โวยจับสันธนะเกินกว่าเหตุ จี้ปฏิรูปอย่าให้คนโง่สั่งพงส.


เพิ่มเพื่อน    

    “รองโจ๊ก” ปัดกลั่นแกล้งขัดแย้งส่วนตัวกับ “สันธนะ” คาดปมโจมตีมาจากจับโต๊ดเถื่อนสนามม้า พร้อมถูกตรวจสอบกรณีภรรยาร้อง กก.สิทธิฯ ลั่นต้องทุบทิ้งส่วนที่บุกรุกคลองเปรมประชากร ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นสันธนะโพสต์ฉะตำรวจทำเกินกว่าเหตุ แค่ทะเลาะกันส่วนตัว ยัดข้อหา 45 คดี ทั้งที่ออกหมายเรียกก่อนได้กลับชิงออกหมายจับลากคอให้สาแก่ใจ   จึงต้องปฏิรูปงานสอบสวนไม่ให้ผู้บังคับบัญชาหน้าโง่ชี้นิ้วสั่งการ
    เมื่อวันพฤหัสบดี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์   อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล ในฐานะประธานที่ปรึกษา บริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด ว่าใกล้จะจบแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่การกลั่นแกล้ง ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้เสียหายให้ครบถ้วนก่อน จากนั้นจึงจะเป็นขั้นตอนของอัยการและศาลที่จะต้องดำเนินการต่อ 
    “ยืนยันว่าผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร และไม่ได้มีปัญหาขัดแย้ง พ.ต.ท.สันธนะ แม้จะมีชื่อติดอยู่ 1 ใน 3 นายพลตำรวจที่ถูกกล่าวอ้างก็ตาม ซึ่งอาจเป็นเพราะผมเคยไปจับโต๊ดเถื่อนในสนามม้าในอดีต ผมจับทุกราย มีสถิติจับกุมชัดเจน จึงอาจทำให้มีคนไม่พอใจบ้าง แต่ก็ต้องทำตามหน้าที่ ยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไปทะเลาะกับ พ.ต.ท.สันธนะ เพราะไม่เคยคุยกันเลย ไม่มีเลือกปฏิบัติ วันนี้ถ้าเราไม่จัดการแล้วใครจะจัดการ”
    พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า หลักการทำงานตนไม่ได้มองเรื่องของ พ.ต.ท.สันธนะ เป็นประเด็นหลัก แต่จะทำอย่างไรให้ตลาดใหม่ดอนเมืองแข็งแรง เช่น รายได้ต้องเข้ารัฐครบถ้วน จากการเช่าที่ดินก็จะต้องเข้ากรมธนารักษ์ มีการเสียภาษีถูกต้อง พ่อค้าและแม่ค้าต้องขายสินค้าที่ถูกต้องและมี อย. ตลาดจะต้องมีความสมบูรณ์ ไม่มีการต่อเติมอาคาร ที่สำคัญจะต้องไม่มีการบุกรุกคลองเปรมประชากร ดังนั้นการดำเนินคดีที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น ทั้งหมดจะต้องทำให้เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าเมื่อออกไปแล้วก็เปรียบเป็นแขนขาดและขาขาด และจะต้องทำให้ทุกส่วนสมบูรณ์ โดยสำนักงานเขตดอนเมืองจะต้องปิดประกาศให้ครบ เมื่ออาคารได้ต่อเติมผิดก็จะต้องมีการรื้อถอนภายใน 30 วัน ถ้ารื้อถอนไม่ทันเวลาก็จะต้องเลื่อนเวลาออกไป 
    รอง ผบช.ทท.กล่าวอีกว่า ส่วนที่บุกรุกคลองเปรมประชากร จะต้องทุบทิ้งทั้งหมด เรื่องค่าเช่าที่ราคาสูงนั้น ทางอธิบดีกรมธนารักษ์ก็จะต้องมาดูว่าถูกต้องหรือไม่ ราคาสูงกว่าความเป็นจริงหรือไม่ เชื่อว่าจะใช้ระยะเวลาอีกเพียงประมาณ 2 สัปดาห์ก็จะเสร็จสิ้น ถ้ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะต้องดำเนินคดี โดยจะต้องมีผู้เสียหายมาทำการฟ้องร้อง
