
“สหายแสง” โดนแล้ว ป.ป.ช.ชี้มีมูลรุกป่าเหมือน “ปารีณา” เตรียมชงเข้าที่ประชุมใหญ่กลางเดือน เม.ย. ส่วน “วิรัช” เรื่องฟุตซอลถึงมืออัยการสูงสุด เตรียมรวบอีก 6 สำนวนเข้าด้วยกัน “วิษณุ” การันตีกฎหมายประชามติผ่านแน่ “นิกร” รับสัญญาณบวกหลัง “ลุงตู่” สั่งให้คิดตกผลึก
เมื่อวันอังคารที่ 31 มีนาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลให้ความสำคัญต่อการพิจารณาร่างกฎหมายในรัฐสภาว่า นายกฯ หมายถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติ ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ห่วง แค่จะผ่านหรือไม่ผ่าน เพราะถึงอย่างไรก็ผ่านอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือถ้าผ่านแล้วไม่ได้เป็นไปตามร่างที่รัฐบาลเสนอไว้ ซึ่งได้พิจารณามาโดยรอบคอบ และหากโหวตแพ้เพียง 4-5 คะแนน ก็เท่ากับแสดงให้เห็นว่าสภาไม่พร้อม
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ได้กล่าวย้ำในที่ประชุม ครม.ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่าเดินหน้าแก้ไขใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า นายกฯ พูดในที่ประชุม ครม.ว่ารัฐบาลเสนอให้เดินหน้าต่อไป ขอให้ไปคิดแนวทางกันให้ตกผลึก และให้นำกลับมาบอกให้ทราบ
เมื่อถามว่า หากตกผลึกแล้วรัฐบาลไม่ขัดข้องเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่กล้าแปลเป็นอย่างอื่น เพราะนายกฯ พูดเพียงเท่านี้ พวกคุณก็จ้องกันอยู่เรื่อย
ขณะที่นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่วมกันของ 3 พรรคร่วมรัฐบาลคือ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.), พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ ชทพ. ในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ว่าตัวแทนของแต่ละพรรคจะนัดหารือในรายละเอียดช่วงวันที่ 7-8 เม.ย. โดยเบื้องต้นมีความเห็นร่วมกันว่าจะเสนอแก้มาตราที่เป็นปัญหาของประชาชนมากกว่าแก้ปัญหาของฝ่ายการเมือง แต่ยังไม่ลงรายละเอียดว่าจะเสนอแก้มาตราใดบ้าง ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่ควรปลดล็อกร่วมกันคือ แก้ไขมาตรา 256 เพื่อคลายล็อกกรณีต้องใช้เสียงของวุฒิสภา (ส.ว.) ร่วมด้วยในวาระแรกและวาระสาม
นายนิกรกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญของกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ? พ.ศ.2560 ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ เป็นประธาน ได้ศึกษาเนื้อหาของมาตราในรัฐธรรมนูญที่ควรแก้ไข ดังนั้นจึงควรนำมาพิจารณาและเลือกมาตราที่จำเป็นเร่งด่วน และควรแก้ไขประเด็นการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุม ครม. ให้คิดแนวทางแก้รัฐธรรมนูญให้ตกผลึก เป็นสัญญาณที่ดีหรือไม่ นายนิกรกล่าวว่า ?เชื่อว่าจะทำให้แก้รัฐธรรมนูญได้หลายมาตรา และได้เท่าที่จำเป็น
ส่วนนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ในฐานะเลขานุการคณะ กมธ.วิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ..... ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ปรับปรุงเนื้อหา 2 มาตราคือ มาตรา 10 และ 11 เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 9 ที่ได้แก้ไขไป ซึ่งเชื่อว่าไม่มีรายละเอียดที่จำกัดสิทธิของประชาชน แต่การปรับปรุงเพื่อให้เนื้อหาสอดคล้องกับที่รัฐสภาลงมติ และไม่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 166 และมาตรา 256 ซึ่งในการนัดประชุม กมธ.วันที่ 1 เม.ย. จะนำรายละเอียดที่กฤษฎีกาเสนอพิจารณาถกแถลงเพื่อให้ได้ข้อยุติในชั้น กมธ. เบื้องต้นเชื่อว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จภายใน 1 วัน เพราะมีเนื้อหาพิจารณาเพียง 2 มาตรา ทั้งนี้ ต้องให้สิทธิ กมธ.ทั้ง 49 คนได้อภิปรายและแสดงความเห็น
เมื่อถามถึงกรณีที่นายวิษณุระบุเป็นสัญญาณว่าร่าง พ.ร.บ.ประชามติจะผ่านวาระสาม นายวันชัยกล่าวว่า ไม่เพียงแค่นายวิษณุเท่านั้น แต่เชื่อว่าทุกคนต้องการให้ผ่านพิจารณา และที่ผ่านมานั้นไม่มีเจตนาจะยื้อหรือดึงเรื่อง ส่วนกรณีที่อาจมีผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความหลังผ่านวาระสามนั้น ไม่ทราบว่าจะมีบุคคลใดยื่นเรื่องหรือไม่ แต่มองว่าหากในชั้น กมธ.ตกลงกันได้ และรัฐสภาเห็นร่วมกันก็ไม่น่าเกิดกรณีถูกมองว่าขัดรัฐธรรมนูญ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป.ระบุว่า ทางออกหรือจุดจบของ พ.ร.บ.ประชามติน่าจะมีอยู่ 3 แนวทาง คือ 1.เมื่อพิจารณา พ.ร.บ.ประชามติในวาระที่สองเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะลงมติคว่ำในวาระสาม แต่เป็นไปได้น้อยมาก เพราะ พ.ร.บ.ประชามติเป็นกฎหมายสำคัญที่เสนอโดยรัฐบาล ถ้ากฎหมายถูกคว่ำไป รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยยุบสภาหรือลาออกเท่านั้น 2.เมื่อที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา พ.ร.บ.ประชามติเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความว่าขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ และเป็นไปได้สูงที่ศาลจะวินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ ทำให้ พ.ร.บ.ประชามติตกไป และมีผลกระทบต่อการทำประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ต้องล่าช้าออกไป และ 3.มีมติผ่านวาระที่สามไปก่อน และเมื่อประกาศใช้แล้วรัฐบาลก็จะรีบเสนอ พ.ร.บ.แก้ไขในทันที ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาแบบศรีธนญชัย ซึ่งจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างกว้างขวางแน่นอน
