ซัดทันควัน’ก้าวไกล’อัดยับครม.ประยุทธ์2/4ตอบสนองระบบมุ้ง


เพิ่มเพื่อน    

24 มี.ค. 2564 -  นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 2/4 กับชื่อรัฐมนตรี ก็สะท้อนได้ชัดว่า เป็นการปรับตำแหน่งเพื่อการขยับสับเปลี่ยนขั้วอำนาจเท่านั้น ไม่ได้มุ่งที่จะหาคนที่เหมาะสมมาขับเคลื่อนนโยบายกระทรวง เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนเลย อย่างนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ทั้งสองท่าน ประชาชนที่ติดตามการเมืองต่างก็ทราบว่า เป็นผู้ที่มีความสนิทและใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี การได้มาซึ่งตำแหน่งรัฐมนตรีของทั้ง 2 ท่านนี้ จึงเป็นการปรับตำแหน่ง เพื่อยึดโควตารัฐมนตรีคืนจากกลุ่ม กปปส. ซึ่งมีนายณัฐฏพล ทีปสุวรรณ และนายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ และถือเป็นการกำจัดขั้วอำนาจของ กปปส. ให้พ้นไปจากพรรคพลังประชารัฐ ตามสำนวนไทยที่ว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนทัพเท่านั้น

“จริงๆ ตำแหน่งรัฐมนตรีที่หลายท่านติติงมาว่า ทั้งคุณชัยวุฒิและคุณตรีนุช จบการศึกษามาไม่ตรงสาย จริงๆ แล้ว ในประเด็นเรื่องวุฒิการศึกษาไม่ได้สำคัญเลย เพราะในโลกยุคใหม่ให้ความสำคัญกับแรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่น ประสบการณ์ และทักษะความสามารถมากกว่าวุฒิการศึกษา“

นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า แต่ประเด็นที่เป็นข้อสังเกตก็คือ น.ส.ตรีนุช ไม่เคยมีบทบาทที่เด่นชัดในงานด้านการศึกษาเลย ไม่เคยแสดงให้สาธารณชนรับรู้ถึงแรงบันดาลใจในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ปกป้องสิทธิและเสรีภาพของของเด็กและเยาวชนเลย ไม่เคยแสดงให้ประชาชนได้เห็นถึงความทุ่มเทในการแก้ไขปัญหาการศึกษาของชาติ ไม่เคยแสดงท่าทีที่ทำให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามั่นใจได้ว่าจะเป็นที่พึ่งพิงได้ และไม่เคยแสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาการศึกษาของชาติเลย จึงเป็นที่สงสัยของประชาชน นักเรียนนักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ว่าจะสามารถเข้ามาแก้ปัญหา พัฒนาการศึกษาของชาติให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และอยู่ในแนวทางที่อารยประเทศ เขาขับเคลื่อนกันได้หรือไม่

สำหรับนายชัยวุฒิเอง การที่ไม่ได้จบการศึกษาทางด้านดิจิทัล หรือคอมพิวเตอร์ รวมทั้งการที่เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารบริษัท Gulf Energy ซึ่งไม่ใช่บริษัททางด้านดิจิทัล ก็ไม่ใช่ปัญหามากมายนัก แต่ความกังวลที่ประชาชนมีต่อนายชัยวุฒิ ก็คือ บทบาทที่ผ่านมา ในฐานะผู้ภักดีต่อทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร ที่มีท่าทีปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อผู้ชุมนุม และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักประชาธิปไตย ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยตั้งข้อสังเกตว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี DES ในครั้งนี้ของนายชัยวุฒิ อาจจะเข้ามาเพื่อเซ็นเซอร์ จำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกในโลกไซเบอร์มากกว่า ซึ่งจะทำให้ศักยภาพทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบดิจิทัลของประเทศลดทอนลง อาจจะเป็นการกีดขวางการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆของประเทศอีกด้วย ความฝันที่จะเห็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น น่าจะเลือนลางอย่างมาก ซึ่งนี่ก็คือสิ่งที่นายชัยวุฒิต้องพิสูจน์ตนเอง ว่าจะเป็นแค่หัวหน้ากองเซ็นเซอร์อย่างที่คนเขาคาดการณ์เอาไว้หรือไม่

ทั้งนี้ นายวิโรจน์ ตั้งข้อสังเกตว่า สำหรับนายสินิตย์ เลิศไกร นี่ประหลาดใจมาก เพราะมาจากการคัดเลือกแบบโหวตภายในพรรคประชาธิปัตย์ โดยที่ยังไม่ทราบว่าจะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงใด จึงสะท้อนให้ประชาชนได้ทราบอย่างชัดเจนว่า เป็นการคัดเลือกผ่านระบบมุ้งและเครือข่ายอำนาจภายในพรรคเท่านั้น ไม่ได้คัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมกับการเข้ามาบริหารงานในกระทรวงเลย และในท้ายที่สุดก็มาเป็นรัฐมนตรีช่วยสลับกระทรวงกับนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล โดยนายวีรศักดิ์ ย้ายจาก รมช.พาณิชย์ ไปเป็น รมช.คมนาคม แทนที่นายถาวร เสนเนียม ที่พ้นตำแหน่งไป เพื่อที่จะได้ย้ายมาทำงานร่วมกันกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ทำให้พรรคภูมิใจไทยยึดกระทรวงคมนาคมไว้ได้ทั้งกระทรวง

"ในขณะที่คุณสินิตย์จะไปเป็น รมช.พาณิชย์ ไปทำงานร่วมกันกับคุณจุรินทร์ รมว.พาณิชย์ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ยึดกระทรวงพาณิชย์ได้ทั้งกระทรวงเช่นเดียวกัน ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงประจักษ์ชัดแจ้งอยู่แล้วว่า การปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการปรับเพื่อหาคนที่เหมาะสม มาทำงานให้กับประชาชน แต่เป็นการปรับ เพื่อตอบสนองต่อระบบมุ้ง ระบบขั้วการเมืองเท่านั้นเอง" นายวิโรจน์ กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"