'เสรี'แนะรัฐสภารอคำวินิจฉัยกลางก่อนโหวตวาระ3


เพิ่มเพื่อน    

14 มี.ค.64-นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.กล่าวถึงการเรียกประชุมรัฐสภาวันที่ 17 มี.ค.โดยมีวาระลงมติวาระ 3  ของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ... ซึ่งที่ประชุมจะเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภา หารือถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่า ยังมีเนื้อหาที่ทำให้เกิดการตีความได้หลายทิศทาง และล่าสุดที่พบคำวินิจฉัยส่วนตนของนายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีรายละเอียดว่าด้วย การโอนอำนาจให้กับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่ระบุว่าไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเชื่อว่าในคำวินิจฉัยกลางของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมีประเด็นที่เป็นรายละเอียด ดังนั้นการลงมติวาระสามจึงเห็นว่ารัฐสภาควรรอไปก่อนจะมีคำวินิจฉัยกลางเผยแพร่ เพราะการลงมติของรัฐสภาในวาระ3 นั้นจะเป็นไปตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 กำหนด แต่ขณะนี้มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นซึ่งมีผลผูกพันต่อรัฐสภา การลงมติของรัฐสภา จึงควรรอเพื่อให้เกิดความชัดเจน

“ผมเชื่อว่าคำวินิจฉัยกลางของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาในไม่ช้านี้ หรือช่วงเวลาก่อนที่รัฐสภาจะลงมติวันที่ 17 มีนาคมนี้  ดังนั้นรัฐสภาควรรอพิจารณาเนื้อหา เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นแบบแผนที่กำกับการทำหน้าที่ ซึ่งการลงมติของรัฐสภา ไม่ได้มีแค่ รับหรือไม่รับเท่านั้น แต่คือการทำหน้าที่ที่ทำผิดไม่ได้ เพราะถือเป็นความเสี่ยง”

นายเสรี กล่าวว่า สำหรับความเห็นส่วนตนของนายทวีเกียรติที่มีเนื้อหาว่าด้วยรัฐสภาสามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ โดยตั้งคณะทำงาน , กรรมาธิการ หรือ ส.ส.ร.ได้ แต่ต้องไม่ใช่เป็นการโอนอำนาจที่ขาดจากกัน แต่ในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ที่ผ่านวาระสอง มติเสียงข้างมากเห็นด้วยกับการแยกขาดอำนาจระหว่าง ส.ส.ร. และรัฐสภา เพราะเมื่อส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ กำหนดให้นำเสนอเพื่อให้รัฐสภาอภิปรายโดยไม่ลงมติ แสดงว่าอำนาจของรัฐสภาไม่ยึดโยงต่อกัน ดังนั้นในการลงมติวาระสามที่ต้องให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบทั้งฉบับอาจทำให้เกิดปัญหาได้

"ในวันที่15 มี.ค.คณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา(วิปวุฒิสภา) จะหารือต่อเรื่องดังกล่าว โดนการนำคำวินิจฉัยยของศาล ข้อมูลที่เกี่ยวข้องหารือและแจ้งเป็นข้อมูลให้ส.ว.ทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจเท่านั้น แต่ไม่ใช่การกำหนดมติของวุฒิสภา อย่างไรก็ตามส่วนตัวมองว่าเมื่อคำวินิจฉัยไม่ชัดเจน ทิศทางของส.ว. อาจเกิดขึ้นได้ 4 ทิศทางคือ 1.ไม่แสดงตน เพื่อร่วมพิจารณา 2.ไม่เห็นชอบ 3. งดออกเสียง และ 4.ให้ความเห็นชอบ"

ถามว่าขณะนี้มีหลายฝ่ายประเมินว่า ส.ว.จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ นายเสรีกล่าวว่า  หากใช้คำว่าคว่ำเท่ากับมองส.ว. เป็นผู้ร้าย ทั้งที่ข้อเท็จจริง ส.ว.ต้องพิจารณา ก่อนตัดสินใจลงมติตามเหตุและผล รวมถึงพิจารณาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ชัดเจนด้วย ส่วนที่มีคนระบุว่าส.ว.ที่ลงมติรับหลักการวาระแรกแล้ว ควรลงมติเห็นชอบวาระสาม นั้น เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะการทำกฎหมายที่แบ่งเป็น 3 วาระ คือ วาระแรก รับหลักการ คือ การคิด วาระสองคือการพิจารณา และวารสาม คือการตัดสินใจ ที่ต้องมีรายละเอียดเและเหตุผลประกอบอื่นๆ ด้วย

“ที่ใครก็ตามบอกว่าหากรัฐสภาจะลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญจะไปฟ้อง ป.ป.ช. ถือว่าเป็นกลไกตรวจสอบถ่วงดุล ตามรัฐธรรมนูญ ที่ยอมรับว่าแม้การลงมติจะเป็นอำนาจและดุลยพินิจของรัฐสภา แต่ต้องเป็นไปอย่างถูกต้องและไม่ขัดรัฐธรรมนูญ รวมถึงกฎหมายด้วย”
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"