    "ไม่ได้มองเป็นผู้มีอิทธิพลเลย เพราะวันนี้เรามองว่าไม่มีผู้มีอิทธิพล แต่เป็นเพียงการกระทำความผิดเฉพาะกลุ่มหรือบุคคลเท่านั้น มาเฟียก็ไม่มี เราไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงส่วนนี้ส่วนเดียว แต่เราจะต้องดูทุกส่วนให้ครบถ้วน" พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวถึงกรณีตำรวจมอง พ.ต.ท.สันธนะ เป็นผู้มีอิทธิพลหรือไม่
     เมื่อถามถึงกรณีที่สังคมกังขาที่ตำรวจออกหมายเรียก พ.ต.อ.สมชาย ประยูรรัตน์ วัย 91 ปี บิดา พ.ต.ท.สันธนะ ฐานให้ที่พักพิงผู้ต้องหา พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนได้สอบถามไปยังผู้กำกับ สน.โชคชัยแล้ว เป็นเพียงการตรวจสอบเท่านั้น ซึ่งหลังจากการตรวจสอบพบว่าไม่เข้าข่ายการกระทำผิดก็ไม่มีอะไร จึงไม่มีการดำเนินคดีใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เราจะเน้นเพียงผู้กระทำผิดเท่านั้น ใครผิดก็จะต้องดำเนินคดีกับคนนั้น คนไหนไม่ผิดก็ต้องให้ความเป็นธรรมเขา ยืนยันว่าไม่มีเรื่องพ่อแม่เข้ามาเกี่ยวข้อง 
    ส่วนที่ภรรยาของ พ.ต.ท.สันธนะยื่นร้องขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ถือว่าเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ตนพร้อมให้ตรวจสอบทุกส่วนอยู่แล้วว่าเราทำหน้าที่อย่างไร ทำดีหรือไม่ดี สังคมก็ต้องรับรู้ การทำงานในครั้งนี้ มีหลายหน่วยงานทำงานร่วมกัน และเชื่อว่าไม่มีใครกล้าแตกแถว อยากให้มีการตรวจสอบเยอะๆ จะได้โปร่งใส การจะดำเนินคดีกับใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ดำเนินคดีนี้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรม เพราะประชาชนรออยู่ วันนี้สังคมจะต้องไม่สับสน สังคมจะต้องเห็นว่าคนดีต้องส่งเสริม คนไม่ดีต้องจัดการ 
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.สันธนะว่า เรื่องนี้ทำไม่ยาก และถอดกันมาเยอะแล้ว ในสมัยที่ตนเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็มีการถอดยศปีหนึ่งนับเป็นสิบคน ถอดเป็นประจำเกือบทุกวัน แต่ส่วนใหญ่เป็นชั้นประทวน ส่วนกรณีพ.ต.ท.สันธนะเข้าเกณฑ์หรือไม่ ตนไม่รู้เลย และเหตุของเรื่องว่าอย่างไรก็ไม่รู้ เรื่องการถอดยศก็มีระเบียบว่าด้วยการถอดยศ กำหนดไว้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องตื่นเต้นมาตั้งคณะกรรมการพิจารณา เมื่อก่อนเวลาจะถอดไม่วุ่นวายเหมือนตอนนี้
