แย่กว่าพฤษภาทมิฬ 'มาร์ค-หน่อย'ฉะคสช.พาประเทศถอยหลัง/พท.อัด4ปีล้มเหลว


เพิ่มเพื่อน    

     โหมโรงครบ 4 ปีรัฐประหาร “เพื่อไทย”  จัดแถลงใหญ่ แต่ถูกเบรกหัวทิ่ม รีบแก้ลำหั่นคนแจงเหลือ 3 คน “จาตุรนต์-วัฒนา” พาเหรดอัด ชี้เปลี่ยนผ่านจากยุคขัดแย้งสีเสื้อมาเป็น คสช.ขัดแย้งประชาชน ร่อนแถลงการณ์แฉ 7 ข้อนำพาประเทศสู่ความมืดมน “มาร์ค-หญิงหน่อย” จวกซ้ำหนักกว่ายุคพฤษภาทมิฬ เผยแผนปฏิรูปนึกว่าเป็นเรื่องของบประมาณ “บวรศักดิ์” ติดภารกิจต่างประเทศงดร่วมประชุม “วิษณุ” สั่งจัดอีเวนต์ตีปี๊บประกาศความยิ่งใหญ่ 6 มิ.ย. ลานเซ็นทรัลเวิลด์
เมื่อวันพฤหัสบดี มีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักในการแสดงความคิดเห็นครบรอบ  4 ปีรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะเวียนมาบรรจบในวันที่ 22 พ.ค.นี้ โดยที่พรรคเพื่อไทย  ตั้งแต่ช่วงเช้าแกนนำพรรคและสมาชิกพรรคทยอยเดินทางเข้าพรรคเพื่อเตรียมแถลงข่าวดังกล่าว
     และในเวลา 10.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงจากนครบาลและพื้นที่ สน.มักกะสัน เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ ก่อนเข้าพูดคุยกับ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค และคณะ ที่ห้องสมุดทักษิณ ชินวัตร บริเวณชั้น 1 ใกล้กับห้องแถลงข่าว 
โดย พ.ต.ท.ศักดิเดช กัมพลานุวงศ์ รอง ผกก.สส.สน.มักกะสัน และ พ.ต.ท.ปุญรัสมิ์ โชติ รอง ผกก.ป.สน.มักกะสัน ชี้แจงว่า การแถลงครั้งนี้เกรงว่าจะกระทำผิดตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ห้ามชุมนุมทางการเมือง หรือหากจะแถลงถ้อยคำ ข้อความ ก็อย่าไปขัดคำสั่งดังกล่าว ทำให้นายภูมิธรรมตอบกลับไปว่า จะได้ปฏิบัติถูก เราก็เป็นพลเมืองดีเหมือนกัน ที่ส่งตำรวจมา มีเงื่อนไขต่างๆ ที่จะชี้แจงความเห็นต่อรัฐบาลในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ถ้าท่านเห็นว่าทำได้หรือไม่ได้ เราจะได้ปฏิบัติต่อไป เห็นแต่การอ้างคำสั่ง 3/2558 ที่กลัวเราจะไปปลุกคนให้มาล้มรัฐบาล ทำให้วุ่นวายนั้นไม่มี ไม่ต้องห่วง
     อีกด้านหนึ่ง นายวัฒนาเดินมาบ่นกับผู้สื่อข่าวบางส่วนด้วยน้ำเสียงตัดพ้อว่า กลัวแม้กระทั่งการพูดความจริง จากนั้นได้เดินเข้าไปยังห้องสมุด เพื่อไปสังเกตการณ์ร่วมกับแกนนำคนอื่น กระทั่งเวลา 10.45 น. แกนนำพรรคเพื่อไทยยืนยันแถลงตามเดิม แต่ลดจำนวนผู้แถลงจาก 7 คน เหลือ 3 คน ประกอบด้วย นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายวัฒนา เมืองสุข ส่วนแกนนำคนอื่นยืนอยู่ด้านล่างเวที เช่นเดียวกับตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นายที่เข้าร่วมฟังการแถลงข่าว ซึ่งแกนนำพรรคที่มาแถลงล้วนไม่ได้มีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรค เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเชื่อมโยงนำไปสู่ประเด็นทางข้อกฎหมายที่อาจเกิดผลกระทบกับพรรค
     นายชูศักดิ์กล่าวว่า ก่อนแถลงข่าวมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาบอกอาจขัดต่อคำสั่ง คสช.3/2558 แต่ขอยืนยันว่าการแถลงเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ สามารถดำเนินการได้ พรรคเคยแถลงมาไม่รู้กี่ครั้ง ไม่เคยมีปัญหา แต่ครั้งนี้เมื่อจะแถลงประเมินผลงานครบรอบ 4 ปีรัฐประหาร กลับมีปัญหา จากผู้แถลง 7 คน ต้องลดเหลือเพียง 3 คน ก็ขอให้สื่อแปลเอาเองว่าหมายความว่าอย่างไร
อัด คสช.ขัดแย้งประชาชน
