ล้มซักฟอกธรรมนัส พรรคเล็กสับพอเป็นพิธี/บิ๊กป้อมสั่งโหวตให้คะแนนเท่ากัน


เพิ่มเพื่อน    

 

ซักฟอกวันสุดท้ายเข้มข้น “ก้าวไกล” แฉกองทัพทำไอโอโจมตีฝ่ายตรงข้าม “บิ๊กช้าง” สวนกลับไม่ได้ทำเพื่อให้ร้ายเหมือนที่พวกท่านมีความเชี่ยวชาญมากกว่ากองทัพ “รังสิมันต์” ชี้ ตร.มหาดเล็กฯ ทำหนังสือขอ 3 นาย ตร. นายกฯ ลั่น ตร.มหาดเล็กฯจัดตั้งเพื่อถวายความปลอดภัย-ถวายพระเกียรติ “ศรัณย์เกตุ-หนวดงาม” โวมีใบเสร็จเช็กบิลนายกฯ โยงโกงจัดซื้อรถบัส กห.เอื้อ 2 เจ้าสัวใหญ่ ปูดมีบ้านแฝดหรูมูลค่า 500 ล้านของขวัญเจ้าสัว จ. “บิ๊กตู่” งงยังไม่รู้บ้าน 2 หลังอยู่ไหน เย้ยใบเสร็จเก๊ขู่ดำเนินการทางกฎหมาย วิปฯ นัดลงมติ 10.30 น. วันเสาร์ “บิ๊กป้อม” เรียกประชุมส.ส.พปชร.ทุบโต๊ะคะแนนโหวตต้องเท่ากัน

ที่รัฐสภา วันที่ 19 กุมภาพันธ์ มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 10 คน เป็นวันสุดท้าย โดยก่อนการประชุม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของมวลชน 2 กลุ่มบริเวณรอบรัฐสภาได้มีการกำชับเรื่องความปลอดภัยอย่างไรบ้างว่า ภายในรัฐสภาไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งเลขาธิการสภาฯ ได้รายงานแล้ว ส่วนด้านนอกของรัฐสภามีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัย ส่วนความกังวลว่าจะมีการปิดรัฐสภาจนไม่สามารถออกไปได้ คงไม่มีปัญหาขนาดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแล
     นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงหลักฐานที่ฝ่ายค้านอภิปรายบางเรื่องจะมีการไปยื่นต่อ ป.ป.ช.ในภายหลังว่า ดูจากหลักฐานที่นำมาอภิปราย คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ไม่ทราบว่าในเบื้องหลังมีอะไรหรือไม่ที่จะไปยื่นกับ ป.ป.ช. อย่างเช่นอาจจะมีหลักฐานอื่นที่ชัดเจนมากกว่า ถ้าอย่างนั้นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเอาที่อภิปรายในสภาไปบอกกับ ป.ป.ช.หรือศาลคงไม่ได้ ซึ่งฝ่ายค้านคงมีอะไรในมือ แต่ตนไม่ทราบ ถือเป็นธรรมดาของการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าเมื่อจบลงแล้วฝ่ายบริหารจะต้องทำอะไรบางอย่าง แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องวิตก
     จากนั้น เวลา 09.00 น. มีการประชุมสภาเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งเป็นวันที่สี่ มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กรณีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารไอโอของกองทัพ โดยนายณัฐชาได้เปิดคลิปวิดีโอและอ้างว่าเป็นการประชุมวิดีโอผ่านระบบออนไลน์ของมณฑลทหารราบที่ 21 ที่ผู้บังคับบัญชามอบภารกิจสั่งให้ทหารโจมตีเพจของฝ่ายตรงข้าม อย่างเพจของนายปิยบุตร แสงกนกกุล มีส่วนหนึ่งเป็นการประชุมในวันที่ 17 ก.พ.63 ซึ่งเป็น 4 วันก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่
     นายณัฐชายังได้เปิดเอกสารของกองทัพ ที่มีการแบ่งแยกการทำงานปฏิบัติการทางข้อมูลข่าวสารไอโอ โดยแบ่งเป็นทีม พร้อมยืนยันว่า เอกสารต่างๆ ที่นำมาแสดงในการอภิปรายครั้งนี้เป็นเอกสารจริง และยังตั้งข้อสังเกตถึงการทำงานของกลุ่มดำและกลุ่มขาว ฝ่ายพัฒนาแอปพลิเคชันยังตั้งรหัสต้นฉบับ (Source Code)ว่า “จิตอาสาไอโอ” เพื่อให้ทราบว่าเป็นของกองทัพด้วย มีบัญชีไอโอมากถึง 58,400 บัญชี และมี 19 หน่วยงานของทหารปฏิบัติการ สอนการปั่นทวิตเตอร์และการทำงาน โดยมี พล.ต.จักรชัย ศรีคชา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) สั่งการให้ด้อยค่าความเป็นมนุษย์ และมี พ.ท.ธรรม์ มาลัยทอง กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ หรือ "เฮียตือ หนามเป้า” สั่งการหลังบ้าน เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งกรณีถือว่าใช้กองทัพแบ่งแยกประชาชน เพื่อสร้างความเกลียดชัง และทำเพื่อประโยชน์ของ นายกรัฐมนตรีและพวกพ้อง
