เอื้อประโยชน์หรือซุ่มเงียบ


เพิ่มเพื่อน    

 
    จากกรณีที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน สั่งผู้ค้าน้ำมันงดประกาศการปรับเปลี่ยนราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด ให้รับทราบล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.เป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นการปรับราคาขึ้นหรือลง โดยยกนโยบายส่งเสริมการแข่งขันของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การแข่งขันทาง การค้า พ.ศ.2560 ขึ้นมาอ้าง
    และให้สังเกตว่าถ้ามีผู้ค้าน้ำมันรายใดรายหนึ่งประกาศปรับราคาขึ้นลงน้ำมัน จนทำให้ผู้ค้ารายอื่นๆ มีการปรับตาม หรือปรับขึ้นลงในอัตราที่เท่ากันในเวลาเดียวกัน อาจจะเข้าข่ายกระทำผิด หรือมองว่าเป็นการชี้นำตลาด ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันทางการค้าอย่างจริงจัง และเป็นการทำให้ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ในการขายปลีก
    แต่เมื่อนโยบายดังกล่าวออกมาใช้อย่างเต็มตัว การปรับราคาน้ำมันทางผู้ประกอบการหรือปั๊มน้ำมันก็ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ไม่ว่าจะขึ้นหรือลงทั้งนั้น ทุกอย่างต้องไปลุ้นกันหน้าปั๊ม ณ เวลาประมาณ 05.00 น.ของวันที่ปรับราคา 
    ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าไม่ใช่นโยบายที่จะเป็นประโยชน์เท่าไหร่นักกับผู้ที่ใช้บริการ เพราะก่อนหน้านี้หากมีการปรับขึ้นราคาผู้บริโภคก็จะได้เตรียมตัวไปเติมก่อน หรือหากจะมีการลดราคาผู้บริโภคก็จะได้เว้นไว้เติมในวันพรุ่งนี้ ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ที่เห็นได้ชัดที่สุด
    ขณะที่ล่าสุดสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะแตะ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ก็ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทย โดยเฉพาะดีเซลเพิ่มขึ้นไป 30 บาทต่อลิตรแล้ว ซึ่งยิ่งทำให้มาตรการไม่แจ้งราคาน้ำมันก่อนปรับขึ้นหรือลดยิ่งไม่เห็นผลเข้าไปใหญ่
    เนื่องจากราคาก็เริ่มขยับขึ้นไปเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะลง ในส่วนของปั๊มเองก็ต้องขยับขึ้นตามราคาตลาดโลกอยู่แล้ว หากจะมีการแข่งขันทางราคากันจริงในช่วงนี้ก็คงไม่ชัดเจนมากในราคาที่ห่างกันไม่เท่าไหร่ และถ้าพูดกันตามความจริง นอกจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แล้วจะมีปั๊มไหนที่ตรึงราคาเป็นเวลานานเพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภคบ้าง
    ซึ่งจากเดิมทั้ง 2 ปั๊มนี้จะมีการขึ้น-ลงราคาที่เท่ากันมาโดยตลอด และจะล่าช้ากว่าปั๊มน้ำมันของบริษัทต่างชาติ หรือตรึงราคาไว้ในช่วงที่น้ำมันผันผวนหนักเนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชน แต่พอเริ่มนโยบายดังกล่าว ทั้ง 2 ปั๊มเองก็ไม่มีการแจ้งราคาล่วงหน้า จนทำให้ที่พึ่งของผู้ประกอบการตอนนี้ก็หมดไป
    ขณะที่โลกออนไลน์มีการพูดถึงประเด็นนี้อย่างหนักว่าเหมือนโดนปิดหูปิดตา และเห็นว่าราคาน้ำมันมีการปรับขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เหมือนเป็นการซุ่มขึ้นอย่างเงียบๆ โดยล่าสุดเว็บไซต์ สนพ. แจ้งราคาน้ำมันมีการปรับขึ้นอีก ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าราคาน้ำมันในช่วงวันที่ 26 เม.ย.-19 พ.ค.61 มีการปรับขึ้นไปแล้วกว่า 2 บาทต่อลิตร ถือว่าเป็นราคาที่ปรับขึ้นไปสูงสุดในรอบ 3 ปี 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.58
    ด้าน นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เองถึงจะออกมาบอกว่าการงดประกาศการขึ้นและลงของราคาขายปลีกนั้น ไม่ใช่มาตรการบังคับ ซึ่งจากการหารือที่ประชุม กบง.เห็นชอบว่ายังสามารถที่จะประกาศได้เช่นเดิม แต่ต้องให้เห็นว่าไม่เป็นการชี้นำตลาด ซึ่งบริษัทต่างๆ จะต้องออกประกาศโดยไม่อ้างอิงจากราคาของรัฐ เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างแท้จริง โดยเอกชนจะต้องเป็นคนกำหนดราคาเพื่อแข่งขันในตลาดกันเอง
    ขณะเดียวกันยังกล่าวว่า หากต่อไปเกิดการแข่งขันปรับลดราคาค้าปลีกในตลาดขึ้นจริง จะส่งผลให้ราคาน้ำมันลดได้อีกประมาณ 20-25 สตางค์ต่อลิตร จะเป็นผลดีต่อผู้บริโภค ซึ่งก็ต้องมาจับตาดูว่านโยบายของกระทรวงพลังงานครั้งนี้ที่อ้างว่าเป็นส่วนสนับสนุนให้มีการแข่งขันทางด้านราคาจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า ในสภาวการณ์ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นสูงเรื่อยๆ และจะมีผู้ประกอบการรายไหนเข้ามาช่วยดูแลในส่วนนี้ได้. 

 

ณัฐวัฒน์ หาญกล้า


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"