จ่อฟ้องม.112รังสิมันต์ เจี๊ยบชนเอาคืนทุกช่อง


เพิ่มเพื่อน    

  "แรมโบ้" ส่งฝ่ายกฎหมายตรวจสอบคำอภิปราย "ตั๋วช้าง" ของ "รังสิมันต์" จ่อฟ้อง ม.112 พ่วง พ.ร.บ.คอมพ์ ยันไม่ใช่การปิดปาก แต่เพราะมีพฤติกรรมล้มล้างสถาบันร่วมกับม็อบ 3 นิ้ว ขณะที่ "เจี๊ยบ ก้าวไกล" โดนเพิ่มวิ่งหาคุก ซูเปอร์โพลยี้สภาเขาควาย

    ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง สภาเขาควาย กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,683 ตัวอย่าง พบว่า ส่วนใหญ่เกือบร้อยละร้อย หรือร้อยละ 99.8 ระบุสภามีแต่ปัญหารอบด้าน เจอแต่การเมืองเก่า สมาชิกไม่เชื่อฟังประธาน พูดจาเสียดสี ทำงานไร้ประโยชน์ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่, ร้อยละ 99.4 ระบุพบสมาชิกสภา ฝ่ายนิติบัญญัติ ออกกฎหมาย แต่กลับไม่มีวินัย ฝ่าฝืนกฎเสียเอง, ร้อยละ 98.7 ระบุ พบเห็นการอภิปรายที่พูดเรื่องเดิมๆ รู้อยู่แล้ว เอาข้อมูลจากสื่อมาพูด ขาดหลักฐานใหม่, ร้อยละ 97.5 ระบุรู้สึกผิดหวังต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้, ร้อยละ 96.9 ระบุติดตามการอภิปรายมาไร้ประโยชน์ คาดว่าประชาชนจะเดือดร้อน จะต้องทุกข์มากขึ้นเรื่องปัญหาปากท้อง ปัญหาเงินในกระเป๋าของตนเองต่อไป
    ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.7 ระบุพบเห็นสมาชิกใช้สภาเป็นเวทีแสดงผลงานของตนเองค่อนข้างมากถึงมากที่สุด รองลงมาคือ ปานกลาง ร้อยละ 19.9 และค่อนข้างน้อย ถึง ไม่เห็นเลย ร้อยละ 8.4 ที่น่าเป็นห่วงคือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.9 รู้สึกเบื่อหน่ายต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ รองลงมาคือ ปานกลางร้อยละ 21.4 และค่อนข้างน้อยถึงไม่เบื่อเลย ร้อยละ 14.7 ตามลำดับ
    ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า ปัญหาของการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ ชี้ให้ประชาชนเห็นแต่ปัญหารอบด้านที่นักทฤษฎีทางสังคมวิทยาเขาเรียกกันว่า ปัญหาเขาควาย คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ทำให้ประชาชนรู้สึกเบื่อหน่าย ไร้พลังอำนาจ ไร้ประโยชน์ หันไปทางไหนก็เจอแต่ปัญหาทำนองว่าหนีเสือปะจระเข้ สอดคล้องกับหัวข้อโพลนี้คือ สภาเขาควาย เป็นสภาวะที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงที่ผ่านมายังไม่ทำให้ประชาชนเห็นแสงสว่างทางออกของวิกฤติชาติโควิดและวิกฤติการเงินในกระเป๋าของประชาชน จึงทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เกือบทั้งประเทศอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากฝ่ายการเมือง
    ที่รัฐสภา นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ (สสอ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ฟังการอภิปรายของฝ่ายค้าน  วอร์รูม สสอ.ประเมินเห็นว่าฝ่ายค้านไม่ได้มีหลักฐานหรือข้อมูลใหม่ คณะวอร์รูมให้คะแนนว่าสอบไม่ผ่านหรือสอบตก ส่วนการชี้แจงข้อเท็จจริงของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสามารถชี้แจงและตอบคำถามได้ทุกคำถาม ซึ่งตรงกับผลสำรวจซูเปอร์โพล