     นายณัฐชาอภิปรายด้วยว่า การปฏิบัติการไอโอยังขยายจากสังคมออนไลน์มายังกรมประชาสัมพันธ์ อยู่ภายใต้การกำกับของพล.อ.ประยุทธ์ และที่มี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เป็นอธิบดี ที่นำงบประมาณแผ่นดินผลิตรายการโจมตีฝ่ายตรงข้าม  
ไม่เชี่ยวชาญไอโอเหมือนพวกท่าน
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงว่า ทหารไม่ได้ให้ร้ายประชาชน แต่ยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันในโซเชียลฯ มีข้อความที่ไม่ถูกต้อง มีคำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง แตกแยก กระทบต่อความสงบอันดีเกิดขึ้นจริง และต่อเนื่อง รวมถึงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่วนกรณีการอบรมจิตอาสาพระราชทานนั้น ทำเพื่อให้ทหารเรียนรู้ เข้าใจ และรู้เท่าทันต่อการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างถูกต้อง รวมถึงการโพสต์หรือส่งต่อต้องใช้วิจารณญาณว่าจะกระทบความมั่นคงหรือไม่ ซึ่งเป็นการใช้สื่อโซเชียลอย่างสร้างสรรค์
    "บัญชีเปิดเผยชัดเจน ไม่ได้ทำเพื่อให้ร้าย ที่ท่านโยงไปโยงมา เหมือนว่าท่านมีความเชี่ยวชาญมากกว่ากองทัพ ส่วนที่ระบุว่ามีฝ่ายขาว ฝ่ายดำ ถือเป็นการเรียนรู้ เป็นการฝึกปฏิบัติการทางทหารให้เกิดความเข้าใจ ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามเป็นประชาชนทั่วไป ส่วนคลิปวิดีโอประชุมคอนเฟอเรนซ์ของมณฑลทหารบกที่ 21 ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่มองว่าการใช้สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อเป็นข้อมูลอีกด้านที่สื่อให้ประชาชนได้เห็น ยืนยันว่าไม่ใช้เพื่อใส่ร้ายหรือสร้างความเกลียดชังให้ประชาชนแตกแยก” พล.อ.ชัยชาญกล่าวชี้แจง
จากนั้น นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การบริหารงานราชการตำรวจของทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ตั้งแต่สมัย คสช.เป็นต้นมา ที่มีการมอบหมายให้ พล.อ.ประวิตรดูแล  กลับได้ให้ผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่เข้ามาบงการการแต่งตั้ง โยกย้าย และเลื่อนตำแหน่ง ละเลยกฎเกณฑ์จนก่อให้เกิดระบบอุปถัมภ์และการใช้เส้นสาย ต่อมาเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามา ก็ยังปล่อยให้ผู้กระทำการเหล่านั้นลอยนวล  
     นายรังสิมันต์กล่าวตอนหนึ่งถึงความเหมาะสมหรือไม่ กรณีที่พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เขียนหนังสือถึง ผบ.ตร. ขอสนับสนุนแต่งตั้งตำรวจ 3 นาย โดยอ้างเหตุว่านายตำรวจทั้งสามได้ผ่านการอบรมหลักสูตรจิตอาสา นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจที่มีตั๋วทั้งของ ผบ.ตร. พล.อ.ประยุทธ์ และมีตั๋วอีกหนึ่งประเภทคือเรียกกันว่า "ตั๋วช้าง" มีตำรวจ 20 นายได้รับตั๋วนี้
