โพลเผยคน96%ยี้ม็อบ เชื่อ‘ต่างชาติ’หนุนหลัง


เพิ่มเพื่อน    

 ซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจ "ยู เอ็น ฟัง" ประชาชนร้อยละ 96.2 ชี้ม็อบ 3 นิ้วมีขบวนการเบื้องหลังคือต่างชาติ นักการเมือง นักวิชาการ สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ ทำลายทรัพย์สินราชการ ทำลายเงินภาษีของประชาชน ต้องการให้ตำรวจจับกุมเด็ดขาด แอมเนสตี้ตกใจศาลไม่ให้ประกันตัวผู้ประท้วงอย่างสงบ

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง ยู เอ็น ฟัง  กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,633 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-6 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.2 ระบุม็อบทำลายทรัพย์สินราชการ ทำลายเงินภาษีของประชาชน ในขณะที่ร้อยละ 3.8 ระบุไม่ทำลาย
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.7 ต้องการให้ ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงจับกุมกลุ่มม็อบที่ทำลายทรัพย์สินจากเงินภาษีของประชาชน ในขณะที่ร้อยละ 3.3 ไม่ต้องการ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.9 สนับสนุนการทำงานของตำรวจในเหตุการณ์ม็อบ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา, ร้อยละ 95.9 เช่นกัน ระบุตำรวจจัดการม็อบ 28 กุมภาพันธ์ได้ดีกว่ามาตรฐานสากล ดีกว่าหลายประเทศทั่วโลก, ร้อยละ 95.4 ระบุ การพาคนและม็อบลงถนน จะนำไปสู่ความแตกแยกและการสูญเสียของคนในชาติ,  ร้อยละ 94.1 ระบุมีนักวิชาการอยู่เบื้องหลัง หนุนม็อบ สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติและของประชาชน และร้อยละ 92.3 ระบุมีต่างชาติอยู่เบื้องหลังหนุนม็อบ สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติและของประชาชนคนไทย
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.6 ระบุการทำหน้าที่ของตำรวจในการควบคุมม็อบ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทำได้ดี ในขณะที่ร้อยละ 3.4 ระบุทำได้ไม่ดี
ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า ยู เอ็น ฟัง เป็นหัวข้อของโพลนี้ที่เปิดใจประชาชนต่อสถานการณ์ม็อบและการพาคนลงถนนที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นชัดเจนว่าม็อบและการพาคนลงถนน นำไปสู่ความรุนแรงบานปลายและการสูญเสีย ขบวนการเบื้องหลังคือต่างชาติ นักการเมือง นักวิชาการ และกลุ่มผู้หลบซ่อน (Unknown) ยุยง ปลุกปั่นกลุ่มเยาวชนให้เกิดความเกลียดชังและจ้องทำลายสถาบันหลักของชาติและของประชาชน เพื่อให้คนในชาติอ่อนแอและทำร้ายทำลายทรัพย์สินจากเงินภาษีของประชาชนจนเหลือซากหักพัง และแหล่งทุนต่างชาติก็จะเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ชาติและของประชาชนคนไทยเอาไปยึดครองในช่วงจังหวะคนไทยอ่อนแอและสูญเสียขาดพลังต่อรอง
ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวต่อว่า เมื่อรู้ว่าอะไรจะเกิดแบบนี้แล้ว คนไทยทุกคนต้องรู้รักสามัคคี ความสุขประชาชนคือรู้เท่าทันเกมสงคราม (War Game) ม็อบนี้ ไม่ตกเป็นเหยื่อของเกมนี้ที่ถูกคนไทยบางคนไปร่วมขบวนการกับต่างชาติยุยงปลุกปั่นคนรุ่นใหม่ที่ขาดการยับยั้งชั่งใจ คาดคิดไม่ถึง ตกเป็นเครื่องมือทำลายทรัพย์สมบัติชาติกันเอง ดังนั้นทุกคนจึงต้องรักและสามัคคีกัน เพื่อความสุขประชาชน และช่วยกันพูดต่อให้ “ยู เอ็น ฟัง”
    เอ็มเมอร์ลีน จิล รองผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคฝ่ายวิจัย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า การใช้วิธีข่มขู่อย่างต่อเนื่องและบ่อยครั้งของทางการไทย เป็นการโจมตีอย่างชัดเจนต่อสิทธิของประชาชนในการแสดงความเห็นและการประท้วงอย่างสงบ เกือบหนึ่งปีหลังจากรัฐบาลไทยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อรับมือกับการประท้วงอย่างสงบที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ทำให้เกิดสภาพที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง กล่าวคือมีบุคคล 383 คนที่ถูกดำเนินคดีอาญาแบบจงใจใส่ความ รวมทั้งเยาวชน 13 คน เพียงเพราะการชุมนุมและแสดงความเห็น  
    "ทางการไทยใช้เวลาทั้งปีที่ผ่านมากับปฏิบัติการอย่างเป็นระบบแบบใหม่ เพื่อปราบปรามประชาชนที่เพียงต้องการแสดงความเห็นของตนอย่างสงบ เรายังคงกระตุ้นทางการให้ทบทวนแนวทางปฏิบัติเหล่านี้ และให้หาทางคลี่คลายสถานการณ์ตามแนวทางที่เคารพสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง”   
    “เป็นเรื่องน่าตกใจที่ทางการปฏิเสธอย่างต่อเนื่องไม่ให้ประกันตัวผู้ประท้วงอย่างสงบที่เป็นแกนนำ พวกเขาถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 หลังจากถูกดำเนินคดีในหลายข้อหาเพียงเพราะแสดงความเห็นของตน”  
    “ทางการต้องยกเลิกข้อหาที่มีแรงจูงใจทางการเมืองกับผู้ประท้วงอย่างสงบโดยทันที รวมทั้งผู้ประท้วงที่เป็นเยาวชน ต้องมีการปล่อยตัวผู้ประท้วงอย่างสงบ และแกนนำที่ยังถูกควบคุมตัวทุกคน ให้สอบสวนกรณีที่มีการใช้กำลังอย่างไม่จำเป็นและเกินขอบเขตบ่อยครั้ง และประกันว่าจะมีการควบคุมดูแลการประท้วงเหล่านี้ สอดคล้องตามมาตรฐานระหว่างประเทศ” เอ็มเมอร์ลีน จิล กล่าว.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"