‘ณัฏฐพล’มั่นใจ ‘ข้อมูล’แน่นปึ้ก แจงศึกซักฟอก


เพิ่มเพื่อน    

 เกาเหลาซักฟอก! "ณัฏฐพล" ลั่นไม่มีปัญหาหาก ส.ส.พลังประชารัฐโหวตสวน ด้วยเหตุผลว่าไม่สามารถตอบคำถามได้ หรือไม่มีความสามารถในการบริหาร เผยมีความขัดแย้งส่วนตัวมากกว่าเรื่องงาน "ธรรมนัส" ปัดล็อบบี้เล่นกันเอง แค่ป้องกันตัวเองจากฝ่ายค้านก็หนักอยู่แล้ว ก้าวไกลหยาม "วิษณุ" ไม่มีราคา

    เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงการเตรียมข้อมูลเพื่อรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ได้เตรียมข้อมูลเพื่อรับมือการซักฟอกของฝ่ายค้านในหลายประเด็น เช่น การแทรกแซงการทำงานของข้าราชการ การดึงคนของตนเข้ามาอยู่ใน ศธ. เป็นต้น ซึ่งตนไม่กังวล เพราะเป็นเรื่องปกติที่จะต้องได้รับการตรวจสอบการทำงานจากฝ่ายค้านอยู่แล้ว และจากที่เตรียมข้อมูลไว้ คิดว่าสามารถตอบฝ่ายค้านได้ทุก
    ส่วนกรณีที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บางคนเตรียมล็อบบี้ ส.ส.ของพรรคกว่า 30 คน ให้โหวตสวนรัฐมนตรีในพรรคบางคนที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนไม่รู้ว่า ส.ส.ทั้ง 30 คนนั้น คือใคร ไม่มีปัญหาอะไร แต่ขอให้ดูข้อมูลการอภิปราย และดูการตอบข้อซักถาม ก่อนที่จะตัดสินใจไม่โหวตให้
    "ผมไม่มีปัญหา หากจะไม่โหวตให้ด้วยเหตุผลว่าไม่สามารถตอบคำถามได้ หรือไม่มีความสามารถในการบริหาร"
    รมว.ศึกษาธิการกล่าวต่อว่า ส่วนการอภิปรายครั้งนี้จะถูกเล่นแรงหรือไม่ ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะคือการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายค้าน ส่วนข้อมูลการทำงานในพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องไปดูว่าคนที่คิดว่าตนทำงานไม่เหมาะสม มาจากสาเหตุอะไร มาจากการทำงานหรือเป็นเหตุผลส่วนตัว ซึ่งตนมั่นใจว่าถ้ามีข้อขัดแย้งคงเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องของการทำงาน และตนหวังว่าขณะนี้ภายในพรรค พปชร.ยังมีความเป็นเอกภาพกันอยู่ เพราะตนไม่รู้ว่าแต่ละคนคิดเห็นอย่างไร
    “เท่าที่ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. ก็ย้ำให้ผมเตรียมข้อมูลให้ดีที่สุด และถือเป็นโอกาสที่ดีในการชี้แจงการทำงานของ ศธ.ให้ประชาชนเข้าใจ เพราะหลายคนอาจจะไม่รู้ว่า ศธ.กำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งขณะนี้ ศธ.กำลังเตรียมแผนบรูณาการพัฒนาประเทศผ่านระบบการศึกษา ซึ่งการศึกษานั้นถือเป็นงานที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล” นายณัฏฐพล กล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้หารือกับคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. เพื่อเตรียมข้อมูลรับมืออภิปรายหรือยัง รมว.ศึกษาธิการตอบว่า ยังไม่ได้ลงรายละเอียด แต่ตนดูแล้วว่าเป้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นมุ่งมาที่ตนเป็นส่วนใหญ่ ถ้ามีการพาดพิงการทำงานของรัฐมนตรีช่วย ศธ.ทั้ง 2 เชื่อว่าทั้ง 2 คนพร้อมที่จะตอบคำถามอยู่แล้ว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า มีคนโยงว่าที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาจากการเสนอนางทยา ทีปสุวรรณ ลงรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายณัฏฐพลกล่าวว่า มองว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเรื่องนี้ตนได้เรียนให้หัวหน้าพรรค พปชร.ทราบแล้ว ประกอบกับนางทยาก็ไปคุยกับหัวหน้าพรรค พปชร.โดยตรง จึงไม่เป็นเรื่องที่จะมากังวลหรือมาเกี่ยวข้องกับการทำงานของตน