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่นายรังสิมันต์อภิปรายเรื่องตั๋ว ซึ่งพาดพิงสถาบัน ก็ถูกประท้วงอย่างหนักจากฝั่งรัฐบาล กระทั่งนายรังสิมันต์ต้องอภิปรายข้ามไปหลายประเด็น สุดท้ายนายรังสิมันต์ กล่าวสรุปว่า ระบบที่ไม่เป็นธรรมนี้เราเห็นทุกวัน และเราก็อยู่กับมันทุกวัน หลายคนอาจภาวนาว่าสักวันหนึ่งจะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาทำร้ายวงจรอุบาทว์นี้ แต่คงได้แต่รออย่างสิ้นหวัง คิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
     จากนั้น พล.อ.ประวิตรชี้แจงว่า ขณะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้ปฏิบัติตามระเบียบของตำรวจ กฎ ก.ตร. และกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกขั้นตอน แต่รายละเอียดการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นเรื่องของตำรวจที่พิจารณาคนของเขาว่ามีความสามารถอย่างไร ยืนยันทำตามกฎระเบียบข้อบังคับทุกประการ
    ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า การแต่งตั้งเพื่อยกเว้นหลักเกณฑ์ เป็นเรื่องที่ ก.ตร.ต้องตั้งขึ้นมา และต้องพิจารณาจากผลงานที่ปรากฏด้วย การพิจารณาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทุกประการ ส่วนที่ได้มีการกล่าวหาว่าตำรวจไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างชอบธรรม สามารถร้องเรียนร้องทุกข์ได้ ทั้งนี้ ตำรวจส่วนใหญ่มีความพอใจในการทำงานของตนและ พล.อ.ประวิตร เราสั่งทุกอย่างเองไม่ได้ทั้งหมด เพราะทุกอย่างต้องเป็นมติ บอกมาเลยใครเสียเงิน กลัวจะเป็นการแอบอ้าง การอ้างว่านายกฯ กับรองนายกฯ ได้ประโยชน์ อยากถามว่าได้ประโยชน์หรือยังมีหลักฐานหรือไม่
ตร.มหาดเล็กฯ ถวายพระเกียรติ
      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับการปรับ ย้าย โอน เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปฏิบัติงานในหน่วยงานในพระองค์ที่เรียกว่าตำรวจมหาดเล็กรักษาพระองค์ ที่จัดตั้งมาเพื่อถวายงานใกล้ชิดในการดูแลถวายความปลอดภัยและถวายพระเกียรติ จึงจำเป็นต้องคัดเลือกคัดสรรสอบถามทัศนคติ ถ้าไม่ผ่านหรือไม่เหมาะสม ก็ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่เดิม ไม่ได้ลงโทษใดๆ เรื่องนี้มีความจำเป็น เพราะเป็นเรื่องความสง่างาม ยืนยันเราทำทุกอย่างให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด
    นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ชี้แจงกรณีนายณัฐชาพาดพิงถึงรายการในช่อง 11 ว่านายกฯ ไม่เคยสั่งการอะไรเป็นพิเศษในเรื่องทำงานของกรมประชาสัมพันธ์ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของกรมประชาสัมพันธ์ที่เป็นสื่อของรัฐ เพื่อชี้แจงข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รวมถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสังคมว่ากรณีใดเป็นเท็จหรือเป็นจริง เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ เช่น เพจบางเพจบอกว่าประเทศเราจะไม่ได้วัคซีน ซึ่งทางรัฐบาลก็ได้ชี้แจงชัดเจน แล้วกรมก็ได้นำมาเผยแพร่ อย่างไรก็ตาม รายการทีวีของกรมประชาสัมพันธ์ ต้องยอมรับว่าไม่สามารถสั่งการการนำเสนอข่าวของพิธีกรได้ เพราะพิธีกรก็มีความคิดเห็นของตัวเอง แต่ก็ต้องรับผิดชอบในการนำเสนอข่าวของตัวเองด้วย               
