เรารักกันสะพัดหมื่นล้าน หนุนนำเงินฝากออกมาใช้


เพิ่มเพื่อน    

  "ม33เรารักกัน" วันแรกกดร่วมโครงการ 5.7 ล้านรายหรือร้อยละ 77 เงินสะพัด 11,441 ล้านบาท "คลัง"  ปลื้มยอดใช้จ่ายคนละครึ่งวิ่งเฉียด 1 แสนล้าน กว่า 14.7 ล้านคนแห่ใช้จ่ายคึกคัก "นายกฯ" ถกมาตรการฟื้นฟูเอสเอ็มอี สั่งคลังหาวิธีจูงใจคนนำเงินฝากออกมาใช้ พร้อมเห็นชอบคนละครึ่งเฟส 3 หลังจบ "เราชนะ" ชง ครม.อนุมัติทัวร์เที่ยวไทย-เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 รับช่วงสงกรานต์     

    เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงโครงการ ม33เรารักกัน หลังโอนเงินงวดแรก 1,000 บาทว่า มีผู้กดเข้าร่วมโครงการจำนวน  5,720,967 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 77 ของผู้ได้รับสิทธิ์ มีเงินเข้าสู่ระบบและเกิดประโยชน์แก่แรงงาน 5,720,967,000 บาท  มีการซื้อขายสินค้าผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจระยะสั้นคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 11,441  ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นวันแรกในการโอนเงิน  จึงได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมติดตามสถานการณ์และรายงานผลการดำเนินงานให้ทราบ ภาพรวมยังไม่พบปัญหาใดๆ ส่วนงวดถัดไปจะโอนตามลำดับ คืองวดที่ 2 วันที่ 29 มีนาคม, งวดที่ 3 วันที่ 5 เมษายน และงวดที่ 4  วันที่ 12 เมษายน จนครบ 4,000 บาท ซึ่งผู้มีสิทธิ์สามารถใช้เงินซื้อสินค้าและบริการจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564
    รมว.แรงงานกล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบสถานะผู้ได้รับสิทธิ์ผ่านทาง www.ม33เรารักกัน.com และกดยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564  หากตรวจสอบแล้วไม่มีสิทธิ์ จะต้องรีบทบทวนสิทธิ์ตั้งแต่วันที่  15-28 มีนาคม 2564 กลุ่มแรก ผู้ยังไม่ได้ลงทะเบียนมาก่อน กับชื่อ-นามสกุลผิด ให้ทบทวนผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com กลุ่มที่ 2 ผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน ลงทะเบียนแล้วแต่ระบบแจ้งว่าไม่ได้อยู่ในมาตรา 33 ต้องไปทบทวนสิทธิ์ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น.ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยให้นำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดมาด้วย
    "โครงการ ม33เรารักกัน วงเงิน 4,000 บาท ดูเหมือนไม่มาก แต่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้แรงงานได้ ในการใช้จ่ายสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันผ่านร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่วยพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย หาบเร่แผงลอยได้ด้วย ก็จะเกิดเงินหมุนเวียนในหลายรอบและส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจฟื้นตัวตามมา" นายสุชาติกล่าว
    นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง  เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ และฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากทั่วประเทศ โดยความคืบหน้าล่าสุดของโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 21 มี.ค.64 พบว่ามีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 1.5 ล้านร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 14,793,502 คน โดยเป็นการใช้จ่าย 3,000  บาทขึ้นไป จำนวน 12,530,056 คน และใช้จ่ายครบ 3,500  บาท จำนวน 6,315,918 คน ยอดการใช้จ่ายสะสม 98,860  ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 50,610.3 ล้านบาท  และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 48,249.7 ล้านบาท โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, สมุทรปราการ, สงขลา และเชียงใหม่
    ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.64 จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนที่ยังมีวงเงินเหลือเร่งใช้จ่ายให้ครบ  3,500 บาท หากพ้นกำหนดดังกล่าวจะไม่สามารถใช้สิทธิ์วงเงินที่เหลือได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการรักษาสิทธิ์ของท่านแล้ว  ยังเป็นการช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากผ่านการบริโภคภายในประเทศอีกด้วย
    นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมการเดินทางในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564  ตามที่รัฐบาลประกาศให้หยุดยาววันที่ 10-15 เม.ย.64 ว่า  บขส.คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 8-10 เม.ย.64 จะมีประชาชนเดินทาง (ขาเข้า-ขาออก) เพิ่มขึ้นประมาณ 100,000 คนต่อวัน ขณะที่ในช่วงวันที่ 11-17 เม.ย.64 คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารปกติหรือประมาณ 40,000-50,000 คนต่อวัน และจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งในวันที่ 18-19 เม.ย.64 ซึ่งจะเป็นช่วงที่ผู้โดยสารเดินทางกลับจากต่างจังหวัด โดยจะทำให้มีผู้โดยสารเดินทางประมาณ 100,000 คนต่อวันเช่นกัน