     นายจาตุรนต์กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า 4 ปีของ คสช.ยังมีปัญหาการลิดรอนสิทธิเสรีภาพโดยเฉพาะการแสดงความเห็นอย่างสุจริต ถือว่าเป็นการประจานไปทั่วโลก ความขัดแย้งจากกลุ่มสีเสื้อ มาเป็นความขัดแย้งระหว่าง คสช.กับประชาชน 
ด้านนายวัฒนาระบุว่า มีการกำหนดให้นายทหารยศพันตรีเทียบเท่ากับตำแหน่งอธิบดี จากนี้บุคคลเหล่านี้คงไปนั่งมีตำแหน่งต่างๆ ในองค์กรอิสระ เพราะตามเงื่อนไขระบุว่า บุคคลที่จะไปมีตำแหน่งในองค์กรอิสระได้ ต้องเคยเป็นอธิบดีมาเกินกว่า 5 ปี และต่อไปบุคคลเหล่านี้คงจะไปมีตำแหน่ง ถือว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ และเป็นการตัดการตรวจสอบหรือไม่ 
     “รัฐบาลไม่ว่าจะได้อำนาจโดยวิธีการใด ต้องถูกตรวจสอบได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลจากรัฏฐาธิปัตย์ หากใช้อำนาจเกินเลยจากประชาชน หมดจากอำนาจแล้วขึ้นศาลได้ ติดคุกได้เสมอ” นายวัฒนากล่าว
นายชูศักดิ์กล่าวว่า การแถลงข่าวในครั้งต่อไปของพรรค อาจเป็นลักษณะเช่นนี้ คือจะไม่ให้ผู้มีตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคมาเป็นผู้แถลง ขอป้องกันไว้ก่อน กลัวเขาจะนำไปโยงไปสู่การยุบพรรค ซึ่งการมาครั้งนี้ของตำรวจคงถูกสั่งมาแน่ เพียงแต่ไม่รู้ใครเป็นคนสั่งมาเท่านั้น
    ทั้งนี้ ในระหว่างแถลงข่าว พรรคเพื่อไทยยังได้แจกเอกสารประกอบคำแถลงในหัวข้อ 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาลและ คสช. นำประเทศไปสู่ความมืดมนและอันตราย โดยมีเนื้อหาระบุว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่า 4 ปีของการรัฐประหาร เป็น 4 ปีแห่งความล้มเหลวที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ทำให้ประชาชนและประเทศต้องสูญเสียโอกาส และจะนำประเทศไปสู่ความมืดมนและอันตราย คือ 1.ความล้มเหลวในการทำตามข้ออ้างในการยึดอำนาจ 2.ล้มเหลวในการสร้างความปรองดอง 3.ล้มเหลวในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน 4.ล้มเหลวในการทำให้บ้านเมืองมีประชาธิปไตย 5.ล้มเหลวในการปกป้องสิทธิมนุษยชน 6.ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และ 7.ล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
    แถลงการณ์สรุปว่า สิ่งที่ คสช.และหัวหน้า คสช.ทำในช่วง 4 ปี คือใช้อำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จเพื่อให้ตนเองและพวกพ้องอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด การทำทุกวิถีทางเพื่อการสืบทอดอำนาจ คสช.ต้องการสร้างรัฐเผด็จการโดยใช้ระบบราชการเป็นกลไก ทำให้กลไกภาคประชาชนและพรรคการเมืองอ่อนแอ ใช้กลไกทางรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และการแต่งตั้งคนในองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ฯลฯ เพื่อปกป้องและเอื้อต่อตนเอง 
    “4 ปีของ คสช.คือการนำประเทศไปสู่อนาคตที่มืดมนและอันตราย ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยถูกมองเป็นเพียงบ่าว ทั้งๆ ที่พวกเขาคือนาย จึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องช่วยกันนำระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขกลับคืนมา” แถลงการณ์ทิ้งท้าย
     ส่วนที่กองปราบปราม พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย คสช. กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าการแถลงของพรรคเพื่อไทย มีการกระทำความผิดคือ 1.ประกาศ คสช.เรื่องห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมใดๆ ทางการเมือง เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเก่าที่ไม่ได้จดทะเบียนใหม่ จึงไม่ได้รับอนุญาตในขั้นตอนนี้ 2.เป็นการชุมนุมทางการเมือง อันเป็นความผิดตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และ 3.มีการนำเผยแพร่ในเว็บไซต์ของพรรค จึงเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ด้วย