    ขณะที่ พล.ต.ต.พลพิพัฒน์ สมบูรณ์สุข อดีตรองผบก.กองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นรต.รุ่น 33 เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.สันธนะ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความไม่เห็นด้วยกับการทำหน้าที่ของตำรวจ หลังจากที่ พ.ต.ท.สันธนะออกมาเปิดหน้าชนกับ 3 นายพล ที่ประกอบไปด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.,  พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. และถูกแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ เป็นมาเฟียผู้มีอิทธิพลข่มขู่รีดไถพ่อค้าแม่ค้าตลาดใหม่ดอนเมืองหลายครั้ง มีข้อความระบุว่า กรณีสันธนะ เขาแสดงตัวจะสู้คดีและพร้อมที่จะเข้าขบวนการข้อกล่าวหา แต่พนักงานสอบสวนชิงออกหมายจับเพื่อจะไปลากคอให้สาแก่ใจ อับอายไปทั่ว การใช้กำลังอินทราชต้องเป็นคดีอาชญากรรม คนร้ายมีอาวุธสงครามหรือก่อการร้ายชิงตัวประกัน ไม่ใช่มาใช้เพื่อกลั่นแกล้งกัน จึงต้องมีการปฏิรูปงานสอบสวนและมีความเสมอภาคในความยุติธรรม
    นอกจากนั้นยังโพสต์และตอบกลับแสดงความคิดเห็นที่คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลายครั้งว่า "คนทำงานสอบสวนมักต้องทำตามผู้บังคับบัญชาหน้าโง่บางคนที่ไม่มีความรู้ด้านนี้ เพราะเติบโตมาจากสายงานอื่น แต่ใช้อำนาจเหนือกว่าสั่งการ จะต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ คนสอบสวนก็อึดอัด บางคนซื่อตรงอนาคตก้าวหน้าช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ถ้าทำตามมันสั่งก็ต้องหาช่องโหว่ของกฎหมาย จึงเป็นที่มาของการถูกสังคมกล่าวหาว่าไม่ยุติธรรม จึงต้องปฏิรูปงานสอบสวน เป็นเพราะไอ้หน้าโง่ไม่รู้งานสอบสวนแล้วตามมาสั่งการตามที่ปรากฏบ่อยๆ นี่ไงจึงต้องปฏิรูปงานสอบสวน ไม่ให้ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงมาชี้นำ"
    อดีตรอง ผบก.กองคดีอาญาฯ ระบุว่า ระบบการสอบสวนของไทยเป็นระบบกล่าวหา ผู้ต้องหาต้องหาพยานหลักฐานมาหักล้างภายหลัง กรณีของสันธนะก็เช่นกัน สอบลับหลังแต่ฝ่ายเดียว เรื่องเก็บเงินที่ตลาดใหม่ดอนเมืองตำรวจสอบคนที่ว่าไม่เต็มใจให้แล้วชี้รูปสันธนะ ก็แค่นั้นเรื่องเงินค่าส่วนกลาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมกุล รอง ผบ.ตร. ก็ให้สัมภาษณ์ว่าไม่ใช่ส่วย ไม่ผิด เงินส่วนกลางที่ว่านี้ความจริงมีทุกตลาดเอกชน แต่มองให้ผิดก็ได้ มองให้ถูกก็ได้ จึงต้องใช้ความยุติธรรม จ้องจับผิดคิดริษยาเสียเวลากับความหลังพังเพราะไม่รู้จักพอ
    "การขอหมายจับเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของการกล่าวหาของพนักงานสอบสวน จะผิดถูกยังไงอยู่ที่ศาล ศาลเห็นพอเชื่อคำกล่าวหาก็ให้ ปกติไม่ต้องออกหมายจับ เรียกมาสอบถามแจ้งข้อกล่าวหาก็ได้ แต่ พงส.ใช้ช่องโหว่ของ กม. ถ้ามีอัตราโทษสูงเกิน 3 ปี ก็ขอหมายจับได้ แต่ต้องเป็นกรณีน่าจะหลบหนีหรือไม่มีแหล่งที่อยู่แน่นอน แค่ทะเลาะกันส่วนตัวยัดข้อหาตั้ง 45 คดี สังคมจึงต้องการงานปฏิรูปงานสอบสวนของตำรวจ ให้แยกออกมา ไม่ต้องไปฟังผู้บังคับบัญชานอกสายงาน" พล.ต.ต.พลพิพัฒน์ระบุ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"