จำคุก‘เมจิสกิน’ สำนึกผิดชดใช้ รออาญาไว้3ปี


เพิ่มเพื่อน    

  ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 20 ปี ผู้ต้องหาคดีผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางปลอม “เมจิกสกิน” หลอกลวงผู้บริโภค แต่สำนึกผิดและพยายามชดใช้ให้ผู้เสียหายแล้ว โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 3 ปี

    เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 มีนาคม 2564 ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.42/2562 ที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท เมจิกสกิน จำกัด โดยนายกร พวงสน กรรมการผู้มีอำนาจ, นายกร พวงสน ฐานะส่วนตัว, นางวรรณภา พวงสน ภรรยาของจำเลยที่ 2, นายพีร์นิธิ ติรณวัตถุภรณ์, นายกสิทธิ์ วรชิงตัน และนายไมยสิทธิ์ สว่างธรรมรัตน์ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 ตามลำดับ ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ
    กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 5 ส.ค.2560-15 ก.พ.2561 ต่อเนื่องกัน บริษัท เมจิกสกินฯ นายกร และนางวรรณา ได้บังอาจร่วมกันผลิตเครื่องสำอางและสบู่ยี่ห้อ Mezzo โดยจดแจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่า บริษัท เมจิกสกินฯ ตั้งอยู่เลขที่ 522/46 ถ.สืบศิริ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นผู้ผลิต แต่ความจริงแล้วจำเลยทั้งสามเป็นผู้ว่าจ้างบริษัท พีโอเอส.คิสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้ผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางยี่ห้อดังกล่าว ต่อมามีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อการโฆษณาหลอกลวงของจำเลย ซื้อเครื่องสำอางและมอบเงินให้พวกจำเลยเป็นของตนเองโดยทุจริต
    ในวันนี้จำเลยที่ 1-6 มาศาล พร้อมทนายความเพื่อฟังคำพิพากษา
    ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งหมดมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 41, 71 และจำเลยที่ 1-3 มีความผิดตามมาตรา 6 (10), 25 (2), 53, 59 และ พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง รวมจำคุกจำเลยที่ 2 และ 3 คนละ 59 ปี 5 เดือน และปรับคนละ 170,500 บาท, จำคุกจำเลยที่ 4-6 คนละ 59 ปี และปรับคนละ 147,500 บาท สำหรับความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนให้จำคุกจำเลยที่ 2-6 คนละ 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2)
    ทั้งนี้ เมื่อรวมโทษทั้งหมดแล้ว คงปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 175,000 บาท จำเลยที่ 2 และ 3 จำคุกคนละ 20 ปี 5 เดือน และปรับ 170,500 บาท จำเลยที่ 4 -6 จำคุกคนละ 20 ปี และปรับ 147,500 บาท
    พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยที่ 2-6 แล้ว เห็นว่า สภาพความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง ที่เป็นความผิดไม่มีลักษณะที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยอย่างร้ายแรงแก่ประชาชน จนถึงขนาดที่ไม่อาจให้โอกาสแก่จำเลยที่ 2-6 กลับตัวเป็นพลเมืองดีในสังคม อีกทั้งจำเลยที่ 2-6 ต่างก็สำนึกผิดโดยพยายามบรรเทาผลร้าย ประกอบอาชีพสุจริตหารายได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายทุกราย โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่พอใจและไม่ติดใจดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา คงมีผู้เสียหายส่วนน้อยที่ยังไม่ได้รับค่าเสียหาย การให้โอกาสจำเลยได้ไปประกอบอาชีพเพื่อนำรายได้มาชดใช้ค่าเสียหายน่าจะเป็นประโยชน์กว่า นอกจากนี้ยังไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2-6 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 3 ปี  
    ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งหกร่วมกันคืนเงิน หรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายทั้งหมดนั้น เห็นว่า จำเลยทั้งหกได้ชำระเงินและวางเงินต่อศาลครบถ้วนจนเป็นที่พอใจ และทำสัญญาประนีประนอมยอมความจนผู้เสียหายที่ 1-5, 7, 9-12, 14-16, 19-25, 27-57 และ 59 ไม่ติดใจดำเนินคดีอีกต่อไป จึงไม่อาจมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันคืนเงินหรือชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายดังกล่าวอีก และให้จำเลยทั้งหกร่วมกันชำระแก่ผู้เสียหายที่ 6 จำนวน 1.3 ล้านบาท ผู้เสียหายที่ 8 จำนวน 4.1 ล้านบาท ผู้เสียหายที่ 13 จำนวน 428,930 บาท ผู้เสียหายที่ 17 จำนวน 37,100 บาท ผู้เสียหายที่ 18 จำนวน 71,615 บาท ผู้เสียหายที่ 26 จำนวน 142,957 บาท และผู้เสียหายที่ 58 จำนวน 132,957 บาท ริบของกลางให้ตกเป็นของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อทำลายหรือจัดการตามที่เห็นสมควร
    วันเดียวกัน ศาลอาญายังได้อ่านคำพิพากษาคดีเมจิกสกินอีกสำนวนคือ คดีหมายเลขดำ อ.43/2562 ที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท เมจิกสกิน จำกัด โดยนายกร พวงสน กรรมการผู้มีอำนาจ, นายกร พวงสน ฐานะส่วนตัว, นางวรรณภา พวงสน สามีภรรยา ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ กรณีเมื่อระหว่าง ก.พ.2560-เม.ย.2561 ต่อเนื่องกัน พวกจำเลยร่วมกับ น.ส.ตรีชฎา ใจสบาย, บริษัท ฮานิว โคเรีย และ น.ส.ปาจรีย์ วงศ์สมบูรณ์ จำเลยคดีอาญาหมายเลขแดง อ.3781/2561 กระทำผิดหลายกรรมต่างกัน โดยบังอาจร่วมกันผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางปลอม โดยจำเลยทั้งสามร่วมกับ น.ส.ตรีชฎา บริษัท ฮานิวฯ และ น.ส.ปาจรีย์ ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยร่วมกันรับจ้างผลิตเครื่องสำอางยี่ห้อ ตรีชฎา
    ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2548 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ2550 และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน หลังเกิดเหตุแม้มูลค่าความเสียหายในคดีนี้จะมีเป็นจำนวนมาก แต่จำเลยทั้ง 4 ได้พยายามบรรเทาผลร้ายโดยได้มีการชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายในคดีนี้ โดยชดใช้เงินจนเป็นที่พอใจให้กับผู้เสียหาย จำนวน 91 ราย คิดเป็นเงิน 1.6 ล้านบาท มีการผ่อนชำระ จำนวน 25 ราย และผู้เสียหายบางส่วนจำเลยก็ได้วางเงินต่อศาลเพื่อชดใช้ค่าเสียหายเต็มจำนวน คงมีผู้เสียหายส่วนน้อยที่ตกลงค่าเสียหายไม่ได้ จำนวน 25 ราย แต่จำเลยก็ได้วางเงินบางส่วนต่อศาลเพื่อเป็นการบรรเทาความเสียหายแล้ว อันแสดงถึงความรับผิดชอบในการกระทำผิดของจำเลยทั้ง 4
    เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลย ที่ 2-4 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษมีกำหนด 3 ปี หากจำเลยทั้ง 4 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"