มือกฎหมาย คสช.ฟ้องแน่
     “เรามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้าไปเก็บข้อมูลทั้งหมด แต่ขณะนี้การพิจารณาดำเนินคดีต้องรอการดำเนินการของคณะทำงานเสียก่อน ว่าจะแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ใดบ้าง แต่ดำเนินคดีแน่นอน” พ.อ.บุรินทร์กล่าว
     ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า หากมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ทางพนักงานสอบสวนก็จะรับเรื่องและสอบสวน หากมีมูลความผิด ก็จะพิจารณาดำเนินคดีต่อไป โดยเป็นไปตามพยานหลักฐานต่างๆ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง แต่การดำเนินการก็ต้องทำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความวิอาญา ยืนยันว่าไม่มีการกลั่นแกล้งแน่นอน 
     นายชูศักดิ์กล่าวในเรื่องนี้ว่า หากจะมีการแจ้งความดำเนินคดี พร้อมต่อสู้ตามกระบวนการ เชื่อว่าเรามีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาก็ดำเนินการมาหลายครั้ง ก็ไม่เคยมีปัญหา เหตุใดจึงมีปัญหาในครั้งนี้ 
ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีตำรวจเข้าไปรับฟังการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทย ว่าทำตามกฎหมาย ไม่มีปัญหาอะไร ในเมื่อเขาแถลงให้ประชาชนได้รับรู้ แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ถึงเข้าไปรับฟังด้วยไม่ได้ เจ้าหน้าที่จะฟังที่ไหนก็ได้ หรือจะไปฟังที่พรรคก็ได้ ซึ่งไม่ใช่การกดดัน สื่อไปคิดเอง
     “หลังจาก คสช.เข้ามา ก็มีความสงบเรียบร้อยและประชาชนให้ความร่วมมือทุกอย่าง เพราะต้องการความสงบ ไม่ให้เกิดความแตกแยกขึ้นในแผ่นดินนี้ ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ถามว่ามีด้านใดที่ไม่ดีบ้าง ส่วนด้านเศรษฐกิจ เราก็พยายามแก้ไข แต่ยังมีปัญหาในระดับล่าง ซึ่งรัฐบาลจะเอาเงินไปให้ก็ไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย จึงต้องหาทางเพิ่มอาชีพและรายได้ให้ประชาชน ซึ่งมีโครงการต่างๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่”พล.อ.ประวิตรกล่าว
     ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการครบรอบ 4 ปีการยึดอำนาจของ คสช. ว่าให้คะแนนการบริหารประเทศของ คสช.เป็น 2 ระยะคือ ระยะแรกให้ 7 จาก 10 คะแนน เพราะตั้งใจแก้ปัญหาและไม่มีส่วนได้เสีย แต่ระยะกลางจนถึงปัจจุบันให้คะแนนติดลบ เนื่องจากเห็นชัดเจนว่าต้องการสืบทอดอำนาจ กลายเป็นคู่ความขัดแย้งเสียเอง ขณะที่งานปฏิรูปประเทศ แม้จะมีความตั้งใจ แต่ก็ยังไม่เห็นรูปธรรมนอกจากแผนงาน
     “ในโอกาสที่จะครบรอบ 4 ปีของการบริหารประเทศ ก็อยากให้ คสช.ทบทวนตัวเอง อย่าเข้ามาเป็นคู่ขัดแย้งใหม่ และเริ่มให้ความจริงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงปัญหาที่เป็นชนวนความขัดแย้ง เช่น ความยุติธรรม 2 มาตรฐาน ความเข้าใจผิดต่อประชาธิปไตยที่ถูกเบี่ยงเบนไป เพราะหากไม่ปลดชนวนความขัดแย้งเหล่านี้ โดยให้ความจริงกับประชาชนแล้ว ก็จะถูกนำมาปลูกปั่นจนเกิดปัญหาอีก กระทั่งในที่สุดเราอาจเปลี่ยนผ่านจากเผด็จการทหารไปสู่เผด็จการพลเรือนอีกครั้ง” นายนิพิฏฐ์กล่าว
แย่การยุคพฤษภาทมิฬ!
