบนี้รัฐบาลหนักแน่ เพราะนับแต่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลก็ออกอาการ โดยในการประชุมวันที่ 26 ม.ค. นายกฯ สั่งถอนวาระเรื่องนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา เพราะเป็นผลจากที่พรรคฝ่ายค้านไปยื่นตรวจสอบ รัฐบาลตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ไปตรวจสอบ
    "เรื่องนี้ทราบมาว่ามีเจ้าสัวโรงปูนให้นักการเมืองไปกว้านซื้อพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทสำหรับเกษตรกรรม ต่อมาใช้อิทธิฤทธิ์ของนักการเมืองมาเปลี่ยนเป็นสีม่วง เพื่อให้ทำเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมได้ โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ ศอ.บต. กรณีนี้ยังโยงไปหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากควบคุม ศอ.บต. กรณีนี้อาจเป็นเหตุให้นายกฯ เต้นสั่งถอนเรื่องจาก ครม. แล้วสั่งให้ ร.อ.ธรรมนัสไปตรวจสอบสอบสวน เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเดียว แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะอภิปราย แต่จะยังไม่บอกเพื่อป้องกันข้อสอบรั่ว" นายยุทธพงศ์ระบุ
    เขากล่าวว่า รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา ทั้งการแก้ไขปัญหาโควิดและทางเศรษฐกิจ มีคนตกงาน เงินจับจ่ายใช้สอยไม่มี และยังเจอกับปัญหาของแพง โดยเฉพาะพริกที่มีข่าวออกมาว่าเม็ดละ 1 บาท เมื่อไปสำรวจพริกจินดาเมื่อเดือน ม.ค.63 ราคาเฉลี่ยขีดละ 4.50 บาท  แต่ในเดือน ม.ค.64 ราคาเฉลี่ย 17 บาท แพงขึ้นกว่าเดิมถึง  4 เท่า ขอถามว่า พล.อ.ประยุทธ์, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ บริหารอย่างไร รัฐบาลไม่มีการมาดูแลสินค้าแพงให้ประชาชน
    นายยุทธพงศ์กล่าวว่า รัฐบาลเคยประกาศห้ามขายหวยเกินราคา แต่วันนี้ยังพบปัญหาลอตเตอรี่แพง ราคาต่อใบระบุต้องขาย 80 บาท ขณะที่ต้นทุนเพียง 70.40 บาทต่อใบ ทำให้ประชาชนซื้อหวย 100 บาทต่อใบ หวยงวดปัจจุบันทราบมาว่าเลข 36, 63 เป็นเลขดัง เป็นเลขสำคัญ  พบว่าเลข 36 ชุด 5 ใบ ราคาสูงถึง 750 บาท เฉลี่ยใบละ  140 บาท ส่วนเลข 63 ชุด 3 ใบ ขาย 360 บาท เฉลี่ยใบละ  120 บาท ตอนนี้ยังพบว่าตำรวจมาล่อซื้อคนขายลอตเตอรี่  หากขายเกินราคาจะถูกจับปรับ 2,000 บาท แต่ถ้าไม่อยากถูกจับต้องจ่ายส่วย 300 บาทต่องวด เดือนหนึ่งมีหวย 2 งวด เท่ากับต้องเสีย 600 บาท คนขายลอตเตอรี่หากไปขายข้ามเขตก็ต้องเสียอีก เพราะเป็นพื้นที่ใครพื้นที่มัน 
    นายยุทธพงศ์กล่าวว่า หวยแต่ละงวดกองสลากพิมพ์ออกมา 1 ล้านเล่ม ใน 1 เล่มมี 100 ใบ เท่ากับ 100 ล้านใบ จากต้นทุนแค่ 70.40 บาท แต่ยี่ปั๊วะขายโดยเฉลี่ยใบละ  90 บาท มีผลประโยชน์ต่องวดประมาณ 2 พันล้านบาท ที่บอกว่ามีการกระจายลอตเตอรี่ให้ผู้ค้ารายย่อย ให้ไปกดซื้อได้ที่เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย กลับไม่มีใครกดซื้อได้ ต้องมาซื้อที่หน้ากองสลากแล้วมาขายต่อ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งแต่ปฏิวัติมายังแก้ปัญหาไม่ได้ คนขายลอตเตอรี่ไม่มีใครอยากถูกจับหรือเสียเงินให้ตำรวจ แต่จำเป็นต้องเสียเพราะไม่อยากถูกจับ ยุคโควิดขายหวยยาก คนไม่มีเงินซื้อ นายกฯ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เรื่องหวยแพงยังแก้ไม่ได้จะไปแก้เรื่องอะไรได้ ชาวบ้านทำไมวันนี้ซื้อหวยไม่ได้ แต่ไปซื้อกับยี่ปั๊วะได้ ทำไมยี่ปั๊วะถึงมีลอตเตอรี่ขาย อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์แก้ปัญหา ไม่ต้องถามว่าทำไมคนไม่ชอบ เพราะแก้ปัญหาหวยไม่ได้
    นายยุทธพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว 104 บาทว่า เหตุที่ต้องเป็นตัวเลขดังกล่าวเพราะมีส่วนต่อขยาย สายสีเขียวเหนือตั้งแต่สถานีจตุจักรไปลาดพร้าว ไปคูคต คิดค่าโดยสารส่วนต่อขยาย 45 บาท มีค่าแรกเข้า 15 บาท สายสีเขียวใต้ตั้งแต่สถานีบางจากไปแบริ่ง ไปถึงเคหะบางปูอีก 45 บาท มีค่าแรกเข้า 15 บาท ขณะที่สถานีที่เป็นไข่แดงตั้งแต่หมอชิต ผ่านสยามฯ ไปสิ้นสุดที่สถานีอ่อนนุช ราคาค่าโดยสาร 44 บาท ซึ่งไม่สามารถแตะได้เพราะเป็นราคาค่าสัมปทาน แต่กับสายสีเขียวเหนือกับสายสีเขียวใต้ ลดค่าแรกเข้า 15 บาท เหลือ  30 บาท จึงเป็น 30+44+30 เป็น 104 บาท นอกจากนี้การเดินรถไฟฟ้าสายเขียวเหนือ สายสีเขียวใต้ กทม.ไปจ้างบีทีเอสวิ่งรถ เรื่องนี้สุดท้ายเป็นการขนคนทั้งสายสีเขียวเหนือ  สายสีเขียวใต้ เข้ามายังพื้นที่ไข่แดง ทำให้บางบริษัทได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้น จึงเป็นปัญหาทำให้ราคา 104 บาทนั้นแพงเวอร์ หากนั่งไปกลับ 208 บาท ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำ  331 บาท เหลือเงินอยู่ไม่เท่าไหร่ จะอยู่ได้อย่างไร        
    พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวเช่นกันว่า อาฟเตอร์ช็อกหลังการอภิปรายจะส่งผลให้เกิดการรวมตัวอภิปรายนอกสภาของภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่นำโดยคณะราษฎรตามมาอย่างมิหยุดยั้ง หากฝ่ายความมั่นคงและขบวนการยุติธรรมยังไม่ตระหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบ ให้บรรยากาศของบ้านเมืองเป็นสภาพที่ประชาชนเชื่อว่าประเทศนี้มีการปกครองที่เป็นธรรม  รับรองได้ว่าการรวมตัวขับไล่รัฐบาลสืบทอดอำนาจของภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ จะเกิดขึ้นตามมาเร็วเกินคาด
ทีมองครักษ์ รบ.นัดถกจันทร์นี้
    นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ กรรมการผู้ช่วย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หนึ่งในทีมวอร์รูมรัฐบาลรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดเผยว่า คณะทำงานชุดดังกล่าวจะประชุมหารือและแบ่งหน้าที่ร่วมกันในวันที่ 1 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
    นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมกันของประธานสภาผู้แทนราษฎร วิปรัฐบาล และฝ่ายค้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน ยังระบุว่าไม่สบายใจกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีข้อความ "ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง" และจะขอแก้ไขในที่ประชุมด้วยซ้ำไป แต่เมื่อออกจากห้องประชุมไปกลับตระบัดสัตย์ไม่แก้ไข