     ต่อมาเวลา 13.40 น. เป็นคิวของนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า คนที่บอกว่าไม่รับเงินชั่วๆ วันนี้ตนจะบอกว่ารับเงินชั่วอย่างไร จึงขอพุ่งเป้าที่กระทรวงกลาโหมและนายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งมีการจัดซื้อรถบัสประมาณ 429 คัน มูลค่ารวม 2,250 ล้านบาท โดยมีบริษัท อ ชนะการประมูลทุกครั้ง เทคนิคการประมูลจะไม่ซื้อล็อตใหญ่ แต่ซอยล็อตเล็กๆ เพื่อผ่านแบบสบายๆ เช่นซื้อ 512 คัน แต่ประมูลแค่ 500 คันก่อนเพื่อไม่ให้เงินเกินที่ประมูลไปทั้งหมด แก๊งนี้กว่าหมื่นล้านบาท  ส่วนเทคนิคการเทียบราคาจะเห็นว่าปล่อยให้เป็น บ.ภรรยากับสามีมาเป็นคู่เทียบตลอด เป็นบริษัทคู่เทียบกำมะลอ เพื่อฮั้วประมูล มันเจ็บปวดจริงๆ เพราะเอางบประมาณไปโกงกิน โดยตนจะดำเนินการกับนายกรัฐมนตรีในฐานความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ในมาตรา 10 เนื่องจากละเว้นไม่ยกเลิกการเสนอราคา
     นายศรัณย์วุฒิอภิปรายในตอนท้ายถึงเจ้าสัว 2 คน โดยระบุว่า เจ้าสัว จ. รายแรกที่จะกล่าวถึงมีพฤติกรรมชอบควบรวมกิจการต่างๆ และนิยมเลี้ยงนายทหารที่มีแววตั้งแต่ที่มียศเล็กๆ จนนายทหารเหล่านั้นเติบโต จากนั้นก็จะขอให้เซ็นอนุมัติโครงการ วันนี้ตนมีบ้านหรูมานำเสนอ เป็นบ้านแฝดหลังใหญ่ มูลค่า 500 ล้านในหมู่บ้านเดอะรอยัล เรสซิเดนซ์ คิดว่าน่าจะเป็นของขวัญจากเจ้าสัว จ. อยากถามนายกฯ ว่ารู้จัก “เสี่ยโต้ง” มาเฟียพัทยาที่ไปปลูกต้นไม้ให้กับบ้านหรูหลังนี้หรือไม่ สำหรับเจ้าสัวรายที่สอง เคยยื่นซองประมูลรถไฟ และมีธุรกิจอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบันเจ้าสัวได้ควบรวมกิจการต่างๆ 70 เปอร์เซ็นต์ เกินเกณฑ์ที่ ก.ล.ต.กำหนดไว้ว่าห้ามเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งความจริงเจ้าสัวรายดังกล่าวต้องได้รับโทษจำคุกและปรับ แต่ปรากฏว่าเขาเสียแค่ค่าปรับเท่านั้น
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการอภิปรายของนายศรัณย์วุฒิ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงเนื่องจากมีการแสดงท่าทีและกิริยาวาจาไม่สุภาพและเอ่ยพาดพิงศาลและบุคคลภายนอก และในช่วงท้ายมีช่วงหนึ่งที่นายศรัณย์วุฒิพาดพิงถึงสถาบัน ทำให้ประธานในที่ประชุมขออย่าออกนอกถ้อยคำในญัตติ
“บิ๊กตู่”ขู่ใช้กม.ฟัน”ศรัณย์วุฒิ”                
ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า เรื่องบ้านสองหลังตนยังไม่รู้เลยว่าหมู่บ้านอยู่ตรงไหน เป็นของใคร กรณีท่านไปเชื่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างแล้วมาอ้างตรงนี้ ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสังคมจะว่าอย่างไร ก็ระมัดระวังการถูกฟ้องด้วยแล้วกัน ทราบว่าท่านโดนหลายคดีเหมือนกัน เจ้าสัวรายใหญ่รายเล็ก ยืนยันว่ารัฐบาลดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมาย และได้ชี้แจงมาหลายครั้งหลายเรื่อง หลักฐานของท่านที่บอกมีใบเสร็จเยอะแยะนั้น ตนไม่แน่ใจว่าใช่ใบเสร็จถูกต้องและกฎหมายรับรองหรือไม่ ถ้ายังอ้างอยู่เช่นนี้มันจะวุ่นวายไป เพราะเป็นหลักฐานที่ยังพิสูจน์ไม่ได้
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องรถบัส กองทัพบกเป็นการดำเนินการของกองทัพบก มีการดำเนินการเป็นขั้นตอนของเขา เพื่อทดแทนในส่วนที่ทรุดโทรม รายละเอียดต่างๆ และทีโออาร์ก็เป็นเรื่องที่เขากำหนดกัน และเรื่องงบกลางนั้นไม่ใช่นายกฯ เอาเงินมาอยู่ที่ตัวเองแล้วสั่งทุกอย่างได้ เพราะต้องเข้า ครม. เข้าใจกันเสียที ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆ ค่อนข้างที่จะก้าวล่วงหมิ่นประมาทตนหลายเรื่อง ขอให้ไปพูดข้างนอกแล้วกัน และยืนยันถึงการใช้กฎหมายต่างๆ เมื่อมีการละเมิดเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการ          
     จากนั้นนายศรัณย์วุฒิลุกขึ้นโต้พร้อมชูเอกสารใบเสร็จว่า ใบเสร็จที่นำมาชี้แจงเป็นหลักฐานจริงๆ และยืนยันได้ หมดอำนาจเมื่อไหร่ก็โดนไล่บี้ไล่ต้อนเมื่อนั้น เพราะหลักฐานการคอร์รัปชันไม่มีหมดอายุความ   
    ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับลุกขึ้นสวนว่า "กระดาษที่ถือเป็นหัวข้อนั้นเป็นใบเสร็จอย่างไร ใบเสร็จที่ท่านเขียนเอง รูปร่างใบเสร็จไม่ใช่แบบนั้น ก็ขอให้ไปพิสูจน์ต่อไปในกระบวนการยุติธรรม"  
ต่อมา นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว นายกฯ เป็นทหาร ท่านมีความสามารถ แต่ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศนั้นใหญ่เกินกว่าที่ท่านจะบริหารจัดการได้ จึงไม่สามารถไว้วางใจให้ท่านบริหารประเทศต่อไปได้ ดังนั้นขอให้ออกจากตำแหน่ง หรือเปลี่ยนไปดำรงตำแหน่งอื่น
ต่อมาในเวลา 18.25 น. นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย ได้อภิปราย พล.อ.ประวิตร ว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย เนื่องจากได้รับเหล็กไหลเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิดปีที่ 75 จากนายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังไทยรักไทย ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 3,000 บาท โดยจะส่งเรื่องดังกล่าวให้ ป.ป.ช.ไต่สวน  
    นายนิคมยังได้อภิปรายถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เรื่องที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรว่า ออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์นายทุน แต่พี่น้องประชาชนเสียประโยชน์ จึงไม่อาจไว้วางใจการทำหน้าที่ของ ร.อ.ธรรมนัส  
    หลังจากที่นายนิคมอภิปรายจบ พล.อ.ประวิตรได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า “สิ่งที่ท่านพูดมาทั้งหมดไม่เป็นความจริง” แล้วเดินออกจากห้องประชุมไปทันที
     ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสชี้แจงว่า ในอดีตผู้ที่กำกับดูแล ส.ป.ก. มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดวัตถุประสงค์ของการใช้ที่ดินเพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยมาโดยตลอด ส่วนประกาศที่ตนเองประกาศไป เกี่ยวข้องมาจากประกาศเดิมในอดีต ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น เพียงแต่ต้องการระบุวัตถุประสงค์ลงไปให้ชัดว่า อะไรทำได้ หรือทำไม่ได้ สิ่งที่ได้ทำไป วัตถุประสงค์ เพื่อต้องการให้พี่น้องเกษตรกรหลุดจากกับดักความยากจนเท่านั้น   
    สำหรับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มีเพียงนายนิคมคนเดียวเท่านั้นที่ยื่นอภิปราย ร.อ.ธรรมนัส โดยระบุข้อกล่าวหาร้ายแรงทั้งทุจริตต่อหน้าที่ ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน และทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล แต่ปรากฏว่านายนิคมอภิปรายเฉพาะเรื่องนโยบายที่ดิน ส.ป.ก.เพียงเล็กน้อย ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆ ก็ไม่ได้อภิปรายแต่อย่างใด
ส่วนความเคลื่อนไหวในการลงมติ เมื่อเวลา 15.45 น. ที่ห้องพรรคพลังประชารัฐ ชั้น 6 อาคารรัฐสภา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เรียกประชุม ส.ส.พรรค พปชร.เป็นการด่วน มีรัฐมนตรี ส.ส. และแกนนำของทุกกลุ่มในพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่มีข่าวว่าจะได้รับคะแนนไว้วางใจน้อยที่สุด 2 คน คือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน โดย พล.อ.ประวิตรได้ใช้เวลาพูดคุยกับที่ประชุมไม่ถึง 10 นาที และกำชับเพียงสั้นๆ ถึงการลงมติโหวตว่า ให้ ส.ส.ลงมติไว้วางใจรัฐมนตรีของพรรค พปชร.ให้เท่ากันทุกคน และให้ ส.ส.ของพรรคหยุดประท้วง เพื่อให้เวลาเดินไปตามกรอบ จบประชุมได้ภายในคืนนี้ และลงมติได้ในวันที่ 20 ก.พ. ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรยังถาม ส.ส.ว่าใครมีอะไรสงสัยหรือไม่ให้ถามมา คุยกันให้รู้เรื่องไปเลย และให้โหวตไปตามที่คุยกันไว้ ให้สามัคคีกัน
