เอาแล้ว 'บิ๊กโจ๊ก' ขึ้นศาลฟ้อง ThaiPBS หมิ่นประมาทปมซื้อขายตำแหน่ง


เพิ่มเพื่อน    

8 เม.ย. 64  - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ ThaiPBS โดย นายโยธิน สิทธิบดีกุล ผู้อำนวยการสำนักโทรทัศน์และวิทยุ, นายวราวิทย์ ฉิมมณี และ น.ส.พรวดี ลาทนาดี สองผู้ประกาศรายการข่าวค่ำมิติใหม่ทั่วไทย เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

ฟ้องโจทก์ระบุกรณีรายการมีหัวข้อย้ายบิ๊กโจ๊กกลับ สตช. เนื้อหากล่าวหาโจทก์โดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบการทุจริตซื้อขายตำแหน่ง เรียกรับเงินแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ซึ่งการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการจงใจหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม โดยมีเจตนาให้ประชาชนทั่วไปที่ได้รับฟังข่าวเข้าใจได้ว่า โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ราชการหรือประพฤติมิชอบ เรียกรับเงินในการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ หรือเรียกรับเงินซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 2/2562 ให้โอนย้ายโจทก์เป็นข้าราชการพลเรือนในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ทั้งๆ ที่โจทก์ไม่เคยทุจริตต่อหน้าที่ราชการ หรือเรียกรับเงินเพื่อซื้อขายตำแหน่ง อีกทั้งโจทก์ไม่เคยถูก ป.ป.ช., ป.ป.ท. และ สตง. ตรวจสอบเกี่ยวกับกรณีทุจริตต่อหน้าที่ราชการ หรือประพฤติมิชอบเรียกรับเงินในการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ หรือเรียกรับเงินซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงไม่เคยถูกตั้งกรรมการสอบสวนหรือถูกดำเนินคดีหรือถูกดำเนินการทางวินัยเกี่ยวกับเรื่องการเรียกรับเงินซื้อขายตำแหน่ง ตามที่จำเลยทั้งสามได้หมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการโฆษณาแต่ประการใด

การนำเสนอข่าวของจำเลยทั้งสาม จึงเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่ 3 โดยการโฆษณาด้วยเอกสารและข้อความอันเป็นเท็จทำให้ประชาชนทั่วไป พ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการ ทหารตำรวจข้าราชการพลเรือนสามัญ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับฟังและชมรายการข่าวเข้าใจว่าโจทก์ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริตต่อหน้าที่ อาศัยตำแหน่งหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกประจานและถูกเกลียดชังจากประชาชน ทั้งๆ ที่การที่มีคำสั่งย้ายให้โจทก์ไปปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานนายกรัฐมนตรี โจทก์ไม่ได้กระทำผิดตามที่จำเลยทั้ง 3 นำเสนอข่าวดังกล่าว

โดยตลอดระยะเวลาที่โจทก์รับราชการโจทก์มีความประพฤติดี และเป็นแบบอย่างที่ดีของข้าราชการตำรวจ ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ประกอบคุณงามความดีมาทั้งชีวิต และอุทิศตนเพื่อการทำงานอย่างสุดกำลังความสามารถให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและประเทศชาติมาโดยตลอด โจทก์จะนำเสนอรายละเอียดข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาต่อไป เหตุเกิดทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักร เนื่องจากจำเลยทั้งสามได้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์บนเว็บไซต์ www.facebook.com ผ่านเพจเฟซบุ๊คของจำเลยที่ 1 ทั่วราชอาณาจักร

ขอให้ศาลเรียก จำเลยทั้งสามมาไต่สวนมูลฟ้องและพิจารณาพิพากษาลงโทษ ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยที่ 1 ลบข้อความและสื่ออิเล็คทรอนิกส์ที่เผยแพร่ทั้งหมดที่ได้หมิ่นประมาทโจทก์ในระบบคอมพิวเตอร์ของเว็บไซต์ www.facebook.com บนเพจข่าวค่ำมิติใหม่ทั่วไทย ThaiPBS และ http://www.thaipbs.or.th/ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันลงโฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดในหนังสือพิมพ์รายวันเป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน โดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินค่าโฆษณาและค่าใช้จ่ายทั้งหมด และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันลงโฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดในสื่อออนไลน์ที่เป็นสื่อของจำเลยที่ 1 บนเพจ ข่าวค่ำมิติใหม่ทั่วไทย ThaiPBS


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"