    นายสิระกล่าวว่า ไม่มั่นใจว่าเป็นเพราะมีคำสั่งมาจากคนนอกที่อยู่แดนไกล ที่โทรศัพท์มาสั่งการให้ทำแบบที่ ส.ส.เพื่อไทยพูดกันใช่หรือไม่ อยากจะฝากถึงนายสมพงษ์ว่าพฤติกรรมจาบจ้วงในวันนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ประเทศไทยตั้งแต่มีรัฐสภา ถือเป็นยุคที่ตกต่ำและเสื่อมมากที่สุด สุดท้ายแล้วคนที่รับผิดก็คือท่าน ไม่ใช่คนที่ออกคำสั่งให้ท่านทำ ไม่ต่างจากคดีรับจำนำข้าวที่ต้องติดคุกใช้กรรมแทนคนสั่ง ในหลวงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายสมพงษ์เป็นผู้นำฝ่ายค้าน
    "ตำแหน่งนี้ถือว่ามีเกียรติมีศักดิ์ศรี ถือเป็นผู้นำฝ่ายค้านในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่พฤติกรรมที่จาบจ้วงของนายสมพงษ์เช่นนี้ยังมีความเหมาะสมที่จะอยู่ในตำแหน่งหรือไม่ คุณดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเล่นการเมือง วันนี้คุณยังเป็นคนไทยอยู่หรือเปล่าที่กล้ามายุ่งกับสถาบันที่ปวงชนชาวไทยรักและเทิดทูน นายสมพงษ์ต้องตอบคำถามเหล่านี้กับประชาชน ถ้าตอบไม่ได้ก็ลาออกจากตำแหน่งไป เพราะท่านขี้ขลาด ไร้ความกล้าหาญ ขาดคุณธรรม จริยธรรม ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ก็ควรกลับไปส่องกระจกมองว่ายังควรเป็นผู้นำใครต่อไปอีกหรือไม่ เพราะญัตติที่เซ็นนี้เป็นประตูเปิดทางให้ฝ่ายค้านมาจาบจ้วงสถาบันและล้มล้างสถาบัน ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร" นายสิระกล่าว
    เขากล่าวต่อว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านตั้งใจจะอภิปรายคือการนำสถาบันมาแบ่งแยกประชาชน ไม่ใช่การกระทำของรัฐบาล แต่คือพฤติกรรมของพวกคุณที่แสดงความเถื่อนถ่อยมาโดยตลอด หวังสร้างความแตกแยกให้กับคนไทยในสังคมโดยเอาสถาบันมากล่าวอ้าง ทั้งๆ ที่สถาบันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในเมื่อฝ่ายค้านหวังจะใช้เวทีสภามาบังหน้าเพื่อหวังโจมตีสถาบัน ตนก็จะขอเป็นองครักษ์พิทักษ์สถาบัน
     ด้านนายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรชื่อดัง ฉายาโหร คมช.ได้ทำนายถึงสถานการณ์รัฐบาลว่า จะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งมันผ่านอยู่แล้วแต่เหนื่อย หลังจากนี้จะมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีไม่เกินเดือน เม.ย.นี้ เพราะการทำงานหลายกระทรวงไม่เข้าเป้า ทั้งกระทรวงหลัก กระทรวงทั่วไป เวลานี้เหมือน พล.อ.ประยุทธ์ทำงานอยู่คนเดียว อะไรๆ ก็มาลงหมดรับคนเดียว พวกนั้นไม่มีใครออกมาเป็นตัวแทนหรือตัวช่วยเลย รับแบบนี้มากๆ เปรียบเป็นนักมวยคือบอบช้ำหมด อย่างไรเสียเวลานี้นายกฯ ยังต้องทำตามหน้าที่เพื่อบ้านเมือง ไม่มีใครเหมาะสม
    "การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ นายกฯ ไม่น่าห่วง แต่พวกรัฐมนตรีหลายคนจะเหนื่อย เราก็รู้อยู่การทำงานแต่ละบุคคล มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ซึ่งหลังจากนี้ต้องมีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง เท่าที่มาดูตรวจสอบการทำงานเห็นชัดเจน ไม่ผ่านเยอะ บางกระทรวงไม่มีผลงาน  ขนาดมีรัฐมนตรีหลายคน  ช่วงวิกฤติทั้งโรคระบาดโควิด-19 วิกฤติเศรษฐกิจ นายกฯ ออกมารับคนเดียว ตัวช่วยไม่ออก เอาแต่ประคองตัวกัน เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง อาศัยสถานการณ์ต่างๆ เข้า บางคนเอาประโยชน์เข้าตัว ต้องมีการปรับ ไม่อย่างนั้นรัฐบาลจะแย่ เอาคนดีมีฝีมือมีความ สามารถมาแทนพวกโควตา ช่วยประคองพยุงรัฐบาลได้มาก ลักษณะคล้ายๆ รัฐบาลแห่งชาติ มาเสริมทัพฟันฝ่าวิกฤติ มาจากหลายๆ วงการ" นายวารินทร์กล่าว
