‘เราชนะ’สะพัดหมื่นล้าน ไร้สมาร์ทโฟนสมัคร3แสน


เพิ่มเพื่อน    

 คลังโว "เราชนะ" เงินสะพัด 1.4 หมื่นล้านบาท โอนเข้าแอปเป๋าตังงวดแรก 2 หมื่นล้าน แห่กดสละสิทธิ์พุ่ง 8.8 หมื่นคน แจงกลุ่มไร้สมาร์ทโฟนลงทะเบียนแล้ว 3.27 แสนราย สั่งออมสิน-ธ.ก.ส.ช่วยกรุงไทยเริ่ม 22 ก.พ.

    เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการเปิดรับลงทะเบียนโครงการเราชนะ สำหรับประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ไม่มีสมาร์ทโฟน ทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ หรือผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง รวมถึงผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่สำเร็จเนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง ว่าระหว่างวันที่ 15-17 ก.พ. มีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 327,066 คน (ข้อมูล ณ เวลา 15.30 น.)
    ทั้งนี้ ประชาชนในกลุ่มดังกล่าวที่สนใจและประสงค์จะสมัครเข้าร่วมโครงการ ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ไปลงทะเบียนที่สาขาหรือจุดบริการเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทย) ด้วยตนเอง ไม่สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยืนยันตัวตน อันจะเป็นการรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทะเบียนเอง และป้องกันไม่ให้มีการสวมสิทธิ์ โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อขอคัดกรองคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 5 มี.ค.2564 และไม่มีการจำกัดจำนวนสิทธิ์
    สำหรับกลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง (กลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลฯ) และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ w ww.เราชนะ.com (กลุ่มประชาชนทั่วไป) ที่ตรวจสอบสถานะแล้วพบว่าผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการเราชนะ จะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ครั้งแรกในวันที่ 18 ก.พ.2564 จำนวน 2,000 บาท
    น.ส.กุลยากล่าวว่า ประชาชนทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวสามารถยืนยันการใช้สิทธิ์ผ่านแถบ “เราชนะ” ที่ปรากฏอยู่ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และจะได้รับวงเงินสิทธิ์เพิ่มเป็นรายสัปดาห์ทุกวันพฤหัสบดี จนวงเงินสิทธิ์ครบ 7,000 บาท โดยสามารถสะสมวงเงินสิทธิ์ได้ และใช้จ่ายเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการ รวมถึงผู้ประกอบการ/ร้านค้าและบริการรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการ ได้จนถึงวันที่ 31 พ.ค.2564
    “ขณะนี้มีผู้ที่ได้รับสิทธิ์ผ่านการคัดกรองเข้าร่วมโครงการเราชนะทั้งสิ้น 16.3 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มผู้ที่ใช้แอปพลิเคชันเป๋าตังและเราเที่ยวด้วยกันอยู่แล้ว จำนวน 8.4 ล้านคน และกลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ w ww.เราชนะ.com จำนวน 7.9 ล้านคน ซึ่งล่าสุดมีผู้กดยืนยันตัวตนและกดรับสิทธิ์ในแอปพลิเคชันเป๋าตังแล้วจำนวน 10.2 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มที่มีแอปพลิเคชันเป๋าตังและเราเที่ยวด้วยกัน จำนวน 6.6 ล้านคน และกลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ w ww.เราชนะ.com จำนวน 3.6 ล้านคน จะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ครั้งแรกในวันที่ 18 ก.พ.2564 จำนวน 2,000 บาท” โฆษกกระทรวงการคลังระบุ
