
โดยจับมือร่วมกับ16 องค์กรคิกออฟ เครือข่าย All for Education สร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษา
28 ต.ค.2564- ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) – กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ร่วมกับ ศธ. และองค์กรภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน แถลงข่าวความร่วมมือ ALL FOR EDUCATION ร่วมสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษา รวมพลังฟื้นฟูประเทศไทย มีเครือข่ายเข้าร่วมก่อตั้งมากกว่า 16 องค์กร โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.)
นางสาวตรีนุช กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังฟื้นตัวเพื่อก้าวไปข้างหน้า การศึกษาเป็นหนึ่งในโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะส่งผลกระทบโดยตรงกับเด็กและเยาวชน อนาคตของชาติหลายล้านคน รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการในการบรรเทา ป้องกัน หรือฟื้นฟูที่เข้มข้นเพียงพอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจะสูงขึ้นหรือมีเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษาเพิ่มขึ้น โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ เงินเยียวยาผู้ปกครองและนักเรียน ในสถานศึกษาของรัฐและเอกชน จำนวน 10.8 ล้านคน รวมเป็นเงินประมาณ 21,600 ล้านบาท เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่ยั่งยืน ต้องทำให้เกิดการปฏิรูประบบได้อย่างแท้จริง ซึ่งหนึ่งในกลไกสำคัญ คือ การพัฒนางานร่วมกับ กสศ. ริเริ่มระบบหลักประกันโอกาสทางการศึกษา เพื่อให้เด็กและเยาวชนทุกคน ได้เรียนต่ออย่างเต็มศักยภาพ ไม่หลุดออกนอกระบบ โดยมีตัวอย่างมาตรการสำคัญ คือ โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไขของโรงเรียนสังกัด สพฐ. เพื่อให้เกิดผลลัพธ์มุ่งตรงกลุ่มเป้าหมายที่ยากจนที่สุดร้อยละ 15 ของประเทศ โดยในภาคเรียนที่ 1/2564 ที่ผ่านมา สามารถช่วยเหลือนักเรียนในสถานศึกษาสังกัดสพฐ. จำนวน 1,208,367 คนไม่ให้หลุดออกจากระบบการศึกษา และยังมีมาตรการพิเศษ เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนช่วยเหลือนักเรียนทุนเสมอภาคช่วงชั้นรอยต่อ (อนุบาล 3, ป.6, ม.3) ในสถานการณ์โควิด-19 ให้ได้ศึกษาต่อในระดับชั้นที่สูงขึ้น จำนวน 294,454 คน
นอกจากนี้ ศธ.และ กสศ. ยังพัฒนาระบบฐานข้อมูลเพื่อดูแลและส่งต่อนักเรียน ครอบคลุมทุกมิติ เชื่อมโยงการทำงานอย่างมีส่วนร่วม รวมถึงระบบดูแล เฝ้าระวัง และส่งต่อเด็กวัยเรียนในครัวเรือนยากจน และด้อยโอกาสให้คงอยู่ในระบบการศึกษา ซึ่งจะดำเนินการครบวงจรครอบคลุมทั้ง 225 เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศในปีการศึกษา 2565
“ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษานั้นเป็นปัญหาขนาดใหญ่ และการแก้ปัญหาที่อาศัยกลไกภาครัฐแต่เพียงลำพัง ย่อมไม่สามารถจัดการให้หมดไปได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ด้วยแนวคิด “ปวงชนเพื่อการศึกษา” หรือ “All for Education” ขอเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมแบ่งปันความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และทรัพยากรที่มีร่วมกัน เพื่อสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษา ให้แก่เด็กยากจนด้อยโอกาส เพราะในวันนี้เราไม่สามารถ ทิ้งเด็กคนไหนไว้ข้างหลังได้อีกแล้ว และนี่คือเวลาของการปฏิรูปเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา”รมว.ศธ. กล่าว