    ด้านคุณหญิงกัลยาให้สัมภาษณ์ว่า หากงานในส่วนที่รับผิดชอบถูกพาดพิง ก็พร้อมช่วยเสริมนายณัฏฐพลในการชี้แจง เพื่อช่วยอธิบายข้อเท็จจริงในเรื่องที่ทราบ และไม่ต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษ โดยจะรับฟังการอภิปรายโดยตลอดพร้อมคณะรัฐมนตรี ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะตอนนี้สภาก็ต้องเว้นระยะห่างที่นั่ง จะต้องสับเปลี่ยนกันขึ้นไปนั่งฟังในช่วงที่มีการอภิปรายในส่วนของกระทรวงศึกษาฯ ดังนั้น ครม.ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
    เมื่อถามย้ำว่า การอภิปรายครั้งนี้ไหวใช่หรือไม่ คุณหญิงกัลยา ตอบเพียงสั้นๆ ว่า ไหว
    ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนตัวพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกฝ่ายค้านกล่าวหาคือ เป็นผู้มีอิทธิพล, เกี่ยวข้องแต่งตั้งภรรยาดำรงตำแหน่งทางการเมืองและหุ้นของภรรยาเป็นสัมปทานของรัฐหรือไม่ โดยตนได้เตรียมข้อมูลและจะชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว ส่วนคะแนนการโหวตสุดท้ายจะได้มากหรือน้อยอย่างไร ตนจะทำให้ดีที่สุด และยอมรับผลคะแนนออกมาได้หมด
    ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่ามีรัฐมนตรีบางคนไปล็อบบี้ ส.ส.พปชร.โหวตสวนไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีของพรรค ร.อ.ธรรมนัส ปฏิเสธว่า ไม่ทราบ คิดว่าอาจเป็นเรื่องที่รู้สึกและคิดกันไปเอง เพราะแค่การชี้แจงของตัวเองและป้องกันตัวเองก็หนักอยู่แล้ว แต่ในทางกลับกลับกัน ตนมีแต่ช่วยเหลือและประสาน ส.ส.ของพรรคให้ช่วยสนับสนุนรัฐมนตรีทุกคนที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และในช่วงก่อนหน้าก็ได้พูดคุยกับนายณัฏฐพล โดยนายณัฏฐพลให้ตนช่วยอธิบายความไม่เข้าใจต่างๆ แก่ ส.ส.
    ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยญัตติอภิปรายของฝ่ายค้านนั้น เปิดเผยว่า หากการอภิปรายพาดพิงถึงสถาบันก็คงจะทักท้วงพรรคร่วมฝ่ายค้านขอให้ยุติไม่ดำเนินการ ส่วนจะเป็นอย่างไรก็ต้องสุดแล้วแต่การประชุม  
    "พรรคร่วมฝ่ายค้านจะพิจารณาอย่างไรก็ต้องไปดูตอนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในส่วนของผมจะพิจารณาภายหลังจบการอภิปรายว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ถ้าทักท้วงและฝ่ายค้านยังคงฝ่าฝืน เรื่องนี้ก็ถึงศาลรัฐธรรมนูญแน่ แต่จะถึงโดยวิธีใดเท่านั้นเอง" นายไพบูลย์กล่าว
    ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลนัดสัมมนาซ้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ว่าคงพอกันทีกับการนำเพาเวอร์พอยต์และรูปรัฐมนตรีมาพีอาร์ตัวเอง เพราะไม่มีประโยชน์ และประชาชนต้องการฟังเนื้อหาที่เป็นเหตุเป็นผล ฝ่ายค้านต้องการถามกรณีที่รัฐมนตรีต้องสงสัยว่าด้อยประสิทธิภาพ หรือพัวพันกับผลประโยชน์อย่างไร
    นายวิโรจน์กล่าวว่า นอกจากนี้อยากให้รัฐมนตรีชี้แจงแบบไม่ใช้แท็กติกที่มาไล่เวลาและนำประเด็นการอภิปรายที่สำคัญกับรัฐมนตรีคนสำคัญไปอยู่ช่วงเที่ยงคืน ทั้งนี้ ฝ่ายรัฐบาลควรติวเข้มทีมประท้วงด้วย อย่ามาประท้วงเรื่องไร้สาระจนประชาชนรุมโห่
         “การเชิญอาจารย์วิษณุไปติวเข้ม ก็ไม่รู้เป็นการติวเข้มให้ใช้ข้อยกเว้นอะไรอีกหรือไม่ เพราะอาจารย์วิษณุเป็นบิดาแห่งการยกเว้นของประเทศไทย แต่ยืนยันว่างานนี้โดนหมดทุกคนไม่มีข้อยกเว้นแน่นอน"
