'ไอ้กันวางไข่' มหา'ลัย


เพิ่มเพื่อน    

     วันนี้ "ไม่คุยโควิด"

                ถ้าจะคุยในประเด็นว่า มันจะจบกันเมื่อไหร่ ก็คงต้องคุยยาวต่อเนื่องไปถึงชาติหน้า ก็ยังไม่จบ

            เพราะมันจะไม่หายไปไหน

            มันจะอยู่กับมนุษย์โลกตลอดไป อยู่แบบเชื้อเอดส์ เชื้อไข้หวัดนก เชื้อซาร์ส เชื้อเมอร์ส เชื้ออหิวาต์ ประมาณนั้น

            คือทุกวันนี้ เจ้าไวรัสเหล่านั้นก็ยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหน ยังคอยดักซุ่มโจมตีมนุษย์เราเหมือนเดิม

            ทั้งหยูกยาและวัคซีนที่คิดค้นใช้ปราบ-ใช้สร้างภูมิต้านโรค ก็ยังไม่มีเจ้าไหนทำได้สำเร็จ อย่างดีแค่ปะทะ-ปะทังอาการ

            แต่ทีนี้ นานๆ ไป....

            มนุษย์ตื่นจนหายตื่น กลัวจนหายกลัว เจ้าความตื่นกลัวมันก็เลยแปรสภาพเป็น "กูชินมึง" แล้ว!

            เมื่อไวรัสมันไม่ไป แต่เราก็ยังต้องอยู่ แล้วจะทำไง?

            ด้วยสัญชาตญาณเพื่อความอยู่รอด มนุษย์ก็ต้อง "ปรับการใช้ชีวิต" ตัวเอง เพื่ออยู่กับมันให้ได้แบบเป็นมิตร

            วิธีผูกมิตรกับเจ้าไวรัสทำไง?

            ไวรัสเนี่ย ชาติกำเนิดเป็นเทพ ไม่ชอบคน "ไร้ศีล-ไร้ธรรม" ไม่ชอบคนใช้ชีวิตระเริง สังเกตมั้ย คน "ชีวิตมีกรอบ" โควิดจะไม่ค่อยแตะ

            แต่กับพวกมั่วอบายมุข พวกสำส่อน พวกรับส่วย กินสินบาทคาดสินบน พวกมั่วสุมชุมนุมเริงร่า ไม่สนคำเตือนทางการ

            พวกนี้ จะถูกล้วงคอหอยลงไปกินปอด มากต่อมาก!?

            สรุป ด้วยตรรกะมั่วเฉพาะตัวผม

            ก็ทำใจเถอะแม่จำเนียร!

            นี่มันยุคดิสรัปต์ รักจะอยู่ดูโลกให้มันโศภิน ก็ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบชิลๆ จนชิน ของแต่ละคน เป็นวิถี "หน้ากาก-ล้างมือ-ไม่มั่ว" ไปอีกซักพักใหญ่ๆ

            จนกว่าสังคมโลกและสังคมเรา ฉีดวัคซีนกันครึ่ง-ค่อนโลก จนเกิด "ภูมิต้านทานหมู่" แล้ว นั่นแหละ

            เจ้าไวรัสโควิด มันก็จะ "เป็นมิตร" กับมนุษยชาติ เหมือนกับเชื้อหวัดและอีกร้อยเชื้อที่ร่อนอยู่รอบตัวเรา

            แต่ถ้าเราใช้ชีวิตมัวเมาเกินลิมิตตอนไหน ไม่เจ้าโควิดหรือเจ้าไหนๆ ซักเจ้า มันก็จะ "เช็กบิล" เราตอนนั้นทันที!

            ทำอะไรในภาวะนี้....

            ไม่สู้ "ทำใจ" เชื่อผมเถอะ ถ้าไม่เชื่อ ไปถามนายห้างเต๊กเฮงหยูก็ได้

            นายกฯ ประกาศแล้วเมื่อวาน (๑๖ เม.ย.๖๔) no  lockdown, no curfew, yes mask

            ก็ต้องฟันฝ่าไปด้วยกันอย่างนั้น มาถึงป่านนี้แล้ว ได้-เสียกินด้วยกัน ไม่มีการแอบไปกิน แอบไปฉีดกันแบบมุบมิบ

            หยุดซะทีเถอะ.....