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า วันนี้มิใช่งานที่จัดขึ้นเพื่อแสดงความยินดีต่อเม็ดเงินบริจาคที่รวบรวมได้ แต่เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ และความเป็นผู้นำของท่านผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยเฉพาะในวิกฤต โควิด-19 วันนี้ รัฐมนตรีทั้ง 3 ท่านได้แสดงให้สังคมไทยได้เห็นว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นลำดับต้น เป็นบาทแรก และได้กรุณาเสียสละเงินเดือนของท่านเป็นเวลา 3 เดือนเพื่อช่วยเหลือสนับสนุน และยังถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเกิดขึ้นของเครือข่าย ALL FOR EDUCATION ร่วมสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษาจากความร่วมมือของทั้ง 16 องค์กร ทั้งภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
“กสศ.ได้พัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา Information System for Equitable Education หรือ iSEE เชื่อมโยงระบบสารสนเทศของเด็กเยาวชนรายบุคคลมากกว่า 10 ล้านคนจากสำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สพฐ. กระทรวงมหาดไทย กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และ กสศ. เพื่อแสดงข้อมูลสารสนเทศให้สังคมมองเห็นสถานการณ์ความเสมอภาคทางการศึกษาในรายพื้นที่ ครอบคลุมสถานศึกษามากกว่า 30,000 แห่ง ใน 3 สังกัดทั่วประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการชี้เป้าและการรายงานผลการสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการช่วยเหลือด้วยทรัพยากรจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชน เพื่อยกระดับการทำงานจากการเยียวยา สู่การจัดการเชิงระบบที่ยั่งยืนเพื่อสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษาจากพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน”ประธานคณะกรรมการ กสศ.กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นฤมล' ยันดูแล 'นร.-ครอบครัว' ประสบภัยน้ำท่วมสำคัญสุด เร่งฟื้นฟูโรงเรียนทุกแห่ง กลับสู่ภาวะปกติ
‘รมว.นฤมล’ ลุยฟื้นหาดใหญ่หลังน้ำลด สั่งเร่งกู้โรงเรียนเสียหายหนัก ตั้ง 50 ศูนย์ Fix It ช่วยซ่อมของประชาชนกว่า 1 หมื่นคัน ย้ำ จะเคียงข้าง ปชช.จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ
'นฤมล' ลงพื้นที่ จ.พัทลุง ขับเคลื่อน 'เรียนดี มีคุณธรรม' แก้หนี้ครู 1 แสนล้าน
รมว.ศึกษาธิการ ลงพื้นที่จังหวัดพัทลุง ตรวจเยี่ยมการศึกษาในพื้นที่ โดยได้เดินทางไปยังวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุงตรวจเยี่ยมการจัดการศึกษาตามนโยบาย เรียนดี มีคุณธรรม
ยิ่งชี้แจงยิ่งไม่เข้าใจ! อ.ปริญญา แนะ 'รมว.ศธ.' แก้คำสั่ง 'ดนตรี' เป็นกิจกรรมเรียนรู้ ไม่ใช่รื่นเริง
อ.ปริญญา ระบุฟังการชี้แจงของ รมว.ศึกษาธิการแล้วเหมือนจะดีขึ้น ก็กลายเป็นหนักเข้าไปอีก
ปลัดศธ. แจงยิบเข้าค่ายลูกเสือ กีฬาสี บอลจตุรมิตรจัดได้ งดแค่เลี้ยงส่ง-สังสรรค์ศิษย์เก่า-แสดงดนตรี
‘ปลัด ศธ.’ แจง ปมงดกิจกรรมรื่นเริงในโรงเรียนช่วงไว้ทุกข์ 1 ปี ชี้ กิจกรรมกีฬาสี กิจกรรมเสริมทักษะทางวิชาการของนักเรียน หรือแม้กระทั่งกิจกรรมลูกเสือ สามารถทำได้ตามปกติ รวมถึงฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี
ผวาวุ่น! พี่ดี้ สะกิด 'นายกฯอนุทิน' เปลี่ยนคำสั่ง ศธ. แบบเด็ดขาดแต่ตื้นเขิน มีผลกระทบต่อเยาวชน
ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลงชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมหนังสือคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเนื้อหาหลักคือการสั่งให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาและสถานศึกษาทุกแห่ง งดจัดงานที่มีบรรยากาศรื่นเริงทุกประเภทเป็นเวลา 1 ปี
‘รมว.นฤมล’ นำ ศธ.วางพวงมาลา บำเพ็ญกุศลถวายรัชกาลที่ 5 น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณเนื่องในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ เนื่องในวันปิยมหาราช พุทธศักราช 2568