    เขากล่าวว่า ต่อให้เอานายวิษณุมาก็ยกเว้นไม่อภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ดังนั้นปีนี้ไม่มียกเว้น
    น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก มีเนื้อหาว่า สวาปาล์มภาคสอง 10 ปีที่แล้ว ผมลงไปตรวจสอบน้ำมันปาล์มขวดที่หายไปจากท้องตลาด ร้านทั่วไปไม่มีวางขาย หากใครต้องการซื้อ ท่านต้องซื้อน้ำมันปาล์มปี๊บในตลาดมืดที่ราคาสูงกว่าปกติถึง 2-3 เท่า เท่านั้น
    เรื่องนี้เจาะลึกไปถึงต้นตอ อธิบายง่ายๆ ได้ว่าคลังน้ำมันปาล์มของประเทศที่ต้องสำรองเอาไว้เผื่อฉุกเฉินมีปริมาณต่ำกว่าขีดแดง โดยไม่มีใครส่งสัญญาณเตือนว่าระดับน้ำมันอยู่ในสภาพวิกฤติ เปิดทางให้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีน้ำมันปาล์มเถื่อนเก็บอยู่ในคลังของตัวเอง สามารถปล่อยของขายในตลาดมืดด้วยราคาสูงลิ่ว กินส่วนต่าง 2 เด้ง
    ผู้มีอำนาจรอเวลาถึง 5 อาทิตย์ จึงค่อยตัดสินใจนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ คนกลุ่มนี้จึงปล่อยของเถื่อนขายในตลาดมืดได้อย่างสะดวกโยธิน อิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้า เงินสะพัดเป็นพันล้าน แต่ชาวบ้านเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน เพราะร้านค้าไม่มีน้ำมันปาล์มขวดขายเลยทั้งประเทศ จนค่าครองชีพช่วงนั้นสูงขึ้นจากผลของเรื่องนี้ด้วย
    “สวาปาล์ม” ครั้งนั้นเกิดแล้วก็จบไป แม้ว่ากระบวนการตรวจสอบต้นน้ำของฝ่ายค้านได้ถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบ แต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็เงียบหาย เหมือนกับอีกหลายเรื่องที่ไม่เคยมีคำตอบ ทิ้งไว้แต่ความเสียหายเชิงประจักษ์ที่คนธรรมดาทั่วไปก็รู้ว่ามันมีคนโกงแต่จับมือใครดมไม่ได้ซักที
    ผมเชื่อว่าเหตุนี้นี่เอง คนโกงจึงกล้าโกงอีก เพราะยิ่งโกงยิ่งรวย ยิ่งโกงยิ่งมีอำนาจ และยิ่งโกงยิ่งเห็นจุดอ่อนของสังคมที่ “ความดี” กลายเป็นเพียงแค่ “นามธรรม”? ที่กินไม่ได้
    วันนี้ ปี 2564 ผมจึงเห็นคนกลุ่มเดิมที่รวยขึ้น แข็งแรงขึ้น คอนเนกชั่นสูงขึ้น กล้าพอที่จะ #ฟอกน้ำมันเถื่อนให้บริสุทธิ์ เพราะคิดว่าทุกคนยอมหรี่ตาให้โชคดีที่ท่านคิดผิด และถ้าผมคิดถูก เราคงต้องเจอกันอีกในสวาปาล์มภาค 2 อย่างแน่นอน
    นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระที่ 2 ในวันที่ 24-25 ก.พ.นี้ หลังรัฐสภามีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจรัฐสภาในการแก้รัฐธรรมนูญว่า รัฐสภา จะยังคงเดินหน้าในการพิจารณาต่อไป และหลังการพิจารณาในวาระที่ 2 เสร็จสิ้น รัฐบาลจะเสนอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาต่อในวาระที่ 3 ช่วงกลางเดือน มี.ค.
    นายวิรัชกล่าวอีกว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องการวินิจฉัย แต่ไม่มีคำสั่งหรือมาตรการใดๆ มายังรัฐสภา รัฐสภาก็จะยังคงเดินหน้าพิจารณาต่อในวาระที่ 2 และ 3 และหากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่ารัฐสภาไม่สามารถยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ รัฐบาลก็จะเดินหน้าเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราต่อไป ซึ่งวิธีนี้เราจะไม่ต้องเสียงบประมาณในการจัดการออกเสียงประชามติกว่า 3,000 ล้านบาท.

 

         

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"