    ทั้งนี้ การเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 จะเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 เนื่องจากเมื่อช่วงสงกรานต์ 2563 รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกวันหยุดดังกล่าว
    นายสัญลักข์กล่าวว่า ในส่วนการเปิดให้ผู้โดยสารที่เข้าร่วมโครงการเราชนะสามารถใช้สิทธิ์ชำระค่าโดยสารได้ โดยชำระค่าโดยสารผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ  สถานีเดินรถ และจุดจอดรถโดยสารของ บขส.ทั่วประเทศนั้น  โดยตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้  บขส.มีรายได้เพิ่มขึ้นจากโครงการเราชนะประมาณกว่า 4,000,000 บาท และคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้ถือเป็นผลตอบรับที่ดี และเป็นนโยบายของรัฐที่ต้องการช่วยเหลือการเดินทางของประชาชน
    ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เรียกประชุมฝ่ายเศรษฐกิจ อาทิ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "ช่วงบ่ายวันนี้ได้มีการประชุมหารือมาตรการฟื้นฟูและการรักษาสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ  SMEs รวมถึงมาตรการ soft loan และ asset warehousing  นอกจากนี้ยังได้ติดตามผลการดำเนินการโครงการ 'เราชนะ'  และโครงการ 'คนละครึ่ง' และพิจารณาการดำเนินการในเฟสต่อไป ปัจจัยสำคัญคือยังตรวจพบว่ามีการโกงเกิดขึ้น ทั้งในส่วนของบุคคลและผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะหาหนทางแก้ไข รวมไปถึงการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด เราต้องไม่ยอมให้คนส่วนน้อยมาทำลายสิ่งดีๆ ของคนส่วนใหญ่ในช่วงวิกฤตินี้ครับ #รวมไทยสร้างชาติ"
    ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ได้หารือแนวทางออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยนายกฯ มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปหาวิธีจูงใจคนให้นำเงินที่ฝากไว้ในธนาคารออกมาใช้ หลังพบว่าช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีสถิติคนออมเงินในธนาคารสูงขึ้น และเก็บเงินจากที่ไม่ได้เดินทางท่องเที่ยว เป็นกรณีเช่นเดียวกับในสหรัฐฯ และญี่ปุ่นที่พบว่าเงินฝากในระบบสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวทางหนึ่งคือ การออกมาตรการช็อปดีมีคืน  เพื่อให้นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าไปลดหย่อนภาษี หรืออาจคิดมาตรการใหม่ๆ ขึ้นมาก็ได้
    ทั้งนี้ ยังได้หารือผลของการออกมาตรการต่างๆ ทั้งเราชนะ, คนละครึ่ง, เราเที่ยวด้วยกัน ได้ช่วยให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ นายกฯ จึงให้แนวทางดำเนินโครงการคนละครึ่งที่จะจบลงในวันที่ 31 มี.ค.นี้ต่อไป แต่เฟส 3 อาจไม่ทันเดือน เม.ย.นี้ แต่จะต่อเนื่องหลังโครงการเราชนะจบลงในวันที่ 31 พ.ค.เพื่อให้มีโครงการลักษณะนี้ต่อเนื่องไป และรวมถึงโครงการ "เราผูกพัน" ที่ช่วยข้าราชการที่รายได้ไม่สูงก็จะนำเข้า ครม.เร็วๆ นี้
    รองนายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับการแก้ไข พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วงเงิน 500,000 ล้านบาท กระทรวงการคลังหารือกับ ธปท.แล้ว จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เร็วที่สุด ที่ผ่านมามีการใช้วงเงินไป  130,000 ล้านบาท ถ้าเทียบตอนออก พ.ร.ก.ในครั้งแรกกับครั้งนี้ถือว่ารู้โจทย์แล้วว่ากลุ่มไหนเดือดร้อนอย่างไร การนำวงเงินที่เหลืออีก 370,000 ล้านบาทไปแก้ไขให้ตรงจุดจึงไม่ยากแล้ว นายกฯ อยากเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นรูปธรรม จึงสั่งการว่าเวลานำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าพิจารณาใน ครม. ขอให้เสนอเป็นแพ็กเกจหลายๆ เรื่องทีเดียวเลย
    น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว  นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้หารือเพื่อกำหนดโครงการรับรองการท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์อย่างต่อเนื่อง  โดย ททท.ได้ออกหลายแคมเปญเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการทัวร์เที่ยวไทย สนับสนุนการสมทบเงินให้ประชาชนรับสิทธิ์เพื่อเดินทางท่องเที่ยว รวมถึงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ภายหลังที่ประชุม ครม.มีมติให้นำกลับไปทบทวน อุตช่องป้องกันการทุจริต โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่าทั้ง 2  โครงการจะเสนอที่ประชุม ครม.ได้ในเร็วๆ นี้    
    "หวังให้ช่วงสงกรานต์ปีนี้ซึ่งมีวันหยุดยาวรวม 6 วัน เกิดการจับจ่ายใช้สอย เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่กำลังดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเราชนะ, โครงการ ม33เรารักกัน ฯลฯ จะตอบโจทย์ประชาชนเป็นอย่างดีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง" น.ส.ไตรศุลีกล่าว.
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"