แก้ม.112ฟ้องปิดปาก ‘ก้าวไกล’ย้อนแย้งเอาผิด‘วรงค-์ ณฐพร’หมิ่นประมาทเรียก24ล้าน


เพิ่มเพื่อน    

  ก้าวไกลชี้ 9 ส.ส.ไม่ร่วมลงชื่อแก้มาตรา 112 แค่เห็นต่างไม่ใช่ “งูเห่า” อ้างประชาชนเป็นเจ้านายจึงชงแก้ไข “สุภรณ์”  อัดระวังซ้ำรอยธนาธรลงพื้นที่ไม่ได้ ปูด ปชช.ทุกจังหวัดเตรียมขยับเรื่องนี้ “ก.ก.” ฟ้องอาญา-แพ่ง “วรงค์-ณฐพร” เรียกค่าเสียหายล้อปฏิวัติ 24 มิ.ย.2475 ในมูลค่า 24,062,475 บาท หมอวรงค์อัดทันควันสุดย้อนแย้ง เสนอแก้ กม.แต่ฟ้องปิดปาก เตือนระวังโจทก์หนีจำเลย “ผบช.น.” ชี้แก๊สน้ำตาไม่ได้มาจากตำรวจ เล็งใช้อุปกรณ์คุมม็อบเต็มรูปแบบหลัง จนท.บาดเจ็บพรึ่บ โซเชียลฯ ถล่มความรุนแรงฝีมือคนกันเองทั้งนั้น

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล (ก.ก.) 44 คน ลงลายมือชื่อเสนอแพ็กเกจร่างกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน จำนวน 5 ฉบับ โดยเฉพาะการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
    นายอำนาจ สถาวรฤทธิ์ ที่ปรึกษาและกรรมการวินัยและจรรยาบรรณ พรรค ก.ก. กล่าวถึงกรณี 9 ส.ส.ไม่ร่วมลงชื่อว่า ก่อนยื่นร่างกฎหมายชุดนี้ต่อประธานสภาฯ ได้มีการพูดคุยภายในกันมาตลอดเป็นเวลานานหลายเดือนและหลายครั้ง เพื่อทำความเข้าใจกัน รวมทั้งก่อนยื่นก็ได้พูดคุยโดยตรงกับผู้ที่ไม่ได้ลงชื่อเกือบทุกคน จึงรับทราบและเข้าใจดีถึงเหตุผลที่แตกต่างกันไป เช่น บางคนยังขอสงวนสิทธิ์ไว้ เพราะเรื่องเทคนิคหรือรายละเอียดทางกฎหมายที่อาจมองต่างกัน บางคนมีเงื่อนไขการทำงานในพื้นที่เลือกตั้ง ซึ่งทุกคนรับรู้ในรายละเอียดว่ามีจำนวนรายชื่อที่เพียงพอต่อการเสนอแก้ไขกฎหมายแล้ว จึงขอใช้เอกสิทธิ์ตัดสินใจ
    “สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงวัฒนธรรมประชาธิปไตยภายในพรรคที่เราทำกันมาตลอด ในฐานะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณของพรรค ยืนยันว่ากรณีนี้ไม่ใช่งูเห่าภาคสอง เพราะมีลักษณะที่แตกต่างไปจากการขับ 4 ส.ส.พ้นพรรคในสมัยยังเป็นพรรคอนาคตใหม่อย่างสิ้นเชิง ครั้งนี้เป็นเรื่องความคิดเห็นแตกต่างกันภายในพรรค”
    นายอำนาจกล่าวต่อไปว่า สิ่งที่พรรคจะทำต่อไปหลังจากนี้คือการทำงานทางความคิด เพื่ออธิบายการตัดสินใจของพรรคต่อสังคมให้มากขึ้น เพราะแม้ ส.ส.ทั้ง 9 คนจะไม่ได้ร่วมลงชื่อ แต่ส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า กฎหมายอาญามาตรา 112 มีปัญหามาก โดยเฉพาะระยะหลังที่มีเยาวชนถูกดำเนินคดีมากขึ้นเรื่อยๆ มีการพิพากษาคดีด้วยอัตราโทษที่สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ มีเสียงเรียกร้องจากผู้ชุมนุม รวมทั้งเสียงสะท้อนแสดงความกังวลในระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกาหรือสหประชาชาติ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นหน้าที่ที่พรรคและ ส.ส.ต้องรับฟัง ไม่กลัวต่อการรับรู้ในมโนธรรมสำนึกตัวเอง เพื่อทำหน้าที่ปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน
    “การเสนอแก้ไขมาตรา 112 ไม่ใช่จุดยืนมาแต่แรกในการก่อตั้ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเราได้ชูหลักการ เจ้านายของเราคือประชาชนเป็นธงนำมาโดยตลอด เมื่อประชาชนซึ่งเป็นเจ้านายเรียกร้อง พรรคจึงจำเป็นที่ต้องกล้าหาญนำเสียงของประชาชนมาขับเคลื่อนต่อไปในสภา ภายใต้ปัจจัยที่พอจะคุยและยอมรับกันได้”
    นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรค ก.ก. ซึ่งเป็น 1 ใน 9 ส.ส.ที่ไม่ร่วมลงชื่อเสนอ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 โดยคงมาตรา 112 ไว้ และลดโทษลงมาไม่เกิน 3 ปีเหมือนสมัยรัชกาลที่ 5 หรือให้สอดคล้องกับความทันสมัยของโลกและบ้านเมืองปัจจุบัน อาจเหลือไม่เกิน 1 ปี หรือน้อยกว่า 1 ปี เป็นต้น จำกัดผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษที่เป็นผู้เสียหายจริงๆ เช่น ให้กรมราชเลขานุการในพระองค์เป็นผู้กล่าวโทษ หรือนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กล่าวโทษเท่านั้น ซึ่งผมชี้แจงผ่านการประชุมพรรคแล้ว แต่ในรายละเอียดเป็นเรื่องภายในพรรค ขออนุญาตไม่พูด
    “เป็นเรื่องพื้นฐานของประชาธิปไตยภายในพรรคที่มีความเห็นแตกต่างกันได้ และเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว ท้ายที่สุดกฎหมายก็ต้องเข้าสู่กระบวนการ” นายจิรวัฒน์ระบุ
เชื่อพรรคเข้าใจ
ด้าน น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กกรณีไม่ลงชื่อว่า โดยหลักการแล้วเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 เพราะยังยืนยันว่ายึดมั่นเรื่องหลักการของสิทธิมนุษยชน และมาตรา 112 ไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่มีเหตุผลและบริบทส่วนตัวที่ทำให้ไม่สามารถร่วมลงชื่อกับเพื่อน ส.ส.ในพรรคได้ ซึ่งขอสงวนไม่อธิบายในรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและอาจกระทบต่อผู้อื่น
และในที่ประชุม ส.ส.ได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค รวมถึงเพื่อน ส.ส.แล้ว ซึ่งทุกคนก็เข้าใจในเหตุผลส่วนตัวและเคารพการตัดสินใจ
    “พรรคการเมืองก็เป็นสังคมหนึ่ง ที่ไม่จำเป็นว่าคนทุกคนต้องเห็นเหมือนกันหรือมีการกระทำที่เหมือนกันในทุกเรื่อง และนี่คือประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งดิฉันไม่เคยยึดติดกับตำแหน่ง หากมีประชาชนจำนวนมากที่เลือกดิฉัน ไม่พอใจกับการตัดสินใจของดิฉันในประเด็นนี้ ดิฉันพร้อมพิจารณาตัวเองในการลงเลือกตั้งครั้งหน้า” น.ส.วรรณวรีกล่าว
    ขณะที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าพรรคก้าวไกลไปยื่นแก้ไขมาตรา 112 มีเป้าหมายทำเพื่อสถาบันอย่างแท้จริง แต่ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองที่อยากจะกระทำการจาบจ้วงสถาบันโดยไม่อยากมีความผิดมากกว่า เพราะกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่ได้ไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของใคร ยกเว้นแต่ใครที่กระทำที่ส่อเจตนาดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ ดังนั้นต้องแก้ตั้งแต่ต้นทางคือต้องไม่กระทำการจาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบัน แต่ไม่ใช่มาขอแก้กฎหมายมาตรา 112  
    นายสุภรณ์ยังขอสนับสนุน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี พร้อมกลุ่มประชาชนเข้ายื่นรายชื่อประชาชน จำนวน 101,568 ชื่อ เพื่อคัดค้านการแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 ว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว และแสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 พร้อมกันนี้ยังขอชื่นชม ส.ส.พรรคก้าวไกล 9 คนที่ไม่ร่วมลงชื่อ มีความคิดเป็นของตัวเอง รู้ว่าอะไรสมควรทำหรือไม่สมควรทำ
    “อยากขอเตือนพรรคก้าวไกลว่าการยื่นแก้ไข มาตรา 112 ยังมีประชาชนอีกมากมายทั่วประเทศที่ไม่เห็นด้วย หากยังดื้อด้านที่จะแก้ อาจทำให้เกิดความขัดแย้งได้ เพราะประชาชนจะไม่พอใจกับพฤติกรรมของพรรคก้าวไกล และยังมองว่าอาจจะกระทบกับอนาคตทางการเมืองของพรรคก้าวไกลอีก ที่ไปลงพื้นที่หาเสียงที่พื้นที่ใดถูกประชาชนโห่ไล่เหมือนนายธนาธรลูกพี่เก่าจนไม่ได้เก้าอี้นายก อบจ.แม้แต่จังหวัดเดียว เช่นเดียวกันกับพรรคก้าวไกล ที่อาจไม่ได้ ส.ส.แม้แต่จังหวัดเดียว” นายสุภรณ์กล่าว    