“ไม่ว่าแนวทางแก้ปัญหาของ พ.ร.บ.ประชามติฉบับนี้จะออกมาทางไหนก็ตาม ความเสียหายทางการเมืองก็จะเกิดขึ้นกับรัฐบาลทุกแนวทาง ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะตัดสินใจเลือกแนวทางไหน ที่สร้างความเสียหายทางการเมืองให้รัฐบาลน้อยที่สุด” นายเทพไทประเมิน
วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนักการเมืองที่ครอบครองที่ดินบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งมีลักษณะคล้ายการครอบครองของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยพบว่ามีทั้ง ส.ส., ส.ว., รัฐมนตรี รวมถึงอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ด้วย แยกเป็น ส.ส. 33 ราย, ส.ว. 5 ราย, รัฐมนตรี 2 ราย และ สนช. 20 ราย รวม 60 ราย โดยจำนวนดังกล่าวมีทั้งที่มีการร้องเข้ามาและ ป.ป.ช.ตรวจสอบจากบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และมี ส.ส. 1 รายที่ ป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพิ่มเติมไปแล้ว 1 ราย คือ นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2
“กรณีนี้มีการร้องให้ถอดถอนนายศุภชัยมาตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง? รมช.เกษตรและสหกรณ์? จากกรณีถือครองที่ดิน?ดงพระทาย? จ.นครพนม? จำนวนหลายร้อยไร่? ซึ่งจากการที่อนุกรรมการไต่สวนลงตรวจสอบในพื้นที่แล้ว พบว่ามีข้อมูลทำให้เชื่อได้ว่าเข้าข่ายบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนจริง โดย ป.ป.ช.ได้ให้อนุกรรมการไต่สวนรายงานความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว รวมถึงผู้ถูกร้องรายอื่นๆ ในกรณีที่มีความคืบหน้า เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ภายใน 2 สัปดาห์นี้ เพื่อให้ที่ประชุมได้ทราบความคืบหน้าเป็นระยะๆ” รายงานระบุ
นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทุจริตโครงการสร้างสนามฟุตซอล จ.นครราชสีมา ที่มีการชี้มูลนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.กับพวก ว่าล่าสุด ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนชี้มูลความผิดไปให้อัยการสูงสุด (อสส.) ครบถ้วนทั้ง 6 สำนวนแล้ว ขั้นตอนจากนี้เป็นอำนาจของ อสส.ที่จะดำเนินการสั่งฟ้องหรือไม่ ซึ่ง อสส.ได้ให้ความเห็นไว้ว่าจะบรรยายฟ้องจาก 6 สำนวน รวมให้เป็นสำนวนเดียว
ส่วนที่ประชุมคณะกรรมการ?การ?เลือกตั้ง? (กกต.) ?มีมติเห็นชอบให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรับจดทะเบียนจัดตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคมิติใหม่ตามที่เสนอ ก่อนที่จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ทั้งนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติมีชื่อว่าที่ ร.ท.ไกรภพ นครชัยกุล เป็นหัวหน้าพรรค โลโก้ใช้เครื่องหมายหกเหลี่ยมสีน้ำเงิน มีแถบ 3 เส้นสีทอง ขาว บนเครื่องหมายหกเหลี่ยม และมีตัวอักษรภาษาไทย "พรรครวมไทยสร้างชาติ" อยู่ใต้เครื่องหมาย ขณะที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 169/98 อาคารเสริมทรัพย์ ถนนรัชดาภิเษก ดินแดน กทม. ส่วนพรรคมิติใหม่มีนายวิมล สารมโน เป็นหัวหน้าพรรค และนายปพน วงศ์ตระกูล เป็นเลขาธิการพรรค
สำนักงาน กกต.ยังได้ออกเอกสารข่าวข้อมูลเรื่องคัดค้านและสำนวนการเลือกตั้งเทศบาล โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. ว่ามีเรื่องคัดค้านและสำนวนการเลือกตั้งเทศบาลทั้งสิ้น 392 เรื่อง แบ่งออกเป็นการเลือกตั้งเทศบาลตำบล 267 เรื่อง, เทศบาลเมือง 101 เรื่อง และเทศบาลนคร 24 เรื่อง โดยเมื่อจำแนกเรื่องคัดค้านและสำนวนการเลือกตั้งตามฐานความผิดมากที่สุด 3 ลำดับคือ ฐานความผิดหลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครใด ตามมาตรา 65 (5) จำนวน 130 เรื่อง, ฐานความผิดจัดทำ ให้ เสนอ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด ตามมาตรา 65 (1) จำนวน 102 เรื่อง และฐานความผิดให้ เสนอ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรง หรือทางอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด หรือศาสนสถานอื่น สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด ตามมาตรา 65 (2) จำนวน 43 เรื่อง.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |