ศาลนัดชี้แก้รธน.11มี.ค. ซัดบิ๊กตู่ส่งสัญญาณควํ่า


เพิ่มเพื่อน    

  ลุ้นระทึก! ศาล รธน.นัดวินิจฉัยอำนาจรัฐสภาแก้รธน.ม.256 ตั้ง ส.ส.ร. 11 มี.ค.นี้ “สมชาย” ระบุหากศาลตัดสินว่าทำไม่ได้ก็ไม่สามารถโหวตลงมติวาระ 3 ได้อีก “เพื่อไทย” รุมเฉ่งส.ว. คาดการณ์ไปเองแก้ รธน.กระทบพระราชอำนาจ เชื่อ“ประยุทธ์” ส่งสัญญาณ ส.ว.คว่ำวาระ 3 เตือนประชาชนจะลุกฮือครั้งใหญ่ทั่วประเทศ “สมพงษ์” รับกังวลใจตัดพ้อ หากแก้ไม่ได้คงต้องรอให้มีรัฐประหาร

เมื่อวันที่  4 มีนาคม สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 (1) และศาลรัฐธรรมนูญได้รับหนังสือความเห็นจากพยานผู้เชี่ยวชาญ 4 คน คือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ, นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ และนายอุดม รัฐอมฤต รวมทั้งหนังสือความเห็นของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง และคณะที่ยื่นคำร้องขอส่งบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงและความเห็นแล้ว
ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า แม้คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง ( 2) ซึ่งที่ประชุมของรัฐสภามีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย และประธานรัฐสภาส่งเรื่องต่อศาล มิใช่การกระทำของสมาชิกรัฐสภาเป็นรายบุคคล แต่เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาของศาล จึงสั่งรับไว้เพื่อประกอบการพิจารณา และศาลได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดนัดด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติในวันที่ 11 มี.ค. เวลา 09.30 น.  
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะผู้ร่วมยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยอำนาจของรัฐสภาต่อการแก้รัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่ศาลนัดชี้ขาดเรื่องดังกล่าววันที่ 11  มี.ค. ซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันครบกำหนด 15 วัน เพื่อโหวตร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 เพียง 1 วัน ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการพิจารณาของรัฐสภาที่จะลงมติวาระ 3 เพราะศาลไม่ทราบว่ารัฐสภาจะนัดลงมติในวันใด คาดว่าการนัดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ?จะเกิดขึ้นได้ช่วงวันที่ 17-18 มีนาคม เพราะมีร่างกฎหมายสำคัญที่รอพิจารณา
นายสมชายกล่าวว่า ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร ทั้งทำได้หรือไม่ได้ ตนพร้อมน้อมรับคำวินิจฉัย ส่วนกรณีที่มีผู้ระบุว่าการนัดลงมติวาระ 3 ของร่างรัฐธรรมนูญนั้นยังทำได้ แม้คำวินิจฉัยของคำร้องจะตัดสินว่าทำไม่ได้ ส่วนตัวมองว่าไม่สามารถลงมติใดๆ ได้อีก เพราะวาระ 3 คือการเห็นชอบทั้งฉบับ ส่วนตนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และเมื่อประเด็นที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจไม่ถูกบัญญัติไว้ ทำให้เกิดความกังวลต่อการไร้กรอบการทำเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญที่มีบทแก้ไข เปลี่ยนมาตราที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจที่บัญญัติไว้นอกจากหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์
“อย่าคิดไปไกลว่า ส.ว.จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เพราะต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 11 มีนาคม หากชี้ว่าทำไม่ได้ ไม่ต้องโหวต หากชี้ว่าทำได้ ส.ว. 250 คนต้องตัดสินใจอีกครั้ง”
เมื่อถามว่า กังวลต่อกระแสมวลชนกดดันและอาจมีความรุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ส่วนตัวกังวลที่จะมีความรุนแรง แต่เรื่องดังกล่าวควรใช้เหตุผล รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 แก้ไขได้ แต่ต้องแก้รายมาตราในประเด็นที่มีปัญหา หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ทำไม่ได้ สมาชิกรัฐสภายังมีสิทธิเสนอญัตติขอแก้ไขเป็นรายมาตราต่อรัฐสภาได้ โดยสามารถทำได้ทันทีและรวดเร็ว
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 ว่า ยังไม่มีการประสานมาจากทางสภาผู้แทนราษฎร ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ก็ไม่มีอะไร ให้รอฟังคำแถลงด้วยวาจาของศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 11 มี.ค.นี้ก่อน
     นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง ส.ว.บางคนจะโหวตคว่ำร่างแก้รัฐธรรมนูญ ที่แม้จะมีหลักการสำคัญไม่แตะหมวด 1-2 แต่ ส.ว.กังวลว่ามีอีก 38 มาตรา ถ้ามีการแก้ อาจกระทบพระราชอำนาจ ว่าจะไม่มีการแก้ไขกระทบพระราชอำนาจอย่างแน่นอน ด้วยเหตุผล 1.หลักการสำคัญของร่างแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้แก้ไขทั้งฉบับโดยไม่แตะหมวด 1-2 ดังนั้นหากจะแก้ไขพระราชอำนาจในหมวดอื่นก็ไม่อาจกระทำได้ เพราะต้องยึดโยงกับหลักการใหญ่ในหมวด 2 ที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ 2. รัฐสภา ซึ่งประกอบด้วย ส.ส.และ ส.ว.ได้มีมติตั้ง ส.ส.ร. และให้ ส.ส.ร. 200 คนมาจากการเลือกตั้ง หากเกรงว่า ส.ส.ร.เสียงส่วนใหญ่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กระทบพระราชอำนาจ เท่ากับดูถูกประชาชนเสียงส่วนใหญ่ โดยคาดการณ์ไปเองว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการแก้ไขพระราชอำนาจ ซึ่งไม่เป็นความจริง หากมองในมุมกลับ ความคิดปกป้องโดยไร้เหตุผลรองรับ กลับจะกระทบกับสถาบันมากกว่า อาจถูกมองได้ว่าไม่ต้องการให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นผลสำเร็จ เพื่อรักษาระบอบประยุทธ์ และอำนาจของท่าน ที่ พล.อ. ประยุทธ์แต่งตั้งไว้ให้มีอำนาจเลือกนายกฯ อีกครั้งหนึ่งภายใน 5 ปี ตามบทเฉพาะกาลมาตรา 272 ของ รธน.ปี 2560
