‘นิค นิรนาม’ควงลูกชายเปิดใจ หลังภรรยาเสียด้วยโรคมะเร็ง รับลาออกตชด.เพราะกลัวตาย!


เพิ่มเพื่อน    

 

     “นิค นิรนาม” ควงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนน้องฟอร์ด ธนกฤต มาเปิดตัวผ่านทางรายการคุยแซ่บshow พร้อมเปิดใจหลังสูญเสียภรรยาอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ทั้งนี้ยังเผยจุดเริ่มต้นเส้นทางในวงการบันเทิง จากตำรวจตระเวนชายแดนมาเป็นศิลปินผู้บุกเบิกเพลงลูกทุ่งเพื่อชีวิตคนแรกของประเทศไทย

 

พี่เพิ่งเสียภรรยาไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ตอนนี้โอเคหรือยัง?

นิค: มันก็ปกติ ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว ทุกวันนี้เข้าที่เข้าทางบ้าง

ฟอร์ด: เป็นบางครั้ง บางครั้งก็คิดถึงคุณแม่บ้างเป็นเรื่องปกติ แต่หลังยากผ่านมาเดือนนึงได้ก็โอเคขึ้นแล้วครับ

 

ช่วงที่คุณแม่อยู่โรงพยาบาลเราเริ่มทำใจหรือยัง?

ฟอร์ด: เริ่มทำใจตั้งแต่คุณแม่เข้าโรงพยาบาลแล้วครับ เพราะตอนนั้นคุณหมอบอกแล้วว่าเป็นมะเร็งระยะที่2  ตอนนั้นคุณแม่ร้องไห้มากพยายามจับมือผมแล้วช่วง7-8 วันก่อนที่เขาจะเสียเขาก็ร้องตลอดร้องหาผม ผมเฝ้าตั้งแต่ตื่นอยู่จน6 โมงเช้าเรียกว่าไม่ได้นอนเลยดีกว่า แล้วก็เปลี่ยนเวรกับปาป๊าอีกทีนึง

 

เห็นว่ามีการสั่งเสียทิ้งท้ายไว้?

นิค: ก็มีๆความรู้สึกของเขาคงคิดว่าคงไม่นาน บอกว่าให้ปล่อยวางบางสิ่งบางอย่างถ้ามันมีอะไรเปลี่ยนแปลงภายในครอบครัวหรือภายในชีวิตก็ไม่ต้องวิตกกังวลอะไรก็ทำไปตามปกติแต่ว่าให้ดูแลลูกให้ดี

 

พอรู้ว่าภรรยาเป็นเป็นมะเร็งหมดกำลังใจเลยไหม?

นิค: กว่าที่เราจะรู้ว่าเขาเป็นมะเร็งตั้ง8 เดือนไม่สบายมา8 เดือนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เหนื่อยง่ายไม่แรงพอเราบอกว่าไปหาหมอไหมเขาบอกไม่เป็นไร 4-5 เดือนไปเริ่มขับรถไม่ได้แล้วเขาก็ไม่ยอมไปหาหมอตอนนั้นไปคลินิก

 

พอไปเจอหมอครั้งแรกหมอบอกเลยไหม?

นิค: พอไปโรงพยาบาลย่างเข้าเดือนที่9 ไม่ไหวแล้วช็อกแล้ว

ฟอร์ด: วันนั้นเขาช็อกครับ ประมาณว่าเหมือนคนชักกระตุกน้ำลายฟูมปาก ทีนี้เราตัดสินใจเรียกรถพยาบาลมาก่อนพอคุณแม่นอนได้วันนึงตอนแรกเขาบอกว่าเป็นเนื้องอกก่อนก็ยังไม่ทราบว่าเป็นมะเร็ง หลังจากนั้น3-4 วันถึงทราบว่าเป็นมะเร็งระยะที่2 อาการเพิ่มเติมครั้งแรกที่ปอดจากนั้นมันก็ลามไปที่สมองกระจายไปในสมอง ทำให้เป็นระยะสุดท้ายก็เลยถูกส่งตัวไปที่ศูนย์มะเร็งลพบุรี 

นิค: เขาก็รู้ตอนแรกหมอจะผ่าสมองแต่ว่ามันเป็นขั้นสุดท้ายถึงผ่าไปมันก็ไม่อะไร หมอก็เลยวิจัยว่าฉายแสงดีกว่าก็ฉายแสงมา15 ครั้งช่วงนั้นก็ให้กำลังใจมาตลอด 

 

แม่เขาสั่งเสียอะไรไหม?

ฟอร์ด: ไม่มีอะไรเยอะ คุณแม่เขาคงรู้ตัวแล้วไม่อยากให้เราเป็นห่วง พยายามทำให้เราโกรธเล่นเราพูดอะไรเขาจะไม่พูดด้วยทำหน้าเมินๆใส่ 

 

ครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ในครอบครัว?

นิค: ใช่ครับ เป็นการสูญเสียแบบที่เราไม่เคยเจอ แต่เราก็ให้กำลังใจเขาตลอดนะ

 

 

ตอนนี้นอกจากต้องตื่นเช้าไปส่งลูกไปโรงเรียนยังต้องทำอะไรบ้าง?