     ขณะเดียวกัน ที่ห้องเพทาย โรงแรมรัตนโกสินทร์ มีการจัดงานเสวนา “วิสัยทัศน์ผู้นำพรรคการเมือง” ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการพฤษภา 35 และมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. ชี้ว่าการเมืองไทยปัจจุบันถดถอยจากช่วงหลังปี 2535 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกรณีให้มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน เป็นพี่เลี้ยง ซึ่งพึงระวังว่า ส.ว.ทั้ง 250 คนจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งใหม่  
     “แผนการปฏิรูปนั้น ผมไม่แน่ใจว่ามีคนอ่านหรือไม่ แต่ผมไม่แนะนำ เพราะมีจำนวนถึง 2,000 หน้า  เมื่อผมอ่าน จึงพบว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แผนปฏิรูป แต่เหมือนแผนเขียนของบประมาณ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
     คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรค พท.กล่าวว่า หากเปรียบเทียบการสืบทอดอำนาจวันนี้กับเหตุการณ์ปี 2535 ยุคนี้ถือว่ารุนแรงกว่า เพราะแม้มีความพยายามสืบทอดอำนาจของทหารเหมือนกัน แต่ปี 2535 ยังอยู่ในครรลองมากกว่า แต่วันนี้ถูกบิดตั้งแต่รัฐธรรมนูญ กฎหมาย และเงื่อนไขทุกอย่าง 
     ทั้งนี้ ในช่วงเช้า ที่สวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม ถ.ราชดำเนิน คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ได้จัดงานรำลึกพฤษภาประชาธรรมปีที่ 26 โดยมีนายโคทม อารียา ประธานมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม เป็นผู้วางพวงมาลาสดุดีวีรชน พร้อมผู้แทนพรรคการเมืองและภาคส่วนต่างๆ 
     นายโคทมกล่าวว่า มูลนิธิจะเดินหน้าผลักดันการก่อสร้างสวนสันติพรให้เสร็จสิ้น เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังเรียนรู้ว่า สันติภาพ ความยุติธรรม เป็นคำตอบของสังคมไทย
    นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สังคมควรเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ และก้าวข้ามความขัดแย้ง ผลักดันให้มีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย รวมถึงพรรคการเมือง ที่จะต้องช่วยกันสานต่อการสร้างอนุสรณ์สถานให้สำเร็จ เพื่อให้สถานที่แห่งนี้ และช่วยกันทำให้ประเทศมีประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าต่อไป
     นายวรชัย เหมะ ผู้แทนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคมีอุดมการณ์ และยืนหยัดเพื่อที่จะเรียกร้องประชาธิปไตย จึงขอฝากผู้แทนของกองทัพบกที่มาร่วมงานให้ดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ขอให้ทุกฝ่ายอะลุ่มอล่วย อย่าใช้กำลังห้ำหั่นคนไทยด้วยกัน 
     ด้าน พล.ท.ธเนศ กาลพฤกษ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก ผู้แทนกองทัพบก ได้อ่านบทกลอน “การอยู่ร่วมกันโดยสันติของสังคมไทย” ว่าสังคมไทยอยู่ร่วมกันโดยสันติ เมตตาผลิบานในใจใฝ่สุขสันต์ เพราะซาบซึ้งถึงคุณค่าสถาบัน ก่อเป็นความผูกพันมั่นไมตรี สามัคคีสั่นไหวในบางครั้ง ภาพความหลังเตือนใจในวันนี้ แพ้ที่สุดคือบ้านเมืองเรื่องราวมี ชัยชนะหรือจะดีบนซากพัง พฤษภาประชาธรรมย้ำสำนึก มาผนึกสามัคคีเป็นที่ตั้ง สมภาษิตสามัคคีคือพลัง เราถอยหลังกลับไปไม่ได้แล้ว
     ขณะที่นายปริญญากล่าวว่า เชื่อว่าเหตุความรุนแรงเหมือนในอดีตจะไม่กลับมาอีก และสังคมจะมีความปรองดองขึ้น เพราะสังคมได้เรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาดในอดีตจากความรุนแรง 
“บวรศักดิ์”บินไปนอก
     วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างประธานกรรมการปฏิรูปทุกคณะกับประธานกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านต่างๆ ครั้งที่ 1/2561 โดยนายวิษณุกล่าวก่อนประชุมว่า จะหยิบยกประเด็นที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย ออกมาตัดพ้อว่างานปฏิรูปไม่คืบหน้าหารือด้วย 
     ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว ไม่มีนายบวรศักดิ์เข้าร่วมแต่อย่างใด และในใบรายชื่อที่เตรียมไว้ให้ผู้เข้าร่วมไม่ปรากฏชื่อด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า นายบวรศักดิ์ได้แจ้งล่วงหน้าว่าไม่ขอเข้าร่วมประชุม 
     และหลังใช้เวลาประชุมกว่า 3 ชั่วโมง นายวิษณุได้ชี้แจงถึงกรณีนายบวรศักดิ์ไม่เข้าร่วมประชุมว่า  เนื่องจากมีภารกิจสำคัญต้องเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งมีนัดหมายไว้ก่อนแล้วล่วงหน้า แต่ได้ส่งตัวแทนที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมแทน ส่วนที่นายบวรศักดิ์กล่าวถึงการปฏิรูปนั้น ไม่ได้พูดในความหมายว่าเป็นห่วง แต่หมายความว่าการออกแบบโดยให้ส่วนราชการเป็นผู้คิดและทำไม่มีวันสำเร็จ ซึ่งเป็นความจริง แต่วันนี้เราไม่ได้ให้ส่วนราชการคิด เราให้คนอื่นคิด แล้วให้ส่วนราชการไปทำ ไม่ใช่บอกว่าให้ส่วนราชการเป็นคนทำ หรือชงอะไรเอง เขาจะทำได้หรือ เขาต้องทำให้ได้ เพราะว่าต้องทำ กฎหมายบังคับ
     “ที่ประชุมวันนี้เห็นชอบระเบียบในการติดตามตรวจสอบและประเมินผลว่าจะให้ดำเนินการในส่วนนี้อย่างไร ภายในกำหนดเวลาเท่าไหร่ ซึ่งต่อไปสภาพัฒน์จะเป็นผู้ดูแลงานธุรการ ก่อนรวบรวมส่งคณะกรรมการปฏิรูปแต่ละด้าน ทั้งนี้ มีการบ้านให้ส่วนราชการต้องไปอ่านแผนปฏิรูป และต้องบอกว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวพันกับการปฏิรูปประเด็นใด หรือการนำประเด็นปฏิรูปเป็นตัวตั้ง แล้วเกี่ยวพันกับกระทรวงใด ซึ่งต้องทำรายงานส่งภายในเดือน ก.ค.นี้” นายวิษณุกล่าว 
     นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการ สศช. กล่าวว่า ที่ประชุมได้เสนอแนวทางการสร้างการรับรู้และขยายผลหุ้นส่วนการพัฒนาร่างยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูป โดยรัฐบาลเตรียมจัดมหกรรมผลงานปฏิรูป 11 คณะ ในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ ที่ลานเซ็นทรัลคอร์ท  ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดตัวและปลุกกระแสการปฏิรูปประเทศให้ประชาชนและเยาวชนได้รับรู้ถึงแผนปฏิรูปต่างๆ โดยจะมีบอร์ดนิทรรศการเคลื่อนที่ เพื่อแสดงรายละเอียดของการปฏิรูปประเทศ ที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมกับจัดโครงการสร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมของกลุ่มเยาวชน นิสิตนักศึกษา ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและปฏิรูปผ่านความร่วมมือสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ระหว่างเดือน เม.ย.-ก.ย.นี้ โดยจะมีสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมดำเนินงานมีรูปแบบกระบวนการเครือข่ายเหมือนสมัชชาสุขภาพ และสมัชชาปฏิรูป และจัดโครงการ Big Bang อนาคตไทยอนาคตเรา โดยใช้สื่อรัฐ ในการสร้างความเข้าใจแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ และสื่อมวลชนให้เกิดความสนใจ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"