    3.พระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ตาม รธน.ในระบอบประชาธิปไตย มิใช่พระราชอำนาจโดยตรงเหมือนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยพระราชอำนาจตาม รธน.จะมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ การเกรงละเมิดหรือกระทบพระราชอำนาจนั้นทุกประเด็นใน รธน.ที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจจะมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการทั้งสิ้น
     นายปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การกล่าวอ้างว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้มีเจตนาจะแก้ไขในหมวดของสถาบันเป็นการหาข้ออ้างเท่านั้น เอาดีเข้าตัว โยนชั่วให้เพื่อน ทั้งๆ ที่ ส.ว.เหล่านี้ทราบดีว่าการแก้ไขครั้งนี้จะไม่แตะในหมวดสถาบัน ในที่ประชุมรัฐสภาที่ผ่านมาพบว่าไม่มีใครท้วงติงในกรณีดังกล่าว หลังจากที่ ส.ว.หลายคนที่ออกมาระบุชัดจะคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ สอดรับกับการให้สัมภาษณ์ของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ออกมาบอกว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าห้ามแก้ ทุกอย่างก็จบ ที่ทำมาก็เป็นศูนย์ เป็นการชี้นำการวินิจฉัยของศาลหรือไม่ ส่วนที่อ้างว่าสามารถนำไปแก้ไขรายมาตราได้นั้น เป็นไปได้ยาก เพราะ ส.ว.รับสัญญาณจากผู้มีอำนาจตั้งธงชัดไม่ยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
    “การแสดงท่าทีของ ส.ว.ก็ไม่ต่างจากที่มีการคาดการณ์ไว้ เพราะการแสดงออกที่ผ่านมา หลายคนออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ คงไม่ยอมที่จะแก้รัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น ดังนั้นการส่งสัญญาณผ่าน ส.ว.ให้คว่ำญัตติในวาระที่ 3 จึงเป็นไปตามคำสั่งของผู้มีอำนาจ" นายปิยวัฒนกล่าว
     นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า อาจเป็นการออกมาโยนหินถามทางและส่งสัญญาณถึง ส.ว.ในเครือข่ายสืบทอดอำนาจระบอบประยุทธ์ ต้องการแสดงให้พวกเดียวกันเห็นว่าการที่มี ส.ว.ออกมาประกาศไม่ยอมรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถประกาศได้ไม่ส่งผลกระทบใดๆ เพื่อดึงดูดให้ ส.ว.คนอื่นๆ กล้าออกมาประกาศแลกกับการได้รับตำแหน่งเป็นการปูนบำเหน็จต่อไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น คนพวกนี้อยู่ในตำแหน่งทางการการเมืองโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งมากว่า 10 ปี ฉายาสภาปรสิต ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย อาศัยห้อยโหนระบอบสืบทอดอำนาจ รอทำหน้าที่หลักคือโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เท่านั้น
“หากรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมถูกคว่ำในกลางเดือนมีนาคม ทั้งอาจเกิดจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรือการลงมติของ ส.ว. 250 คน จะทำให้ประชาชนลุกฮือต่อต้านระบอบประยุทธ์ครั้งใหญ่ทั่วประเทศ เพราะประชาชนหมดความอดทน รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ผิดหวังซ้ำซาก ทั้งที่รัฐบาลแถลงนโยบายให้เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วนข้อที่ 12 แต่ไม่จริงใจและบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา รวมทั้งอาจประเมินว่าแรงกดดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนอกสภาเบาลง ซึ่งเป็นการประเมินผิดพลาดและดูเบาประชาชน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เบี้ยวครั้งนี้ อาจไม่มีโอกาสได้อยู่แก้ไขรัฐธรรมนูญอีกเลย” นายอนุสรณ์กล่าว
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ ส.ว.จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 ว่ารู้สึกกังวลใจ และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคอนโทรลได้ ต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญถือเป็นกฎหมายแม่บทที่จะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ หากแก้ไขไม่ได้คงไปแก้ไขปัญหาอื่นรวมถึงเศรษฐกิจไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องไปด้วยกัน หากจะไม่ผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องมีเหตุผล หากสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นที่ออกกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ แล้วจะแก้ไขด้วยวิธีใด หรือจะต้องรอให้มีการรัฐประหาร
     "อยากถามกลับว่า รัฐธรรมนูญเดิมดีที่สุดแล้วหรือ ถ้าไม่รับร่าง ก็ต้องมีเหตุผล เพราะหมายถึงว่าไม่มีทางแก้ไขได้หรือไม่ แล้วจะรอให้รัฐประหารอีกทีหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ ผมเป็นผู้แทนมา 30 กว่าปี สภาผู้แทนราษฎรเป็นที่ออกกฎหมาย หากแก้ไม่ได้เชื่อว่าจะทำให้เกิดปัญหา" นายสมพงษ์กล่าว.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"