หายใจยาวๆ'เก่ง-การุณ' กางกฎหมายโต้ 'สิระ' ยันไม่ได้มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรธน.


เพิ่มเพื่อน    


12 ก.พ.64 - นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ดิ้นให้ตายครับสิระ มีอะไรงัดมาอีกครับ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (11) บัญญัติว่าผู้ที่ “เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง” เป็นผู้ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง นั้น มิได้เป็นผู้มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผล ดังนี้
(1) ผมไม่เคยถูกศาลฎีกาพิพากษาว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง โดยศาลฎีกาในคดีหมายเลขแดงที่ 6604/2556 วินิจฉัยเพียงว่า “การกล่าวคำปราศรัยของผมฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 53 (5) จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผมเป็นเวลาห้าปี และให้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่  12 ใหม่แทนผม”
(2) การกระทำที่ผมถูกกล่าวหาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ พ.ศ. 2550 มาตรา 53(5) คือการปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ซึ่งต่อมานายแทนคุณ จิตต์อิสระ ก็ได้ฟ้องผมต่อศาลในความผิดฐานหมิ่นประมาทแต่ได้มีการประนีประนอมยอมความและถอนฟ้องในที่สุด
(3) ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ พ.ศ. 2550 มาตรา 137 ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 53 ที่เป็นการทุจริตในการเลือกตั้งอันเป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งจะต้องถูกพิพากษาจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี แต่ผมมิได้ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกและปรับและถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลาสิบปี ดังนั้น การกล่าวคำปราศรัยดังกล่าวจึงไม่ใช่การกระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง
(4) ความผิดฐานหมิ่นประมาทมิได้เป็นความผิดที่ผู้กระทำต้องมีเจตนาทุจริต ซึ่งต่างจากความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ เช่น ฉ้อโกง ที่นายสิระเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกที่ผู้กระทำจะต้องมีเจตนาทุจริต ปรากฏตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง”
(5) คดีที่ผมถูกศาลพิพากษาดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นโจทก์ กรณีจึงไม่ถือว่าผมปกปิดข้อเท็จจริงเพราะ กกต. เป็นโจทก์ในคดีดังกล่าวเองจึงย่อมรู้ข้อเท็จจริงดีอยู่แล้วว่าคุณสมบัติของผมมิได้ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ กกต. จึงมิได้ตัดสิทธิผมในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งต่างจากคดีที่นายสิระถูกศาลแขวงพิพากษาให้จำคุกในคดีฉ้อโกงที่ประชาชนเป็นโจทก์ แต่นายสิระกลับปกปิดข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงทำให้ กกต. ยินยอมให้นายสิระลงสมัครรับเลือกตั้ง
ดังนั้น ผมจึงมิได้เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง ไม่เป็นบุคคลที่ต้องห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (11) ตามที่นายสิระพยายามกล่าวหาแก้เกี้ยวที่ตัวเองกำลังจะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ถอดถอน
หายใจยาวๆ ท่องพุทโธ พุทโธ ครับ จะได้ถูกถอนอย่างสงบ สำหรับผมแล้วคุณไร้ราคา

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"