    นายสุภรณ์ยังกล่าวกรณีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายมีการแต่งตั้งซื้อขายตำแหน่งตำรวจและมีตั๋วช้าง ว่ามีข้อมูลที่บิดเบือน และอาจจะมีข้อมูลบางประเด็นที่มีหลักฐานเป็นเท็จ ก้าวล่วงถึงผู้ใหญ่ในสำนักพระราชวัง และก้าวล่วงถึงในหลวงในบางคำพูดบางประเด็น พร้อมกับข้อความและเอกสาร ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นเอกสารเท็จ ไม่ใช่เอกสารที่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้กำลังส่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบและให้มีการถอดเทปคำพูดทั้งหมดว่ามีประเด็นที่จะต้องดำเนินคดีในเรื่องของการผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิด ม.112 เหมือนกับกรณีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทั้งนี้ ถ้าผลการตรวจสอบพบว่ามีการทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ตนและคณะทีมวอร์รูมฝ่ายกฎหมายคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีก็จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีอีกครั้ง
    "ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของการปิดปาก ไม่ใช่เป็นการเอา ม.112 มารังแกนายรังสิมันต์เหมือนกับนางอมรัตน์ แต่คนเหล่านี้มีพฤติกรรมจาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบัน ถึงขนาดมีการเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.112 และมีพฤติกรรมที่เข้าไปร่วมกับแกนนำม็อบที่จาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบัน แกนนำ 3 นิ้วที่คิดล้มล้างสถาบันตลอดที่ผ่านมา ดังนั้น นายรังสิมันต์จะใช้วาทะ ศิลปะในการพูดอย่างไร แต่พฤติกรรมจริงๆ ไม่ใช่  ส.ส.ก้าวไกลเรารู้พฤติกรรมหมดแล้ว ดังนั้นอย่ามาใช้ลักษณะปกป้องสถาบัน เพราะที่จริงแล้วพวกท่านกำลังคิดล้าง ทำลายสถาบัน"
    นายสุภรณ์กล่าวอีกว่า หลังคณะกรรมการฯ เดินทางไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กับนางอมรัตน์  แล้วนั้น วันเดียวกันนี้ได้มอบหมายให้ทนายความของกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ยื่นเอกสารเพิ่มเติมที่ บก.ปอท. ในเหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระ ที่นางอมรัตน์ร่วมเคลื่อนไหว สนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมก้าวล่วงสถาบัน กระทำผิดใน ม.112
    "เส้นทางของ ส.ส.อมรัตน์ วิธีเข้าสู่สภาอันทรงเกียรติ เป็น ส.ส. ผู้ทรงเกียรติกลับไม่ชอบ เป็น ส.ส.เป็นผู้แทนประชาชนกลับไม่ชอบ กลับจะชอบเข้าสู่เส้นทางใหม่คือเส้นทางเข้าคุก วิ่งหาคุก วิ่งเข้าหาข้าวแดงเอง อยากจะไปอยู่กับแกนนำบางคนที่อยู่ในเรือนจำ ถือว่า ส.ส.อมรัตน์เลือกเส้นทางเอง ไม่มีใครยัดเยียดให้ แต่เป็นเพราะตัวของตัวเอง" นายสุภรณ์กล่าว
    ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงกรณีนายสุภรณ์แจ้งความนางอมรัตน์ว่า เป็นอีกเหตุการณ์ที่มีการใช้มาตรา 112 ตีความอย่างกว้าง และตามอคติ เพื่อขัดขวางการทำงานของอำนาจนิติบัญญัติ และปิดปากการตรวจสอบ ซึ่งเราจะร้องทุกข์กล่าวโทษต่อศาลเพื่อดำเนินคดีอาญาและเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งกับผู้กระทำและพวก และกำลังพิจารณาดูรายละเอียดของ ปอท. คือการแจ้งความเท็จ ตามมาตรา 177 โดยฝากถึงเจ้าหน้าที่ ถ้าดูว่าไม่เข้าข่ายสิ่งที่เป็นการกล่าวหานางอมรัตน์อย่างชัดเจนแต่ยังคงใช้กฎหมายกลั่นแกล้ง ก็ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ด้วย ตามมาตรา 157 และมาตรา 200 ต่อศาลอาญาแผนกทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
นางอมรัตน์กล่าวว่า การแถลงข่าวของนายสุภรณ์ เป็นการจงใจใส่ร้ายป้ายสี หมิ่นประมาท ทำให้เสียชื่อเสียง ดังนั้นตนและฝ่ายกฎหมายจึงตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้ลอยนวลเป็นคดีปิดปาก ส.ส.ฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยจะดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งหรืออาญา เพื่อให้ทราบว่าอย่ามากลั่นแกล้งกันโดยใช้มาตรา 112.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"