นายกฯตรวจโผครม.2/4 เอ๋ลุ้น7วันยุติปฏิบัติหน้าที่


เพิ่มเพื่อน    

 "เอ๋-ปารีณา" ชีวิตต้องลุ้น สู้ยิบตา ไม่ให้โดนหยุดปฏิบัติหน้าที่ อดเข้าสภา-ถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้ง 10 ปี หลัง ป.ป.ช. ยื่นคำร้องถึงศาลฎีกาฯ ตั้งข้อหาทำผิดจริยธรรมร้ายแรงฐานรุกป่าสงวน ประเดิมเป็นนักการเมืองคนแรก โผ ครม.บิ๊กตู่ 2/4 ยังไม่นิ่ง ปชป. ไม่เอาแล้ว ดีลแลกกระทรวงกับภูมิใจไทย สุดท้ายโยนนายกฯ เคาะ

    เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ศาลฎีกา สนามหลวง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี  พรรคพลังประชารัฐ กรณีถูกดำเนินคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ภายหลังจาก ป.ป.ช.มีมติชี้มูลเรื่องดังกล่าว 9 เสียง เห็นชอบตามความเห็นชอบของคณะกรรมการไต่สวนว่า การกระทำของผู้คัดค้านเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยกระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ พ.ศ.2561 จึงเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 87  
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำร้องของ ป.ป.ช.ดังกล่าว มีเนื้อหาโดยสรุปว่า ป.ป.ช. ผู้ร้อง ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหา น.ส.ปารีณา ผู้คัดค้าน ยึดถือครอบครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 และหรือ ส.ป.ก. โดยไม่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด อันส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่และหรือขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ประกอบกับผู้คัดค้านได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2562 ว่ามีทรัพย์สินเป็นที่ดินประเภท ภ.บ.ท.5 จำนวน 29 แปลง อยู่ในเขตพื้นที่หมู่ที่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งผู้ร้องได้มีมติการประชุมครั้งที่ 35/2563 วันที่ 12 มี.ค.2563 พิจารณาเรื่องรายงานผลการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้คัดค้าน กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.และกรณีมีเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบที่ดิน ภ.บ.ท.5  
    คำร้องระบุอีกว่า นอกจากนี้ การที่ผู้คัดค้านได้รับโอนสิทธิเข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน เพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ จำนวน 29 แปลง เนื้อที่ 853 ไร่ 75 ตารางวา ในขณะดำรงตำแหน่ง ส.ส. โดยที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินและเป็นพื้นที่ป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ จึงมีมติให้ดำเนินการไต่สวนเรื่อง ซึ่งจากการไต่สวนข้อเท็จจริงมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนว่าข้อกล่าวหามีมูล  
    คำร้อง ป.ป.ช.ยังระบุอีกว่า การที่ผู้คัดค้านครอบครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐดังกล่าว เป็นการยึดถือครอบครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังถูกหน่วยงานของรัฐ ร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดทางอาญาฐานบุกรุกที่ดินของรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และตาม พ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ.2520 ซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษทางอาญา อันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ที่ดิน สิ่งแวดล้อม หรือประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ ที่มีลักษณะขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์สาธารณะ และมีลักษณะเป็นความผิดร้ายแรงก่อให้เกิดความร้ายแรง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ถูกบุกรุกทำลาย  โดยคำนวณค่าเสียหายเป็นตัวเงิน จำนวน 36,224,791 บาท  
    "ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่ง ส.ส. ต้องดำรงไว้ซึ่งมาตรฐานจริยธรรม โดยจะต้องไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม การกระทำดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง ส.ส. เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ เหตุเกิดระหว่างวันที่ 25 พ.ค.-12 ธ.ค.2562 ท้องที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี" คำร้องระบุ
    ท้ายคำร้อง ป.ป.ช.ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่ง 1.ให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่ นับแต่วันที่ศาลฎีกาประทับรับฟ้องจนกว่าจะมีคำพิพากษา 2.ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง ป.ป.ช.ยื่นคำร้องแล้ว ศาลฎีกาบันทึกคำร้องของ ป.ป.ช.ไว้ในสารบบเป็นคดีหมายเลขดำ คมจ.1/2564 โดยหลังจากนี้ศาลฎีกาจะกำหนดวันนัดฟังคำสั่งชั้นรับคำร้องว่าจะรับหรือไม่รับคดีนี้ต่อไป ภายใน 7 วันทำการ นับจากวันที่รับคำร้อง
    โดยขั้นตอนนั้น หากองค์คณะพิจารณาพิพากษามีคำสั่งในชั้นรับคำร้องแล้วให้รับคำร้อง จึงจะส่งสำนวนคำร้องของ ป.ป.ช. ให้ผู้คัดค้านทราบ รวมทั้งทำหนังสือแจ้งคำสั่งรับคำร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และกำหนดวันนัดพิจารณาครั้งแรก ซึ่งระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พ.ศ.2561 บัญญัติไว้ด้วยว่า เมื่อศาลมีคำสั่งรับคำร้องแล้วผู้คัดค้านจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และให้ศาลแจ้งคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ
ปชป.ไม่เอาด้วยแลกกระทรวง
    วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงความคืบหน้าเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีว่า วันนี้ได้รายชื่อมาครบทั้งหมดแล้ว อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง จากนั้นจะดำเนินการให้จบสิ้นโดยเร็ว โดยแต่ละพรรคได้เสนอเข้ามาแล้ว แต่จะอยู่กระทรวงไหนก็เป็นเรื่องของตนที่จะตัดสินใจตามความเหมาะสม โดยรับฟังข้อคิดเห็นจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เพราะเราต้องไปด้วยกัน
    เมื่อถามว่า สัปดาห์นี้จะได้เห็น ครม.ชุดใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ก็จะครบขั้นตอนเมื่อมีการถวายสัตย์ฯ เดี๋ยวสื่อก็รู้ก่อนอยู่แล้ว"
    ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์? กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ได้ส่งรายชื่อในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรายชื่อเป็นไปตามมติของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารและ ส.ส.ของพรรค จากนี้เป็นดุลพินิจของนายกฯ ที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ ได้คุยกับนายกฯ เพื่อทบทวนแล้ว และนายกฯ ได้แจ้งให้ไปดำเนินการ ซึ่งพรรค ปชป.ได้ไปดำเนินการจนได้ตัวบุคคลมาแล้ว จากนี้เป็นขั้นตอนที่นายกฯ จะดำเนินการ
    เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐแล้วหรือไม่ ถึงการสลับเก้าอี้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยฯ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องสลับกระทรวงได้ให้ความเห็นเบื้องต้นส่วนตัวไปกับนายกฯ ว่าถ้าเป็นไปตามเดิมจะดีที่สุด แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลพินิจนายกฯ เพราะต้องเคารพในฐานะที่นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลได้แจ้งไปแล้วว่าเป็นกระทรวงเดิมที่เป็นอยู่
    เมื่อถามว่า หากเป็นการสลับให้พรรคเดียวดูกระทรวงเดียวจริงจะอธิบายกับประชาชนอย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า ตรงนี้เป็นสิ่งที่ได้อธิบายกับนายกฯ ไปว่าหากเป็นไปตามเดิมจะดีที่สุด เพราะการผสมผสานระหว่างพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทำงานในกระทรวงเดียวกันสามารถบริหารจัดการ และทำงานได้เป็นอย่างดี เช่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จากพรรคภูมิใจไทยก็ช่วยงานตนเป็นอย่างดี เราทำงานกันไม่ได้มีปัญหาอะไร ทำงานร่วมกันได้ด้วยดี แต่ทั้งหมดอยู่ที่ดุลพินิจของนายกฯ
    ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแจ้งว่าก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้นำดอกไม้พร้อมกับเป็นตัวแทนกล่าวอวยพร พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะมีอายุครบ 67 ปี ในวันที่ 21 มี.ค. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิด โดย พล.อ.ประวิตรได้อวยพรขอให้นายกฯ มีสุขภาพแข็งแรง จากนั้นบรรดาคณะรัฐมนตรีนำดอกไม้มามอบให้กับนายกฯ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี
    รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.ยังแจ้งอีกว่า ในช่วงของการพักเบรก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เดินเข้าไปหา พล.อ.ประยุทธ์ในห้อง เพื่อพูดคุยถึงเรื่องการสลับเก้าอี้ รมช.ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้มีการตกลงกันว่าจะสลับกระทรวงกัน แต่เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน นายจุรินทร์ระบุว่าไม่มีการสลับกระทรวงกันแล้ว จากนั้นได้ให้คนมาตามนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ ที่มีข่าวว่าจะถูกสลับไปเป็น รมช.คมนาคมเข้าไปพบในห้อง โดยใช้เวลาหารือประมาณ 10 นาที โดยพรรคภูมิใจไทยให้เป็นอำนาจนายกฯ ในการตัดสินใจ
    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงเช้าก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้สัมภาษณ์กรณีรายชื่อรัฐมนตรี โดยเมื่อสื่อถามถึงความเหมาะสมของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรค พปชร. ที่มีข่าวว่าจะไปเป็น รมว.ดิจิทัลฯ พล.อ.ประวิตรได้ตอบว่า นายชัยวุฒิจบวิศวะจุฬาฯปริญญาโท พร้อมถามสื่อว่าคุณจบอะไร คุณจบมหาวิทยาลัยราชภัฏหรือ ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่า จบปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า แล้วจะเอาอย่างไง
    ต่อมา พล.อ.ประวิตรได้ขอชี้แจงประเด็นมหาวิทยาลัยราชภัฏว่า “ไม่ว่าจะจบราชภัฏหรือจบที่ไหน ทุกคนก็มีความสามารถด้วยกันทั้งนั้น”
    จากนั้นเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกระแสดรามาเรื่องนี้ว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะบูลลี่ เพราะไม่ว่าจะจบราชภัฏหรือจบที่ไหนก็มีความสามารถด้วยกันทั้งนั้น ที่ถามสื่อแบบนั้นเพราะจะบอกแบบนั้น ต่างสถาบันก็สามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่งในอาชีพเดียวกันได้
    นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังกล่าวถึงกรณีนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นยุบพรรคพลังประชารัฐว่า อยากยื่นก็ยื่นไป
    เมื่อถามว่า จะกระทบความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวยืนยันว่า “ไม่มีๆ ไม่มีหรอก เป็นเรื่องของคนคนเดียว ที่ไม่มีความคิด”.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"