สหกรณ์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของรัฐเทกซัสยื่นศาลขอคุ้มครองการล้มละลายเมื่อวันจันทร์ หลังจากได้รับใบเสร็จเรียกเก็บเงินจากบริษัทผลิตไฟฟ้าของรัฐถึง 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 63,563 ล้านบาท จากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่รัฐแห่งนี้เผชิญพายุฤดูหนาวรุนแรง

ธงชาติสหรัฐและธงรัฐเทกซัสโบกสะบัดหน้าเสาไฟฟ้าแรงสูงในเมืองฮุสตัน (Photo by Justin Sullivan/Getty Images)

    รัฐเทกซัสของสหรัฐเผชิญกับพายุฤดูหนาวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยบริษัทผลิตไฟฟ้าท้องถิ่นไม่ได้เตรียมการรับมือกับอากาศหนาวเหน็บ ส่งผลให้ประชากรหลายล้านคนในรัฐไม่มีไฟฟ้าใช้

    สหกรณ์บราซอส อิเล็กทริก พาวเวอร์ ซึ่งเป็นสหกรณ์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดของรัฐเทกซัส มีสหกรณ์เป็นสมาชิก 16 แห่ง บริการไฟฟ้าให้กับชาวเทกซัส 68 เคาน์ตี ครอบคลุมประชากรมากกว่า 1.5 ล้านคน แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ 1 มีนาคมว่า ได้ยื่นคุ้มครองล้มละลายตามมาตรา 11 ต่อศาล หลังได้รับใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าจากคณะกรรมการความเชื่อถือได้ของโครงข่ายไฟฟ้ารัฐเทกซัส (อีอาร์ซีโอที) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าของรัฐ ด้วยราคาที่สูงยิ่ง มากกว่า 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 63,563 ล้านบาท โดยมีกำหนดให้จ่ายภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

    สหกรณ์บราซอสระบุว่า ใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าที่สูงมากมายเช่นนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ 7 วันในรัฐเทกซัสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เป็นราคาค่าไฟฟ้าสูงเกือบ 3 เท่าของค่าไฟฟ้าทั้งปี 2563 ที่ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 774 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 23,431 ล้านบาท

    คลิฟตัน คาร์ไน รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปของสหกรณ์บราซอส กล่าวว่า ในช่วงเริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ไม่คาดคิดเลยว่า บราซอส อิเล็กทริก ซึ่งเป็นสหกรณ์ที่มีสถานะการเงินที่มั่นคง จะจบเดือนกุมภาพันธ์ด้วยการเตรียมยื่นคุ้มครองล้มละลาย

    คาร์ไนกล่าวว่า ในช่วงพายุฤดูหนาวที่รัฐเทกซัสต้องเผชิญ ราคาค่าไฟฟ้าขายส่งขึ้นไปที่ราคาสูงสุดที่ 9,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 272,459 บาทต่อเมกะวัตต์ต่อชั่วโมง มากกว่า 4 วันติดต่อกัน นอกจากนี้ยังมีการคิดค่าธรรมเนียมอุปกรณ์ ทำให้ค่าไฟฟ้าสูงกว่า 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 756,000 บาทต่อเมกะวัตต์ต่อชั่วโมง ราคาค่าไฟฟ้าสูงลิ่วเช่นนี้นับเป็นหายนะอย่างยิ่ง

    อีอาร์ซีโอทีโดนประณามอย่างหนักจากลูกค้าและนักการเมืองถึงความล้มเหลวที่ไม่เตรียมการรับมือกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงค่าไฟฟ้าที่แพงพุ่งพรวด โดยมีรายงานว่าลูกค้าที่เป็นบ้านพักอาศัยที่ทำสัญญาจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราผันแปร ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าสูงถึง 16,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 484,210 บาท.