
จังหวัดอยุธยา หรือชื่อเต็มว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองหลวงในอดีตของราชอาณาจักรสยาม ซากปรักหักพังที่หลงเหลือในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา เป็นเครื่องยืนยันและเตือนใจว่าที่นี่เป็นรากฐานของคนไทยในปัจจุบัน เพราะมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญา บางอย่างที่เห็นอยู่ในทุกวันนี้ ได้รับการถ่ายทอดส่งต่อมาจากสมัยอยุธยา ไม่ว่าจะเป็นศิลปวัฒนธรรม ภาษาพูด องค์ความรู้ต่างๆ รวมทั้งอาหารการกิน คนกรุงเก่าหรือคนอยุธยา ได้นำติดตัวมายังสมัยรัตนโกสินทร์ และสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน
ในแง่การท่องเที่ยว แม้อยุธยา จะมีจุดเด่นของความเป็นอุทยานประวัติศาสตร์มรดกโลก แต่อีกสิ่งหนึ่งที่แฝงตัวในชีวิตประจำวันคนกรุงเก่านั้นก็คือ “อาหารการกิน” หรือที่เรียกว่า”อาหารไทยโบราณ” ซึ่งกลายเป็นสิ่งหายาก หาไม่ได้ในจังหวัดอื่นในประเทศไทย ยังเป็นเสน่ห์ ที่เชิญชวนให้ผู้คนไปสัมผัสลิ้มลอง ซึ่งไม่ใช่เป็นแค่การสัมผัสแค่สายตาหรือการมองเห็นเท่านี้น แต่เป็นการลิ้มรสอาหารโบราณเหล่านี้ด้วย
จากมุมมองดังกล่าว ทำให้มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จึงร่วมกับสถาบันอาศรมศิลป์ ได้ทำโครงการวิจัย พลิกฟื้นการท่องเที่ยวอาหารเชิงวัฒนธรรม หัวข้อ”อยุธยาเมืองท่าแห่งอุษาคเนย์” เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ด้านวัฒนธรรมอาหารอยุธยาเมืองท่าแห่งตะวันออก

รศ. ดร.พรรณี สวนเพลง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต บอกเล่าที่มาของการวิจัยว่า โครงการวิจัยมีเป้าประสงค์เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเที่ยวด้านวัฒนธรรมอาหารของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้เป็นที่รู้จัก และรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องอาหารการกิน โดยนำอาหารไทยโบราณหาทานยากมาเป็นจุดขาย ผสมผสานกับการเรียนรู้เรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ผ่านการดำเนินโครงการ 2 ส่วนหลัก ได้แก่โครงการการค้นหาต้นแบบวัฒนธรรมอาหารและพัฒนาสำรับอาหารอยุธยาเมืองท่าแห่งตะวันออกที่มีตนเป็นหัวหน้าโครงการ โดยลงพื้นที่ศึกษาภูมิวัฒนธรรมและภูมิปัญญาอาหารอยุธยา ถอดรหัสภูมิปัญญาสำรับอาหารอยุธยาและพัฒนาสำรับอาหารกรรมวิธีโบราณดั้งเดิม 5 ชนิด คือ ต้มยำน้ำข้น ทอดมันกุ้ง มัสมั่น ข้าวบุหรี่ (ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ)

มีไฮไลท์สำคัญที่จะต่อยอดส่งออกขายและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของฝากชนิดใหม่ของพระนครศรีอยุธยา คือ “ขนมหินฝนทอง” ซึ่งเป็นขนมหวานหาทานยาก หน้าตาคล้ายกับหินฝนทองที่คนโบราณใช้ทดสอบทองคำว่าเป็นทองแท้หรือไม่ มีรสหวาน หอม ละมุนลิ้น คนโบราณนิยมพกติดตัวไปเวลาเดินทางไกลหรือเวลาออกรบ เพราะเก็บไว้รับประทานได้นาน 1-2 เดือน
และเมื่อเร็วๆนี้ คณะผู้วิจัยร่วมกับสถาบันอาศรมศิลป์จัดกิจกรรม “The Legendary Food Culture of Ayutthaya” วัฒนธรรมอาหารในตำนานศรีอโยธยาเมืองท่าแห่งอุษาคเนย์แผ่นดินทองแห่งความรุ่งเรืองบนรากฐานพหุวัฒนธรรมต้นตำรับสยาม “วิเทศศาสตร์ โภชนศิลป์”ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินโครงการวิจัย“การยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ด้านวัฒนธรรมอาหารอยุธยาเมืองท่าแห่งตะวันออก” ที่ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ(บพข.) สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมโครงการวิจัย หรือ อว.