    ส่วนกลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลและกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้น แต่ไม่สามารถขอรับสิทธิ์โครงการได้ เนื่องจากคุณสมบัติของผู้สมัครเข้าร่วมโครงการไม่เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 กรณีข้าราชการการเมือง ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐที่รับค่าตอบแทนโดยตรงจากหน่วยงานของรัฐ และไม่มีลักษณะของงานที่เป็นอาสาสมัครหรือเป็นการจ้างรายวัน รวมถึงผู้รับบำนาญปกติ สามารถสละสิทธิ์ทางเว็บไซต์ w ww.เราชนะ.com ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขณะที่ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยของรัฐที่มีลักษณะงานเป็นอาสาสมัครหรือการจ้างรายวัน และได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐโดยตรง ผ่านเกณฑ์การคัดกรองของโครงการ สามารถยืนยันการใช้สิทธิ์ผ่านแถบ “เราชนะ” ที่ปรากฏในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
    สำหรับยอดกดสละสิทธิ์ ล่าสุดมีจำนวน 8.8 หมื่นคน เพราะหากตรวจสอบพบการรับสิทธิ์ในภายหลัง จะมีการเรียกเงินคืนทันที โดยสามารถกดสละสิทธิ์ทางเว็บไซต์ w ww.เราชนะ.com ได้ตั้งแต่วันนี้-วันที่ 25 มี.ค.2564
    ทั้งนี้ ได้มีการโอนวงเงินสิทธิ์ให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (กลุ่มผู้ถือบัตรฯ) จำนวน 13.69 ล้านคน ไปแล้วจำนวน 2 ครั้ง โดยจากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 กลุ่มผู้ถือบัตรฯ มียอดการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยไปแล้วมากกว่า 14,000 ล้านบาท
    วันเดียวกัน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างการชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎรว่า โครงการเราชนะกลุ่มประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ที่ต้องลงทะเบียนสาขาธนาคารกรุงไทย ทำให้มีปัญหาแออัดมากเกินไป จึงแก้ปัญหาให้ขยายเวลาการลงทะเบียนจากเดิมที่วันที่ 25 ก.พ. ไปเป็นถึง 5 มี.ค.2564
    นอกจากนี้ ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ จะให้คนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนไปลงทะเบียนที่ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทั่วประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ธนาคารจะบันทึกข้อมูลชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน และถ่ายรูปผู้มาลงทะเบียน หลังจากนั้นธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส.ส่งข้อมูลดังกล่าวให้ธนาคารกรุงไทยคัดกรองอีกครั้งหนึ่ง
    "คาดว่ากลุ่มที่ไม่สมาร์ทโฟนจะมี 2-2.5 ล้านคน เมื่อรวมกับกลุ่มอื่นๆ และมาตรการเยียวยาอื่นๆ จะมีคนได้รับการเยียวยารอบนี้ประมาณ 41.3 ล้านคน ใกล้เคียงกับการเยียวยารอบแรกปี 2563 ในโครงการเราไม่ทิ้งกันมีคนได้รับการช่วยเหลือ 41.2 ล้านคน" รมว.คลังระบุ
    ที่ว่าการอำเภอเมืองฯ จ.พิจิตร นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ประสานงานกับนายไชยา สมถวิล นายอำเภอเมืองพิจิตร, นายกฤษณะ หิรัณยเกศ ผู้จัดการสำนักงานเขตพิจิตร ธนาคารกรุงไทย, น.ส.ยุบล ปกป้อง คลังจังหวัดพิจิตร ดำเนินการจัดหน่วยเคลื่อนที่นำพนักงานและอุปกรณ์มาให้บริการลงทะเบียน “เราชนะ” แบบ One Stop Service ให้กับประชาชนกลุ่มที่ไม่มีโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ
    โดยนายรังสรรค์เปิดเผยว่า จะให้บริการ 3 วัน ระหว่างวันที่ 17-19 ก.พ.นี้ เพื่อลดความแออัด ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องไปที่ธนาคาร ซึ่งให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านประกาศให้ชาวบ้านมาใช้บริการตามรอบเวรของแต่ละตำบลและหมู่บ้าน แบ่งเป็นรอบเช้า-บ่าย เพื่อลดความแออัด ส่วนผู้ที่เป็นคนแก่ คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง ที่เรียกว่ากลุ่มเปราะบาง กำลังเร่งสำรวจข้อมูลว่ามีใครบ้าง บ้านอยู่ตรงไหน จะได้ให้ทีม Smart Service ไปให้บริการถึงบ้าน เพื่อจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลตามโครงการ “เราชนะ” อย่างทั่วถึง.
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"