ตื่นเต้นกันพอสมควรในสังคมไทย เมื่อเห็นวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ล็อตแรกเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวานนี้นี่เอง

      เป็นยี่ห้อไหนจากบริษัทอะไร ทะเลาะกันจนขี้คร้านจะจดจำ แต่ที่แน่ๆ ไม่ลืมว่า บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน จะเป็น "หนูทดลอง" ด่านหน้าให้กับทุกคน อันนี้เนื่องจากคนในอาชีพเหล่านี้มีความสุ่มเสี่ยงมากกว่าประชาชนโดยทั่วไป

      นอกจากนั้น ก็จะเป็นคิวของพวกมีโรคประจำตัวทั้งหลาย ตั้งแต่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคหอบหืดที่ควบคุมได้ไม่ดี เป็นต้น

      ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปแบบมนุษย์ลุงมนุษย์ป้าอย่างพวกเรา ก็ถูกจัดอยู่ในคิวต้นๆ เหมือนกันนะ แต่ก็ดูเหมือนว่า ในแวดวงของคนหลัก 6 มีการไถ่ถามและถกเถียงกันอยู่พอสมควรเลยทีเดียวว่า ควรจะฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีนดังว่านี้ บางคนถึงขั้นหน้านิ่วคิ้วขมวดกันเลยทีเดียว พร้อมกับอ้างอิงคุณหมอคนนั้นคุณหมอคนนี้ที่แนะนำว่า ...ใจเย็นๆ ก่อน..จะดีกว่า!!!

      ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง ..มนุษย์ป้าเองก็รู้สึกว่าจะรีบไปไหนกันนะ ในเมื่อรอมาได้ตั้งนาน จะรออีกสักนิด นานอีกสักหน่อย ค่อยๆ รอก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรนี่นา     

      ที่สำคัญ รีบเร่งอยากไปฉีดวัคซีน อาจจะเกิดอารมณ์ขุ่นเคืองก็ได้นะ หากนัดแล้ววัคซีนยังไม่พร้อม หรือยังเดินทางไม่ถึงคิวของเรา ซึ่งว่าไปแล้วมันก็เหมือนกับการเร่งรีบต้องแย่งลงทะเบียน เรารักกันเอย เราชนะเอย คนละครึ่งเอย ทั้งหลายทั้งปวงในวันแรกทันทีที่รัฐเขาประกาศ แล้วก็เจอปัญหาแอปล่มบ้างอะไรบ้าง ตามด้วยสารพัดดรามานั่นแหละ ทั้งๆ ที่เขามีเวลาให้ตั้ง 3-4 วัน สามารถค่อยๆ ลงมือก็ได้

      ชีวิตที่ควรจะเป็นแบบสโลว์ไลฟ์อย่างเรา รอดูชาวบ้านเขาไปก่อน ไม่เห็นจะต้องกังวล ตราบเท่าที่เรายังคงใส่ใจดูแลสุขลักษณะของตัวเองในการป้องกันไวรัส เพราะการฉีดวัคซีนก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะลั้ลลาไม่ระวังตัว หรือเดินไปท้าทายกับพื้นที่สีแดงที่เสี่ยงโควิด-19 โดยสบายอกสบายใจได้นะ

      ฉะนั้น วัคซีนไม่ใช่คำตอบสุดท้าย การันตีว่าไม่เป็นโควิดแน่นอนนะจ๊ะ แต่การดูแลสุขภาพของตัวเองต่างหาก ของชัวร์!! ที่ต้องแชร์.

                                                              "ป้าเอง"