วรงค์โต้อย่าเรียกร้องให้ปู คดีแพ่งไม่จบอาญาคุก5ปี


เพิ่มเพื่อน    

 "หมอวรงค์" โต้ "ภูมิธรรม" อย่ามาเรียกร้องให้ "ยิ่งลักษณ์" ซัดแยกคดีแพ่ง-อาญาไม่เป็น ยันศาลปกครองกลางยังไม่จบ แต่อาญาจำคุก 5 ปีก็ต้องเป็นคุกตลอดไป สมาคมทนายฯ จี้ทุกฝ่ายเคารพหลักนิติธรรมหลังศาลปกครองกลางสั่ง "ยิ่งลักษณ์" ไม่ต้องใช้ 3.5 หมื่นล้าน

    เมื่อวันจันทร์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กภายหลังศาลปกครองกลางวินิจฉัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนคดีโครงการระบายข้าวแบบจีทูจี 3.5 หมื่นล้านบาทว่า "อย่ามาเรียกร้อง นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเลขานุการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร  โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ 'ศาลปกครองกลางวินิจฉัย อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นมลทินจำนำข้าว ไม่ได้เป็นอย่างที่โฆษณา' ได้มาเรียกร้องคืนความยุติธรรมให้ยิ่งลักษณ์
    ไม่น่าเชื่อว่านายภูมิธรรมจะแยกคดีอาญากับแพ่งไม่เป็น อาญาคือความผิดที่ต้องจำคุก ส่วนศาลปกครองกลางคือคดีแพ่งที่ต้องชดใช้ อาญาตัดสินที่สุดแล้วว่ามีความผิดต้องจำคุก 5 ปี ถ้าคิดว่ายิ่งลักษณ์ไม่ผิดแล้วให้หนีทำไม
    ส่วนคดีแพ่งที่ศาลปกครองกลางพิพากษาก็ยังไม่จบ  ต้องรอศาลปกครองสูงสุดหลังจากที่อุทธรณ์ ต้องย้ำนะครับ  อาญาก็คืออาญาที่ต้องจำคุก 5 ปี ส่วนแพ่งคือการชดใช้  เอามาหักล้างกันไม่ได้ ที่สำคัญ อย่ามาเรียกร้องเพราะคุกที่ตัดสินแล้วก็ต้องเป็นคุกตลอดไป" นพ.วรงค์ระบุ
    นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่  1351/2559 ที่มีคำสั่งให้อดีตนายกรัฐมนตรี (น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร) ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีโครงการรับจำนำข้าว จำนวน 35,717,273,028.23 บาท ว่า "คำพิพากษาดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากอดีตนายกรัฐมนตรีได้ใช้สิทธิทางศาล ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ตนเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อศาลมีคำพิพากษาออกมาในทางใดทางหนึ่ง คู่ความอีกฝ่ายก็มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ต่อไปได้ อันเป็นไปตามครรลองของกฎหมายที่มีความเป็นสากลและอยู่บนหลักนิติธรรม ผลของคำพิพากษาที่เป็นธรรมจะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับ
    ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร  ออกคำสั่งทางปกครองเรียกให้อดีตนายกรัฐมนตรีชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จากนั้นบังคับคดีจนมีการขายทอดตลาดทรัพย์สินโดยไม่รอฟังผลของคำพิพากษานั้น หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระทรวงการคลังกระทำไปโดยหวังผลทางการเมืองเพื่อตอบสนองต่อคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่  39/2558 และ 56/2559 โดยไม่ต้องคำนึงถึงผลทางกฎหมายที่จะเกิดขึ้นเพราะหัวหน้า คสช.ได้นิรโทษกรรมไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งหากกระทรวงการคลังตระหนักว่าตนเป็นฝ่ายบริหาร อีกทั้งคำสั่งของตนยังไม่ถึงที่สุดเพราะอาจถูกแก้ไขหรือยกเลิกโดยคำพิพากษาของศาลได้ กระทรวงการคลังก็ควรชะลอการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินออกไปเพื่อรอฟังผลคำพิพากษา ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายเพราะกระทรวงการคลังมีสิทธิจะได้รับดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่ล่าช้าออกไปตามกฎหมาย
    สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้เคารพกระบวนการทางกฎหมายที่มีความเป็นสากลและอยู่บนหลักนิติธรรม ซึ่งจะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายรวมถึงฝ่ายที่ได้รับผลร้ายจากกฎหมายนั้น เพราะการบังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย (Rule by  Law) ที่มิได้อยู่บนหลักนิติธรรม (Rule of Law) เป็นการสร้างบรรทัดฐานที่จะก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคและไม่ยุติธรรม อันนำมาซึ่งการไม่ยอมรับและสร้างความขัดแย้งในสังคมให้ยิ่งเพิ่มมากขึ้น".

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"