แกนนำ3นิ้วนอนคุกคดี112


เพิ่มเพื่อน    

  จบที่รุ่นเราเจอ ม.112 ของจริง "เพนกวิน-อานนท์-สมยศ-หมอลำแบงค์" คอตก! เข้าเรือนจำ ศาลไม่ให้ประกันตัว เพราะคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ทำผิดซ้ำ ต่างกรรมต่างวาระ มีเหตุอันควรเชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวอาจไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันอีก ตร.เตรียม 7 กองร้อยรับมือม็อบตีหม้อ

    เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 9 ก.พ.2564 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวชี้แจงการสั่งคดีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายอานนท์ นำภา, นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องหาที่ 1-4 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร ว่าคดีมี 2 สำนวน เรื่องแรก (คดีชุมนุมม็อบเฟสต์) มีผู้ต้องหารายเดียวคือนายพริษฐ์ ในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.112, ยุยงปลุกปั่นฯ ตาม ป.อาญา ม.116 และชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 ได้มีคำสั่งฟ้องทั้ง 3 ข้อหา
    อีกสำนวน (คดีชุมนุม 19-20 ก.ย.2563 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์-สนามหลวง) กล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสี่ ในข้อหาตาม ม.112, ม.116, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ ป.อาญา ม.215, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, กีดขวางทางสาธารณะฯ, ร่วมกันกีดขวางการจราจรฯ, ตั้งวางวัตถุบนถนนอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายฯ, ทำลายโบราณสถานฯ, ทำให้เสียทรัพย์ฯ และร่วมกันโฆษณาเครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ รวม 11 ข้อหา พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสี่ทุกข้อหา
    ทั้งนี้ ภายหลังการให้ข่าวของนายประยุทธนั้น นายพริษฐ์หรือเพนกวินซึ่งเดินเข้ามาฟังการแถลงด้วย ได้ถามกลับนายประยุทธ ย้ำถึงประเด็นตามหนังสือขอความเป็นธรรมว่าหลักสิทธิเสรีภาพได้รับการคุ้มครองตามมาตรฐานสากล นายประยุทธชี้แจงว่า ส่วนของงานโฆษกเป็นการนำผลการสั่งของพนักงานอัยการมาเรียนต่อสื่อมวลชน ส่วนในสำนวนงานโฆษกไม่สามารถอธิบายได้ เพราะไม่ได้รับผิดชอบสำนวน และไม่แน่ใจว่าเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลหรือไม่  
    ขณะที่นายพริษฐ์ตอบโต้ว่า คดีนี้เป็นคดีที่ส่งผลต่อมาตรฐานสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ต้องชี้แจงบรรทัดฐานการดำเนินงานขององค์กรอัยการเป็นอย่างไร คดีนี้คือคดีการเมือง กระบวนการยุติธรรมสามารถปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้มากน้อยขนาดไหน
    ส่วนนายประยุทธตอบว่า ตาม ป.วิ.อาญา มีหลักสันนิษฐานคนที่อัยการฟ้องเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำผิด และให้อัยการพิจารณา ถ้าพยานหลักฐานพอฟ้องก็ฟ้อง ประเด็นที่พูดสามารถต่อสู้ในชั้นศาลได้ ปิดท้ายนายพริษฐ์กล่าวโจมตีว่าองค์กรอัยการไม่เห็นความสำคัญของการธำรงไว้ซึ่งเสรีภาพในการแสดงออก
    ต่อมาในการส่งฟ้องที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก สำนวนแรกเป็นคดีหมายเลขดำ อ.286/2564 ยื่นฟ้องนายพริษฐ์เป็นจำเลยเพียงคนเดียว กรณีชุมนุมม็อบเฟสต์เมื่อวันที่ 14-15 พ.ย.2563 บริเวณแยกคอกวัว ถ.ราชดำเนิน สำนวนที่สองคดีหมายเลขดำ อ.287/2564 ยื่นฟ้องนายพริษฐ์, นายอานนท์, นายปติวัฒน์ และนายสมยศ เป็นจำเลย กรณีชุมนุม 19 กันยา ทวงอํานาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.2563 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์และสนามหลวง เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก, ขอให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
       ศาลสอบคำให้การพวกจำเลยแล้ว พวกจำเลยแถลงให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย โดยคดีดำ อ.286/2564 นัดวันที่ 15 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. และคดีดำ อ.287/2564 นัดวันที่ 15 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
    จากนั้นจำเลยทั้งสี่ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวในชั้นนี้ ศาลมีคำสั่งว่า พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง อีกทั้งการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำซ้ำๆ ต่างกรรมต่างวาระ ตามข้อกล่าวหาเดิมหลายครั้งหลายครา กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยอาจไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาอีก จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง แจ้งคำสั่งให้ทราบและคืนหลักประกันทั้งสองสำนวน
    จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวนายพริษฐ์, นายอานนท์, นายปติวัฒน์ และนายสมยศ ส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทันที  โดยทั้งสี่มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างชัดเจน แต่ยังชู 3 นิ้วสื่อสารไปยังมวลชนที่อยู่ด้านนอก
    ต่อมาเวลา 18.05 น. เพจเฟซบุ๊ก "ราษฎร" ได้โพสต์ข้อความนัดระดมพลด่วนที่สกายวอล์ก แยกปทุมวัน  โดยระบุว่า "ราษฎรทั้งหลาย จงออกมาร่วมแสดงพลังให้โลกรับรู้ว่า เราไม่ยินยอมให้กฎหมายที่ไม่ควรมีอยู่ในประเทศประชาธิปไตย อย่างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มากักขังความคิด ปิดกั้นเสรีภาพของเราอีกต่อไป จงมารวมตัวกันเพื่อยืนยันว่าเราไม่เห็นด้วยกับการฝากขังทนายอานนท์ นำภา เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ สมยศ พฤกษาเกษมสุข และหมอลำแบงค์-ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม เพราะสิทธิในการได้รับการประกันตัวหรือปล่อยชั่วคราว เป็นสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องหาและผู้ต้องขัง #ปล่อยเพื่อนเรา"
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกลุ่มราษฎรนัดชุมนุมที่สกายวอล์ก หน้าห้างมาบุญครอง ในวันที่ 10 ก.พ. เวลา 17.00 น. ว่า ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ประเมินสถานการณ์ไว้ 3 ระดับ ระดับที่ 1 หากไม่มีความรุนแรงมากก็เตรียมกำลังควบคุมฝูงชน (คฝ.) ไว้ 1-2 กองร้อย ระลอกที่ 2-3 มีเตรียมไว้อย่างละ 2 กองร้อย สับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน เบื้องต้นจะใช้กำลังจาก บก.อคฝ.เป็นหลัก และพื้นที่ บก.น. 6 ยืนยันว่าไม่น่าเป็นห่วงในการใช้กำลังควบคุมพื้นที่
    พล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวว่า ขอเตือนผู้ชุมนุมว่าการทำกิจกรรมในช่วงนี้เสี่ยงผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฯ, พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ ซึ่งทาง บช.น.มีมาตรการดูแลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และจะบังคับใช้กฎหมายอย่างนุ่มนวล เป็นขั้นเป็นตอน
    โฆษก ตร.ยอมรับว่า แกนนำ 4 คนไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว จะมีการระดมคนมาได้จำนวนมาก เนื่องจากทั้งหมดเป็นแกนนำหลักเรียกร้องการชุมนุมทุกครั้ง ซึ่งประมาทไม่ได้เรื่องการเตรียมความพร้อม เพราะอาจมีสถานการณ์อื่นมาสอดแทรกด้วย เช่น สถานการณ์การเมืองของประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเรื่องที่ บช.น.จะประเมินอยู่เป็นระยะ ไม่มีสูตรสำเร็จว่าจะเตรียมกำลังไว้มากน้อยเพียงใด
    ส่วนกรณีที่จุดนัดชุมนุมใกล้กับเขตพระราชฐานนั้น พล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ หากการชุมนุมมีคนไม่มาก เป็นการแสดงออกที่พอควบคุมได้ ผู้บัญชาการเหตุการณ์จะเป็นผู้ตัดสินใจ ยังตอบไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร ทั้งนี้ตำรวจคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ขณะเดียวกันต้องรักษาสมดุลการบังคับใช้กฎหมายไปด้วย มีขั้นตอนการควบคุมไม่ให้ฝ่าฝืนกฎหมายมากเกินขอบเขต และคาดว่าไม่น่ามีความรุนแรงเกิดขึ้น
    ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เผยว่า ขณะนี้ยังมีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ หากกลุ่มใดทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ทางเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นที่จะไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรม แต่ยืนยันว่าจะดูแลให้มีความเรียบร้อยมากที่สุด และขอความร่วมมือให้ทุกคนคำนึงถึงการแพร่ระบาดของโรค และอย่าฝ่าฝืนกฎหมาย
    ส่วน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวน 3 กองร้อย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.5 อีก 2 กองร้อย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.6 อีก 2 กองร้อย ซึ่งภารกิจหลักของตำรวจคือการเฝ้าระวังป้องกันเหตุร้าย เนื่องจากมีการปลุกระดมจากกลุ่มผู้ชุมนุมให้มารวมตัวทำกิจกรรมกัน ซึ่งไม่อาจกระทำได้ เนื่องจากมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ดังนั้นจึงขอเรียนว่าการรวมตัวร่วมทำกิจกรรมดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมาย.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"