สั่งราชทัณฑ์ห้ามมีเผาอีก หมายจับ3รายข้อหาหนัก


เพิ่มเพื่อน    

 

"สมศักดิ์" กำชับกรมราชทัณฑ์ เพิ่มการรักษาความปลอดภัยอย่าปล่อยให้มีการเผาพระบรมฉายาลักษณ์อีกแม้แต่เรือนจำเดียว พบกลุ่มผู้ต้องสงสัย 3 ราย แจ้งความเอาผิด 3 ข้อหาหนัก วางเพลิงเผาทรัพย์-บุกรุกสถานที่ราชการ-ม.112 ชี้มีกลุ่มการเมืองเอี่ยวเบื้องหลัง ตำรวจเตรียมขออนุมัติหมายจับไม่เกิน 7 วันได้ตัวแน่     

    ที่ห้องประชุม เรือนจำกลางคลองเปรม วันที่ 1  มีนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางไปร่วมประชุมที่มีว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.อ.ภาณุเดช สุขวงศ์ รอง ผบก.น.2 ร่วมหารือ กรณีการวางเพลิงป้ายและทำลายทรัพย์สินบริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม
โดยนายอายุตม์รายงานว่า กรมราชทัณฑ์ไปแจ้งความเอาผิดผู้กระทำผิดแล้ว และตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยให้ผู้ตรวจกรมราชทัณฑ์เป็นประธาน และเพิ่มกำลังจากหน่วยงานพิเศษร่วมปฏิบัติหน้าที่รักษาการณ์บริเวณภายนอกเรือนจำ
ส่วนการติดตามคนร้าย นายสมศักดิ์เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ภาณุเดช ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ก.พ.64 เวลา  03.10 น. โดยกล้องวงจรปิดของเรือนจำกลางคลองเปรม สามารถจับภาพคนร้ายได้ ตรวจพบอุปกรณ์ที่เตรียมมาเพื่อตั้งใจเผา พบถังน้ำมันและไฟแช็กทิ้งเอาไว้ จากนั้นกรมราชทัณฑ์จึงได้ประสานไปยังสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น ได้ติดตามจากกล้องวงจรปิดพบรถ MPV  สีขาว  เป็นรถเพียงคันเดียวในเวลาดังกล่าว พบผู้ต้องสงสัย 3 คน เป็นชาย 2 หญิง 1 โดยการตามจากกล้องวงจรปิดไปจนถึงที่พัก และพบว่ามีความเชื่อมโยงทางการเมือง เวลานี้อยู่ระหว่างพิสูจน์หลักฐานให้ชัดเจน รวมถึงเช็ก database มือถือเพื่อค้นเบอร์โทร.ว่า ผู้ลงมือนั้นติดต่อกับใครได้บ้าง  โดยในกรณีนี้ตำรวจได้ยืนยันจะทำคดีให้จบโดยเร็วที่สุด และคาดว่าจะไม่เกิน 7 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมนายสมศักดิ์ได้กำชับการทำงานของกรมราชทัณฑ์ ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยและการรักษาทรัพย์สิน เพราะเป็นเรื่องที่มิสมควรเกิดขึ้น และอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกแม้แต่เรือนจำเดียว
    ว่าที่ ร.ต.ธนกฤตเปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.ประชาชื่น โดยได้แจ้ง 3 ข้อหาแก่ผู้กระทำความผิด คือ 1.วางเพลิงเผาทรัพย์ 2.บุกรุกสถานที่ราชการ และ 3.มาตรา 112 เพราะเป็นการเผาพระบรมฉายาลักษณ์ โดยเบื้องต้นทราบว่ามีผู้กระทำผิด 3 ราย  ตำรวจกำลังขออนุมัติหมายศาลเพื่อออกหมายจับ และจะสืบสวนขยายผลเพื่อสาวให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลัง เพราะทราบว่ามีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ด้วย
ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า กรณีคนร้ายวางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรมเมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ. เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้ส่งตัวแทนมาแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ประชาชื่น ความผิดที่เกี่ยวข้องในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ และคาดว่าจะมีความผิด ม.112 ขณะนี้รู้ตัวกลุ่มที่ก่อเหตุแล้ว เป็นกลุ่มเดียวกันกับที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี ขอเวลาทำงานอีกไม่นานจะจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้แน่นอน.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"