บิ๊กพช.นำทีม “พช.สัมพันธ์สัญจร”ครั้งที่ 2 ลุย “เพชรบุรี-ประจวบ”ดูชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี


เพิ่มเพื่อน    

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เดินสายขานรับนโยบายรัฐบาล ปลดล็อกความเหลื่อมล้ำทั่วไทย ด้วยการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง  ล่าสุดนำทีมลงพื้นที่ เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ ตามโครงการ พช.สัมพันธ์สัญจร ครั้งที่ 2 ดูความคืบหน้าโครงการ “ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี”

นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2561 นี้กรมการพัฒนาชุมชน (พช.)มีแผนจะนำทีมผู้บริหารและสื่อมวลชนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ตามโครงการ “พช.สัมพันธ์สัญจร”ครั้งที่ 2 เพื่อดูความคืบหน้างาน “ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัติวิถี”

สำหรับพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดเพชรบุรีที่จะไปดูงานการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี คือ พื้นที่ บ้านดอนใน ตำบลแหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในหมู่บ้านและฃุมชน ในหลายมิติ เช่นด้านอาชีพมีการพัฒนาจากชาวประมงมาสู่กิจการวิสาหกิจแพปลาชุมชนและธนาคารปูม้า  ด้านหัตถรรมมีกลุ่มจักสานผลิตภัณฑ์ชุมชนเครื่องจักสานจากก้านธูปฤาษี และการนำต้นชะคราม พืชประจำถิ่นที่เกิดในพื้นที่ดินเค็มมาประกอบอาหาร เช่นแกงส้ม,ต้มจืดลวกกับน้ำพริก นอกจากนี้ยังมีการแปรรูปเป็นขนมชะคราม ชะครามหยี สบู่ชะคราม แชมพูชะคราม ฯลฯ ส่วนการพัฒนาอาชีพยังมีกลุ่มประชาชนที่หันมาเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นแทนการเลี้ยงกุ้ง ซึ่งสามารถเลี้ยงได้ทุกฤดูกาลและถือเป็นอาหารสุขภาพที่กำลังมาแรงอีกด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวสนใจเดินทางมาเยือนจำนวนมาก

ในส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีกำหนดการไปดูงานที่บ้านโคนมพัฒนา หมู่ที่6  ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่  อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นชุมชนท่องเที่ยวซึ่งเริ่มได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เพราะมีธรรมชาติที่งดงามของป่าละอู รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นเช่นทุเรียนป่าละอู ซึ่งมีลักษณะพิเศษคือเม็ดลีบเล็ก เนื้อมาก รสหวาน หอม อร่อย เป็นที่ต้องกรของตลาด รวมทั้งมีกิจการโฮมเสตย์และกิจกรรมการเลี้ยงโคนม อาหารพื้นบ้านของชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง การทอผ้าพื้นเมือง ฯลฯ เป็นต้น

ทั้งนี้ โครงการ “ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี” ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของพช.ในการปลุกการท่องเที่ยวระดับชุมชน ที่เรียกว่า “แอ่งเล็ก”ให้เกิดการรวมตัวขึ้นมาสร้างอาชีพที่ยั่งยืน และสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง โดยใช้นวัตกรรมบวกกับวิถีชีวิตของชุมชน ทั้งในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในพื้นที่ผสมผสานเข้ากับประเพณี วัฒนธรรม อาหารการกิน สร้างความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับหมู่บ้านกลายเป็นหมู่บ้านเพื่อการท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเยี่ยมเยือน โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถทำรายได้จากการท่องเที่ยวปีละกว่า 2 แสนล้านบาท และได้ทุ่มงบกลางปี 61 กว่า 8,344 ล้านบาท เป็นการนำร่องแผนท่องเที่ยวแก้จนในพื้นที่ 3,273 หมู่บ้านและพัฒนาสินค้าอยู่ดีกินดี 64,570 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเชื่อมั่นว่า ตามแผนนี้จะทำให้ช่วยปลดล็อกความเหลื่อมล้ำทั่วไปไทยได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าวต่อว่า สิ่งที่ได้จากโครงการพัฒนาชุมชนโอท็อป นวัตวิถีมีหลายประการคือ ส่วนแรกชุมชนเกิดความเข้มแข็งขึ้น ทุกหมู่บ้านต้องลุกขึ้นมาพัฒนาพื้นที่ให้สะอาด น่าอยู่ ดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยว ส่วนที่สอง คือรายได้ในชุมชนหมู่บ้านจะเริ่มเปลี่ยนไป จะมีการกระจายไปสู่ทุกคนในชุมชน ส่วนข้อแตกต่างของความเป็นโอท็อปชุมชน แบบดั้งเดิมกับ “ชุมชนท่องเที่ยว  OTOPนวัตวิถีคือ แบบดั้งเดิมนั้นรัฐบาลจะต้องเข้าไปช่วยชุมชนในทุกๆ ด้าน  แต่ถ้าเป็นแบบนวัตวิถี คนในชุมชนต้องลุกขึ้นมาทำงานร่วมกัน ช่วยกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี นำภูมิปัญญา เสน่ห์พื้นบ้านมาหลอมรวมสร้างสรรค์จุดขายให้แก่นักท่องเที่ยว และร่วมกันหาวิธีสร้างความประทับใจเพื่อให้นักท่องเที่ยวกลับไปเที่ยวซ้ำๆ และเป็นการกระจายรายได้ให้คนทุกอาชีพในชุมชนได้อย่างทั่วถึง

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"