            พวก "อะไรก็ไม่ถูกใจกู" น่ะ สภาวการณ์โควิดกับสังคมที่ต้องดำเนินไปวันนี้

             มันเหมือนหน้าหนาว ตัวคนยาว ๕ ฟุต แต่มีผ้าห่มยาว  ๔ ฟุต จะคลุมโปงให้มิด เอาอุ่นทั้งหัวตัวยันตีน มันเป็นไปไม่ได้

            ก็ต้องเข้าใจ "ภาวะจำทน" งอก่อ-งอขิง เอาสองมือซุกหว่างขาของใคร-ของมัน ให้ผ้าห่มมันพอคลุมจากหัวถึงตีน

            มิดน่ะ อาจจะมิด....

            แต่ก็ต้องทนเมื่อยในท่างอก่ออันยาวนานไปให้ได้ แต่ถ้าใครอยากจะเอาสบายทั้งไม่หนาวและทั้งไม่เมื่อย

            ก็ได้นะ สถานที่อำนวยแบบนั้น เห็นอยู่เหมือนกัน

            "เตาอบ" ตามวัดนั่นไง!

            เชื่อเถอะ เรื่องโควิดนั้น สุดท้ายแล้ว ก็ต้อง "จนได้" เข้าสักวัน แต่พวกเราขออย่าเพิ่งตอนนี้เท่านั้น เป็นปีหน้า เมื่อโลกเข้าภาวะ "ภูมิต้านทานหมู่" แล้ว

            จะติด "โรคสามัญประจำโลก" พอไม่ตกเทรนด์บ้าง จะเป็นไรไป เนอะ!

            เมื่อวาน มีข่าวน่าจะรู้ไว้อยู่ข่าว ผมจะ "เอาข่าวมาเล่า" สู่กันฟัง

            ทำไมเชื้อไวรัส "แดงทักษิณ" จึงไม่หมดไปจากทางอีสานและทางเหนือท่านรู้มั้ย?

            และทำไมจึงฟักตัวในอีสานชนิดฝังราก-ฝังลึก?

            นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำตอบ ข่าวแพร่ไปทั่วแล้ว แต่จะคัดมาให้อ่านจากข่าวที่ว่อนโซเชียล

            Young Pride Club

            UPDATE:ตำรวจได้เข้ากดดันมหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้เลิกจ้าง ดร.เดวิด สเตร็คฟัสส์ ผู้ก่อตั้งเพจกระจายข่าวสาร  The Isaan Record และให้มีผลวีซ่าสิ้นสุดในทันที

            โดยรายละเอียดทางต้นโพสต์ ได้แจ้งว่า ดร.เดวิด สเตร็คฟัสส์ David Streckfuss ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ The Isaan  Record

            และอดีตผู้อำนวยการโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา  CIEE ที่เป็นโครงการร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น มากว่า  27 ปี

            ได้รับแจ้ง "ยกเลิกการจ้างงาน" โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลให้วีซ่าสิ้นสุดลงในวันที่ 18 มีนาคมนี้

            โดยทางมหาวิทยาลัยอ้างว่า....

            มีตำรวจจาก สภ.ขอนแก่น มากดดันอธิการบดีและคณบดี ตำรวจอ้างว่า ดร.เดวิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง

            หลังจากนั้น ทาง The Isaan Record ที่บริหารงานโดย  บมจ.บัฟฟาโล่ เบิร์ด โปรดักชั่นส์ ได้ว่าจ้าง ดร.เดวิด ในฐานะผู้ประสานระหว่างประเทศและยื่นขอ Work Permit ถูกต้องตามกฎหมาย

            ขณะนี้ ติดอยู่ที่ขั้นตอนของตรวจคนเข้าเมืองภาค 4 ที่ส่งทีมสอบสวนมาสอบปากคำพนักงานบริษัทแล้วถึง 3 รอบ  แต่ก็ไม่มีวี่แววว่า จะได้รับคำตอบ.....ฯลฯ......

            "ผู้จัดการออนไลน์" รายงานข่าวไว้ตอนหนึ่งว่า

            ..............ว่า ขณะนี้ "นายเดวิด สเตร็คฟัสส์" อดีต CIA  ชาวอเมริกัน ที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ในไทย ฝังตัวในภาคอีสาน

                โดยเลือก ม.ขอนแก่น เป็นฐานที่มั่น เพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่างยาวนานกว่า 30 ปี ตำแหน่งล่าสุด เป็น "ผู้อำนวยการศูนย์แลกเปลี่ยนการศึกษาระหว่างประเทศ" ม.ขอนแก่น

                ได้ถูกทางการไทย "ยกเลิกวีซ่า" แล้ว

                ด้วยเหตุผล เพื่อความมั่นคงของชาติ และความมั่นคงของสถาบันเบื้องสูง

                "นายเดวิด สเตร็คฟัสส์" อดีต CIA ชาวอเมริกัน เป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่เคลื่อนไหวต่อต้านการมีกฎหมายมาตรา 112  ของไทยมาอย่างต่อเนื่อง

                เป็นที่รู้จักดีของบรรดา NGO's ในพื้นที่ภาคอีสานและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน

                อีกทางหนึ่ง.......

                นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าว โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า David Streckfuss บอกผมว่า ถูกระงับใบอนุญาตทำงาน (work permit) กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น หลังอยู่เมืองไทยมา 35 ปี (แต่งงานกับคนไทย-ลูกสอง)

                นอกจากนี้ยังพบว่า.....

                นายเดวิด ก็คือ CIA ภาคพลเมือง อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวในการล้มสถาบันในภาคอีสาน อยู่เบื้องหลังไผ่  ดาวดิน

                เดวิด สเตร็คฟัสส์ เป็นคนขอทุนจาก NED ให้กลุ่มอีสานเรคคอร์ด

                ในปี 2563 อีสานเรคคอร์ด ได้รับเงินจาก NED มาเพื่อดำเนินกิจกรรม คิดเป็นมูลค่า 1.4 ล้านบาท

                ครับ.....

            นี่คือเนื้อหาที่ผม "หยิบจากข่าว" แหล่งต่างๆ มาเล่าต่อ  เมื่อทราบอย่างนี้ คงหายสงสัยกันกระมัง

            ว่าทำไมนักศึกษา-อาจารย์ส่วนหนึ่งของ ม.ขอนแก่น จึงต่อต้านนายกฯ ประยุทธ์เรื่อยมาตั้งแต่ยิ่งลักษณ์ตกเก้าอี้ จนถึงยุคสามสัสมุ่ง "ล้มเจ้า"

            นักศึกษา ม.ขอนแก่นส่วนหนึ่ง ก็ประสานแผนปฏิบัติการล้มเจ้าเข้มข้นต่อๆ มา!

            เมื่อสาวลึกลงไปจากเจ้า "สเตร็กฟัสส์" อดีต CIA ที่พรางตัวในคราบนักวิชาการอยู่ใน ม.ขอนแก่น

            ก็คือ "ขบวนการอเมริกัน" ที่รัฐบาลส่งเข้ามาเป็น "หนอนบ่อนไส้" ประเทศ โดยทำหน้าที่เสี้ยมให้คนไทย "เกลียดชาติ-เกลียดสถาบัน" แล้วเข้าห้ำหั่นกัน อย่างที่ทำในอีกหลายๆ ประเทศ

            "แดง นปช.ระบอบทักษิณ" รัฐบาลสหรัฐฯ โดยสถานทูตสหรัฐฯ ในไทย เดินสายสนับสนุนทั้งที่แจ้งและที่ลับมาตลอด

            ไปถาม "ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์" หรือ "แรมโบ้ อีสาน" อดีตแกนนำ นปช.ดูก็ได้

            ถาม "อานนท์ แสนน่าน" เลขาฯ หมู่บ้านคนเสื้อแดง

            ถาม "ขวัญชัย-นางอาภรณ์ ไพรพนา" ประธานชมรมคนรักอุดรฯ

            ถาม ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหะสุริยะ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดงอุดรธานี  

                ถามวิชัย สามิตร และ นางเกสร บุดดา อดีตแกนนำคนเสื้อแดงของ จ.หนองบัวลำภู

            ว่าจริงมั้ย.....

            คณะเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง สถานเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำไทย  

            เดินสายไปพบ ไปประสานงาน ไปลูบหลัง-ลูบไหล่ ไปสุมหัวตุ้มโฮมกันถึงแหล่งแดงชุมนุมตลอด

            แล้ววันนี้ จะแดง-จะส้มระบอบทักษิณ มันก็สามนิ้ว-สามสัส ในขบวนการชักใยไอ้กันในคราบ NED คราบ CIA ภาคพลเมืองต่อเนื่อง-เนื้อเดียวกันนั่นแหละ

            แล้วเจ้า CIA สเตร็กฟัสส์ .....

            ถ้ามิใช่ตัวแกนไอ้กันชักใยในหมู่จาน'มหาลัยและนักศึกษา แล้วมันจะเป็นหมาตัวไหนล่ะ?

            จบดีกว่า เขามาบอกว่าดึกแล้ว!   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"