    เขากล่าวว่า จากนิมิตหลวงปู่เกวาลันบอกว่าต้นร้ายปลายดี มีภาวะวิกฤติชาติ จะค้นพบทรัพยากรเข้ามาเป็นตัวช่วย มีคุณค่า จะปรากฏออกมาช่วยภาวะความตกต่ำเศรษฐกิจ เวลานี้สำคัญเรื่องปากท้องปัญหายังอีกยาว ปลายปีนี้ ถึงต้นปี 65 ทุกอย่างสงบเงียบ เดือน ก.พ.เดือนมี.ค.จะเห็นฝั่ง มองได้ว่าทิศทางบ้านเมืองไปทางไหน เริ่มคลี่คลายผ่านพ้น ปี 65 เป็นปีขาล เรียกว่าเสือติดปีก หลังจากผ่านพ้นไปแล้วชีวิตทุกอย่างจะดีขึ้น ทุกอย่างยุคศิวิไลซ์จะปรากฏปี 65 เป็นต้นไป
    "ภายในปีนี้ หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจจะปรากฏคณะ กลุ่มคนมารวมตัวช่วยพลเอกประยุทธ์ ช่วยรัฐบาลทำงาน  คนก่อกรรม สร้างปัญหา ก่อกวนประเทศชาติ ต้องมีอันเป็นไป จบปีนี้ไม่มีที่อยู่ นายกฯ อยู่ครบเทอม 4 ปี ทำหน้าที่จนกว่าบ้านเมืองพ้นวิกฤติทุกอย่างเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ แล้วท่านจะเดินลงมาเองเหมือน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์  อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษ" นายวารินทร์กล่าว
คนเชื่อระบบสภามากกว่าลงถนน
    วันเดียวกันนี้ นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง สภาหรือลงถนน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,677 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 25-30 มกราคม 2564 
    โดยเมื่อสอบถามประเด็นสำคัญในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 99.7 อยากเห็นการเมืองใหม่ที่สร้างสรรค์ในสภามากกว่านี้ รองลงมาคือ  ร้อยละ 98.8 ยังมองไม่ชัดในเป้าหมายของการอภิปรายว่าจะเกิดประโยชน์อะไรแก่ประชาชน ร้อยละ 98.1 ยังไม่เห็น ดาวเด่นของฝ่ายค้านที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
    ผลสำรวจพบว่า ประเด็นที่ประชาชนต้องการให้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.8 ระบุว่าการแพร่ระบาดของยาเสพติด รองลงมาคือร้อยละ 57.3  ระบุเป็นบ่อนพนัน ร้อยละ 55.3 ระบุเป็นการทุจริต  คอร์รัปชัน ร้อยละ 54.9 ระบุเป็นการขนแรงงานเถื่อน ร้อยละ 40.6 ระบุเป็นการปล่อยปละละเลยให้เกิดการล่วงละเมิดคุกคามสถาบันหลักของชาติ อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงจุดยืนการเมืองของประชาชน พบว่าร้อยละ 38.0 สนับสนุนรัฐบาล ซึ่งมากกว่ากลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาลที่มีอยู่ร้อยละ 14.1 และที่เหลือร้อยละ 47.9 เป็นพลังเงียบ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ที่น่าสนใจคือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 99.1 เชื่อมั่นต่อ ระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แก้ปัญหาในสภา มากกว่าการพาคนลงถนน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"