พปชร.แฮปปี้คะแนนเท่ากัน
    โดยหลังการประชุม บรรดารัฐมนตรี ส.ส. ต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดในทางเดียวกันว่าไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าการเรียกประชุมด่วนครั้งนี้เกิดจากกรณีที่มีข่าวว่า ส.ส.บางส่วนจะลงมติไว้วางใจให้กับนายสุชาติน้อยที่สุด จนนายสุชาติต้องเข้าไปพบ พล.อ.ประวิตร เพื่อสะท้อนปัญหาและขอความช่วยเหลือ ขณะที่ พล.อ.ประวิตรที่ต้องออกมากำชับ ส.ส.ให้ลงมติให้รัฐมนตรีเท่ากัน เพราะต้องการรักษาภาพลักษณ์ของพรรค ไม่ให้เกิดความเสียหายว่าไม่เป็นเอกภาพ เนื่องจากเป็นพรรคแกนนำพรรครัฐบาล
ต่อมา พล.อ.ประวิตรกล่าวภายหลังการประชุมถึงการลงมติว่า ไม่มีอะไร    เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตรกล่าวเสียงแข็งกับสื่อว่า “คุณปรับเลย ปรับให้ดีนะ ผมยังไม่รู้เลย ปัดโธ่”
     นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงแนวโน้มการลงคะแนนโหวตว่า พรรคภูมิใจไทยมีมติพรรคว่า หากรัฐมนตรีชี้แจงได้ และฝ่ายค้านไม่มีหลักฐานอะไรที่จะมาหักล้างคำชี้แจงของรัฐมนตรี เราก็ต้องให้การสนับสนุนในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เราก็ต้องมีมติไปในทิศทางเดียวกัน    
      นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์   โพสต์เฟซบุ๊กว่า ส่วนตัวอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ยืนยันจุดยืนเดิมคือต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ และพร้อมเป็นหนึ่งเสียงที่ "จะลงมติ" สะท้อนความเห็นและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนทุกคน พนิตคนเดิมต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ไม่พายเรือให้โจรนั่ง
เมื่อเวลา 18.20 น. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) และนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ร่วมแถลงข่าวหลังหารือเพื่อกำหนดกรอบเวลาในการโหวตลงมติในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยนายวิรัชกล่าวว่า ได้เห็นชอบร่วมกันว่าจะมีการลงมติในเวลา 10.30 น. วันที่ 20 ก.พ. โดยทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยและตกลงในการบริหารเวลาร่วมกัน และตกลงว่าการอภิปรายจะให้จบในคืนวันเดียวกันนี้ โดยฝ่ายค้านจะมีการอภิปรายครบทุกคนตามที่ได้วางไว้ และฝ่ายรัฐบาลเองพร้อมจะบริหารเวลาที่เหลือ คือทั้งฝ่ายค้านก็ไม่กระทบ และฝ่ายรัฐบาลผู้ชี้แจงก็ไม่กระทบ พร้อมได้เสียสละเวลาผู้ชี้แจงลดลงเล็กน้อย
ด้านนายสุทินกล่าวว่า การพูดคุยและลดจำนวนเวลาการอภิปรายลงไปไม่กระทบแผนการอภิปรายของฝ่ายค้าน และต้องขอบคุณฝ่ายรัฐบาลที่อาจมีผลกระทบบ้างเล็กน้อยในเรื่องของเวลาที่ลดลง การที่มีมติรวมกันให้จบการอภิปรายในคืนนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นการกลัวที่จะเกิดการชุมนุมของกลุ่มราษฎรในวันที่ 20 ก.พ. ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย สิ่งสำคัญที่สุดคืออยากใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"