นอกจากนี้ ในการทำกิจกรรม ได้มีตัวแทนบริษัทนำเที่ยว อาทิ บริษัท เดสทิเนชั่น เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท อยุธยา โบ๊ท แอนด์ ทราเวล จำกัด บริษัท Green Wood Travel Blogger Page หมีเป็ดและนักท่องเที่ยวทั่วไป ได้ร่วมกิจกรรมการทำขนมหินฝนทอง ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารอยุธยาเมืองท่าแห่งตะวันออก และนำกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารเสนอขายเป็นโปรแกรมการท่องเที่ยวใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และสามารถนำไปสู่การสร้างกิจกรรมเพื่อรองรับการท่องเที่ยวหลังเปิดประเทศได้

“ผลงานวิจัยนี้นับเป็นองค์ความรู้ที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่นำวัฒนธรรมอาหาร มาใช้ประโยชน์ถ่ายทอดสู่ชุมชน ก่อให้เกิดผลลัพธ์ การสร้างงาน สร้างอาชีพของคนในชุมชน และรองรับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในยุควิถีชีวิตปกติใหม่ รวมถึงนำไปสู่การขยายผลและเป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนและยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมาอาหารไทยสู่การเป็น ASEAN Gastronomy Region” รศ.ดร.พรรณีเน้นย้ำถึงประโยชน์โครงการวิจัย
ขณะที่โครงการ “การถอดรหัสภูมิปัญญาวัฒนธรรมและออกแบบพื้นที่เกี่ยวเนื่องวัฒนธรรมอาหารอยุธยาเมืองท่าแห่งตะวันออกเพื่อยกระดับสู่การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์” นำทีมโดย อ.อภิรดี อานมณี จากสถาบันอาศรมศิลป์ ซึ่งลงพื้นที่ศึกษาร่องรอยลักษณะทางกาย ภูมิสังคม วิถีชีวิตที่เชื่อมโยงกับการกินนำมาสู่การอนุรักษ์รูปแบบครัวโบราณ และพื้นที่ที่เกี่ยวเนื่องกับวัฒนธรรมอาหาร รวมถึงส่งเสริมบรรยากาศให้เกิดการเรียนรู้ เข้าใจถึงคุณค่าและกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยายสามารถนำองค์ความรู้ด้านงานออกแบบไปประยุกต์ใช้ในการตกแต่งบรรยากาศโรงแรม ร้านอาหาร จะได้สะท้อนความเป็นความเป็นไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา

คณะวิจัยได้จัดการทดสอบกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ด้านวัฒนธรรมอาหารโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพระนครศรีอยุธยานำทีมผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและตัวแทนบริษัทนำเที่ยวชั้น 10 แห่งร่วมลงพื้นที่ เพื่อจัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร เน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติบนรูปแบบการท่องเที่ยววิถีใหม่ โดยคัดเลือกกิจกรรมในพื้นที่ที่มีศักยภาพและมีความโดดเด่นเชื่อมโยงกับเรื่องราวเชิงวัฒนธรรมอาหาร

กิจกรรมที่เชิญชวนนักท่องเที่ยวให้เข้าร่วม ที่น่าสนใจ ก็คือ เดินจ่ายตลาด ณ ตลาดหัวรอ ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา การเยี่ยมชมครัวโบราณบ้านเกาะเรียน และเลือกซื้อขนมตระกูลทองบ้านป้ามะลิ การรับประทานอาหารโบราณกรุงศรีอยุธยาที่ร้านครัวท่าหลวง การทำขนมหินฝนทอง และปิดท้ายด้วยการล่องเรือชมความงามรอบเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา
การไปเยือน”อยุธยา” ที่แสนจะใกล้กรุงเทพครั้งต่อไป เราอาจจะไม่ได้แค่ไปดื่มด่ำ เมืองในประวัติศาสตร์ ที่รำลึกถึงอดีตรากเหง้าคนไทยเท่านั้น แต่อาหารการกินของที่นี่ที่มีมาแต่โบราณหลายร้อยปี ก็จะทำให้เราได้ซาบซึ้งกับความเป็นไทยได้มากยิ่งขึ้น


ข่าวที่เกี่ยวข้อง
🛑LIVE เสียงของคน 'เมืองหลวง' ด่านอรหันต์ พลิกเกม ปชป. | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568
มังกรผงาด..มหาอำนาจเศรษฐกิจโลก!? | ห้องข่าวไทยโพสต์สุดสัปดาห์
ห้องข่าวไทยโพสต์สุดสัปดาห์ : วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม 2568
'พิเชษฐ' นำ 'พรรควิชชั่นใหม่' เปิดตัว ชูการเงินไร้ดอกเบี้ย ปักธงทางเลือกใหม่
พรรควิชชั่นใหม่เปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการ พร้อมแถลงนโยบายหลัก 4 ด้าน ชูแนวคิดเศรษฐกิจมนุษย์ และการเงินไร้ดอกเบี้ย เป็นหัวใจสำคัญทางเศรษฐกิจ เปิดตัว ธงรบ ด่านอำไพ และ พิเชษฐ สถิรชวาล เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ประกาศความพร้อมลงสู้ศึกเลือกตั้งในฐานะทางเลือกใหม่ของประเทศ
'อภิสิทธิ์' ชวนคนไทยเลิกทน ร่วมกันล้างบาง 'ปัญหาสีเทา' เตรียมแถลงเปิดแคมเปญใหญ่
หัวหน้าพรรคปชป. ชี้ปัญหาเชิงโครงสร้างเหล่านี้มีรากเหง้ามาจากการทุจริตคอร์รัปชัน และระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศ
'รทสช.' เตรียมเปิดตัว แคนดิเดตนายกฯ-นโยบายพรรคชุดแรก 22 ธ.ค.นี้
พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เตรียมแถลงเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และนโยบายชุดแรก ในวันที่ 22 ธ.ค.68 เวลา 13.00 น. ณ ที่ทำการพรรค