นิค: ทำทุกอย่าง ซักเสื้อผ้า เพราะผมเป็นคนที่รักลูก ปกติแม่เขาจะทำให้พอไม่มีผมก็ต้องทำเตรียมอาหารให้

 

เหตุการณ์ที่เกิดกับคุณแม่ทำให้เราโตขึ้นกว่าเดิมไหม?

ฟอร์ด: มันมีทั้งส่วนจริงและส่วนไม่จริงบ้าง ส่วนจริงก็คือมันฝึกความรับผิดชอบเราเราต้องดูแลบุพการี แต่ส่วนที่มันไม่ถูกต้องคือเราต้องสูญเสียคุณแม่ผมคิดว่ามันก็ได้อย่างเสียอย่าง

 

คุณพ่อไม่เคยตีลูกตั้งแต่3 ขวบ?

นิค: ก่อนที่จะถึง3 ขวบคือตีครั้งนึงเลือดกลบปากเลย เพราะว่าเราห้ามแล้วห้ามอีกในที่สุดก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นจนได้หลังจากนั้นก็สงสารลูกมีแต่สอนเอาๆ แล้วเขาเป็นคนที่จดจำแล้วปรับปรุงได้รวดเร็ว แล้วเขาก็ไม่ทำในสิ่งที่เราบอกว่าไม่ดีนะ

 

คุณพ่อห่วงลูกชายไหม?

นิค: ทั้งห่วงทั้งหวงแหละครับ แต่ว่าให้เขาตัดสินใจเอาเองเราดูอยู่ห่างๆ 

 

อยากเข้าวงการบันเทิงไหม?

ฟอร์ด: ตอนเด็กๆเคยคิด แต่พอโตมาคิดว่าเราไม่น่าจะเหมาะกับสายบันเทิง

 

เชื่อไหมว่าพ่อเข้าวงการเพราะกลัวตาย ตอนนั้นเป็นตำรวจตระเวนชายแดนมาก่อน ตอนนั้นหน้าที่ของพี่มีอะไรบ้าง?

นิค: คือคุณพ่อของพี่เจาเป็นตำรวจเราก็อยากเป็นตำรวจตามเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อเขาเป็นตำรวจภูธรผมไปสอบตั้งหลายครั้ง3-4 ครั้งแต่ไม่ได้ก็เลยไปสอบตชด.ที่มันยากมากปรากฎว่าได้ชีวิตก็เลยผกผันก็เป็นอยู่หลายปี

 

ที่ชมพูบอกว่าพี่กลัวตายพี่กลัวตายอะไร?

นิค: มีใครไม่กลัวตายบ้าง 

 

มันเสี่ยงขนาดนั้นเลยเหรอ?

นิค: ชีวิตมันแขวนอยู่บนเส้นด้าย แล้วในรุ่นเดียวกันก็ตายไปหลายคนแต่เราก็รอดมาได้นี่ก็เป็นบุญแล้ว อีกอย่างตอนนั้นเราเป็นหน่วยปฏิบัติการทางด้านจิตวิทยาเป็นนักพูดนี่แหละ ไม่อยากให้ชาวบ้านเป็นคอมมิวนิสต์อยากให้เป็นประชาธิปไตย ก็มีการร้องรำทำเพลงเราก็แต่งเพลงเล่นในก๊วนก็เห็นว่าเราแต่งเพลงดีน่าจะไปอัดเสียงเริ่มเป็นไฟ 

 

แล้วพี่มาเป็นนักร้องได้ยังไง?

นิค: พอเพื่อนยุๆแต่เราก็เล่นกีต้าร์นะทีนี้เราก็อยากไปอัดเสียงด้วย เพลงแต่งไว้หลายเพลงอยู่ในป่ามันไปไม่ได้หรอกต้องมีคนมาเปลี่ยนแต่มันยังไม่มีใครมาเพราะถ้ามาก็มารอความตาย ที่สุดเราก็ลาออก

 

มีเหตุการณ์ที่เราเฉียดตายมากที่สุดไหม?

นิค: มีการปะทะกันนั่นแหละคือเฉียดตายที่สุดมีบาดเจ็บในร่างกายด้วย

 

แล้วเราเอาเพลงที่แต่งไปไหน?

นิค: ก็จะเอาไปเสนอค่าย

 

แต่ก่อนที่เราเอามาเสนอค่ายเห็นว่าครอบครัวรู้ก่อนว่าเราลาออกโกรธมากเลย?

นิค: ครอบครัวนี่ทางปู่ย่าตายายญาติพี่น้องทุกอย่างเขาบอกว่าเอ็งเป็นเจ้าคนนายคนดีๆไม่ชอบชอบเต้นกินรำกินทำไมถึงชอบอย่างนั้นจากนี้ไปถ้าจะเต้นกินรำกินไม่ต้องเข้ามาในหมู่บ้านตัดเลย เราก็เข้าบ้านไม่ได้เราก็เลยตัดสินใจมาอยู่ที่อุบลกับเพื่อนแล้วก็ยุคนั้นเป็นยุคโฟล์คซองก็เลยมาเล่นโฟล์คซองตั้งวงรับสมัครพักพวกเข้ามา แล้วเราเป็นคนเขียนเพลงพอรวบรวมได้ก็เข้ากรุงเทพฯเพื่อจะเอาเพลงนี้ไปเสนอ

 

นิค นิรนาม ชื่อนี้มาจากไหน?

นิค: นิรนามมันไม่มีชื่อให้จำเนื้อหาสาระ

 

 

 

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"