    นายสุภรณ์กล่าวอีกว่า ได้ข่าวมาว่ามีพี่น้องประชาชนที่จงรักภักดีและปกป้องสถาบันทุกจังหวัดทั่วประเทศกำลังรวมตัวกันไปยื่นหนังสือคัดค้านการแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล และจะมีการชุมนุมเกิดขึ้น สัญญาณนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย นักการเมืองหรือพรรคการเมืองหน้าไหนที่กล้าลงชื่อหรือยกมือสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 เท่ากับคิดร้ายต่อสถาบัน ประชาชนจะลงโทษไม่ให้ผุดให้เกิดทางการเมืองแน่นอน
ฟ้อง'วรงค์-ณฐพร'
    ส่วนที่ศาลอาญา นายณัฐวุฒิ? บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมคณะ เป็นตัวแทนพรรคเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดี 2 สำนวน สำนวนแรกฟ้อง นพ.วรงค์ เป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กับอีกสำนวนฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และแจ้งหรือกล่าวหาอันเป็นความเท็จว่าพรรคการเมืองกระทำความผิดกฎหมายพรรคการเมือง ตามมาตรา 101 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
    นายณัฐวุฒิกล่าวว่า คดีฟ้อง นพ.วรงค์ ฟ้องการกระทำเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2564 และเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2564 คือการแถลงข่าวและการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวมีลักษณะก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรค จึงฟ้องเป็นคดีอาญา เรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 24,062,475 บาท และเรียกร้องให้ นพ.วรงค์หยุดพฤติการณ์อันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายอีก ส่วนคดีที่ฟ้องนายณฐพรในกรณียื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหาพรรคละเมิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายที่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานหมิ่นประมาท และให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานตามมาตรา 101 โดยเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง 24,062,475 บาท และให้หยุดดำเนินการเช่นกัน
    ผู้สื่อข่าวถามว่า คำฟ้องเรียกร้องเฉพาะค่าเสียหายหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เป็นเรื่องคดีอาญา ข้อหาทั้งหมดมีโทษจำคุกด้วย ซึ่งขั้นตอนกระบวนการของศาล เรามีหน้าที่พิสูจน์ความเป็นจริงให้ศาลเห็นว่าเราได้รับผลกระทบเป็นผู้เสียหายอย่างไร ความผิดฐานหมิ่นประมาท เมื่อวันที่ 10 ก.พ. พรรคยื่นแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพราะเรามองว่าการแสดงความคิดเห็นที่ถูกต้องเหมาะสมสามารถกระทำได้ แต่ต้องไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น เมื่อมีกระบวนการของศาลแล้วในอนาคตเป็นเรื่องของศาล เราหวังเพียงว่าได้รับการคืนความเป็นธรรม  
    ภายหลังยื่นคำฟ้องต่อศาลแล้ว นายณัฐวุฒิระบุว่า สำนวนฟ้อง นพ.วรงค์ศาลรับไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.307/2564 นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. ส่วนสำนวนฟ้องนายณฐพร เป็นคดีหมายเลขดำ อ.308/2564 นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ เวลา 13.00 น.
    เมื่อถามย้ำว่าเป็นการฟ้องปิดปากหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เราชัดเจน เมื่อวันที่ 10 ก.พ. เรายื่นแก้ไขกฎหมาย มี 2 ฉบับ เป็น Anti SLAPP ไม่ควรมีการใช้เครื่องมือทางกฎหมายปิดปากบุคคลใด เรื่องนี้ไม่ใช่การปิดปาก เรายินดีรับฟังการติชมด้วยความเป็นธรรมในทุกกรณี ทุกวันนี้มีอยู่แล้ว แต่ต้องไม่ใช่การกล่าวร้ายให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งอันตรายต่อสถานการณ์การเมือง ณ ขณะนี้
    ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวยังถามถึงจำนวนค่าเสียหายที่เรียกร้องในคดีนี้ ตีจากตัวเลขเป็นวันที่ 24 มิ.ย.2475 วันปฏิวัติของคณะราษฎร นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตัวเลขคงไม่สามารถโกหกใครได้ แต่เรียนว่าตัวเลขเกิดขึ้นจากการคำนวณความเสียหายต่อเกียรติยศชื่อเสียงของพรรค จะเกี่ยวข้องประการใดเป็นเรื่องที่ฝ่ายกฎหมายพรรคคำนวณมา
    นพ.วรงค์โพสต์เฟซบุ๊กในเรื่องนี้ว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องมาตรา 112 และสถาบันเบื้องสูง แต่ถูกพรรคก้าวไกลฟ้องเป็นคดีอาญา และเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง 24,062,475 บาท ซึ่งช่างย้อนแย้งเสียจริงๆ ตอนคนอื่นฟ้องพวกคุณ ก็กล่าวหาว่านิติสงครามบ้าง เอากฎหมายมาปิดปากบ้าง ที่สำคัญกฎหมายมาตรา 112 ก็ลดบทลงโทษเหลือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับแค่สามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เตือนโจทก์หนีจำเลย
“ตอนพวกคุณฟ้องผม พวกคุณจะเอาผมตั้ง 24 ล้านบาท ฝากพรรคก้าวไกลด้วยครับว่า ผมไม่รู้สึกกลัวพวกคุณเลย กลับภูมิใจ พอมีคนทราบข่าวนี้ มีคนขอจองเป็นทนายให้ผมหลายคน ทั้งคุณณฐพร ทั้งคุณราเมศ รัตนะเชวง และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายไทยภักดี แต่ขอเตือนไว้นิดนะครับ ระวังคดีจะเหมือนคดีเมย์เดย์เมย์เดย์นะ เพราะโจทก์จะหนีจำเลย” นพ.วรงค์โพสต์
    วันเดียวกัน ยังมีความต่อเนื่องในการชุมนุมของกลุ่มราษฎรที่แยกปทุมวันและ สน.ปทุมวัน เมื่อช่วงเย็นและค่ำวันที่ 10 ก.พ. โดย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แถลงว่า มีทรัพย์สินทางราชการเสียหาย ได้แก่ รถยนต์ รวม 8 คัน ประกอบด้วย สน.ปทุมวัน 4 คัน, พื้นที่อื่นอีก 4 คัน และรถจักรยานยนต์ สน.ปทุมวัน 1 คัน และมีตำรวจบาดเจ็บ 7 นาย จากการถูกปาสิ่งของและระเบิดปิงปอง นอกจากนี้ยังมีสื่อมวลชนและประชาชนได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาอีก  
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ยังกล่าวถึงการใช้แก๊สน้ำตาว่า ตามขั้นตอนการปฏิบัติมีการแจ้งเตือนก่อนใช้ให้ผู้ชุมนุมทราบ จากนั้นมีการปรับรูปขบวน เพื่อให้ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาน้อยที่สุด แต่เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ตำรวจยังไม่ได้ประกาศเตือน ปรับรูปขบวน หรือใส่หน้ากากป้องกัน และยังไม่มีการนำแก๊สน้ำตาออกมาใช้ จึงเชื่อได้ว่าแก๊สน้ำตาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากฝั่งของตำรวจ ส่วนจะเป็นบุคคลใดที่ใช้ กำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่
    “การชุมนุมเมื่อวานนี้ผู้ชุมนุมกระทำผิดเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหลายข้อหา อาทิ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ควบคุมโรค ทำร้ายเจ้าพนักงาน ขัดขวางการทำงานเจ้าหน้าที่ และความผิดตาม พ.ร.บ.ความสะอาด ส่วนข้อหาอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนภาพระเบิดควันในโลกโซเชียล ยอมรับว่ามีการใช้ภายในราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจริง แต่ช่วงการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมา มีทรัพย์สินทางราชการสูญหาย ถูกรื้อค้น หนึ่งในนั้นคือระเบิดควันที่ปรากฏในภาพ ส่วนจะมาจากหน่วยใด อยู่ระหว่างการตรวจสอบหมายเลขที่ปรากฏบนวัตถุพยาน และต้องตรวจสอบลายนิ้วมือ รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์” พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าว
    พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บการชุมนุมหลายนาย จึงเตรียมพิจารณานำอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนมาใช้เต็มรูปแบบ โดยจะใช้ตามสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้น อาทิ ปืนตาข่าย กระสุนยาง แต่อุปกรณ์ทั้งหมดนี้จะเลือกนำมาใช้เป็นมาตรการสุดท้าย
โซเชียลฯ แฉทำกันเอง
ทั้งนี้ ในโลกโซเชียลได้มีการเผยแพร่และแชร์คลิปการชุมนุมเมื่อค่ำวันที่ 10 ก.พ.จากหลายส่วน และมีการโพสต์เรื่องดังกล่าวด้วย อาทิ นายสมบัติ ทองย้อย การ์ดเสื้อแดง แนวร่วมกลุ่มราษฎร โพสต์รูปและข้อมูลว่า ความรุนแรงเกิดจากฝ่ายผู้ชุมนุมและการ์ด รับรองงานนี้จบแบบศพไม่สวย ขบวนการเละเป็นโจ๊ก
    ทวิตเตอร์เจ๊จุก คลองสาม ซึ่งเกาะติดกลุ่มการ์ดวีโว่โพสต์ว่า ถามเจ๊ ใครอยู่เบื้องหลังความรุนแรงเมื่อคืนนี้ เจ๊จุกตอบ เอาเรื่องจริงจากวงในเลยนะ แก๊ง HEEVO ที่รับบัญชาจากโต้นี่แหละคือ ตัวก่อหวอด แล้วโยนให้เป็นฝีมือการ์ดกลุ่มอื่น พร้อมระบุมือปาระเบิดประทัดว่าเป็นคนเดียวกับที่ใช้คีมเหล็กตัดโซ่ที่คล้องประตู มธ.ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2563
    นายเกวลัง ธัญญเจริญ หรือ เก่ง อาชีวะ แกนนำกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งผู้ก่อตั้งการ์ดภาคีเพื่อประชาชน โพสต์ว่า ภาพการใช้ความรุนแรงก็คนเดิมหน้าเดิม ไม่ละอายบ้างหรือ เปลี่ยนตัวเราได้สังคมก็เปลี่ยนได้ เริ่มใหม่แล้วเดินไปด้วยกัน สิ่งที่ทำมันดีไหม ไม่ห่วงตัวเองก็น่าจะห่วงพี่น้องมวลชน มันคือการยกระดับให้รัฐใช้ความรุนแรงในการจัดการในม็อบต่อๆ ไป
    ด้านนายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการพิจารณาและพิพากษาคดีของผู้พิพากษาและศาลยุติธรรม ว่าศาลได้ทราบการปราศรัยและการเผยแพร่ข้อความที่พาดพิงแล้ว โดยจะตรวจสอบและดำเนินการต่อไป ซึ่งขอเรียนว่าผู้พิพากษาทุกท่านต่างปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอิสระ ปราศจากอคติ ใช้ดุลยพินิจเพื่อออกคำสั่งหรือคำพิพากษาในคดีต่างๆ โดยชอบตามกรอบแห่งกฎหมาย ปราศจากการแทรกแซงทั้งภายในและภายนอกองค์กร สำหรับขั้นตอนการขอปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา ก็จะดำเนินการไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  นอกจากนั้น ผู้พิพากษายังอยู่ในกรอบจริยธรรมและการดำรงตนตามประมวลจริยธรรมของผู้พิพากษา ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"