
พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 1% ต่อปี เบี้ยปรับลดเหลือ 0.5% ต่อปี ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน เพิ่มให้กู้ยืมหลักสูตรระยะสั้น เพื่อ Reskill Upskill พร้อมเปลี่ยนลำดับตัดชำระจากเดิม เป็นตัดต้นเงินเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ
23 มี.ค.2566-นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เปิดเผยว่า“ขณะนี้พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป มีสาระสำคัญคือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 1% ต่อปี กรณีผิดนัดชำระลดอัตราเบี้ยปรับเหลือไม่เกิน 0.5% ต่อปี และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในทุกกรณี นอกจากนี้ กองทุนยังขยายโอกาสให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนให้เข้าถึงการศึกษาที่หลากหลายในหลักสูตรระยะสั้นเพื่อ Reskill Upskill ครอบคลุมหลักสูตรอาชีพ เพื่อยกระดับทักษะ สมรรถนะ เสริมทักษะเฉพาะทางสำหรับวิชาชีพต่างๆ ทั้งนี้ จะสามารถช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีหรืออยู่ระหว่างการบังคับคดีให้สามารถผ่อนผันการชำระเงินคืน ปรับโครงสร้างหนี้ หรือแปลงหนี้ใหม่ ตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด
นอกจากนั้น หลักเกณฑ์สำคัญที่มีการปรับเปลี่ยนตาม พ.ร.บ. กยศ. (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 คือ ลำดับการตัดชำระหนี้ใหม่ ซึ่งกำหนดให้นำเงินที่ผู้กู้ยืมเงินชำระไปหักต้นเงินเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใด และเงินเพิ่มตามลำดับ ปัจจุบันกองทุนอยู่ระหว่างปรับปรุงระบบการตัดชําระหนี้เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ เมื่อระบบเสร็จสมบูรณ์แล้วกองทุนจะนำยอดรับชำระเงินทุกรายการตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 มาคำนวณการรับชำระใหม่อีกครั้งและปรับข้อมูลให้ถูกต้อง โดยจะนำเงินที่ได้รับมาหักต้นเงินเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใดและเงินเพิ่มตามลำดับ และจะคำนวณเบี้ยปรับใหม่ จากเดิม 7.5% เหลือเพียง 0.5% ซึ่งผู้กู้ยืมเงินจะไม่เสียสิทธิอันพึงได้ตามกฎหมายหรือได้รับผลกระทบใดๆ
ในส่วนของการให้กู้ยืมในปีการศึกษา 2566 กองทุนได้จัดเตรียมวงเงินกู้ยืมกว่า 40,000 ล้านบาท สำหรับนักเรียน นักศึกษากว่า 6 แสนราย ทั้งนี้ กองทุนจะเป็นหลักประกันให้กับทุกครอบครัวว่าเด็กทุกคนที่เกิดมาในประเทศนี้จะมีโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันทุกคน เพราะความยากจนจะไม่ใช่อุปสรรคในการเข้าถึงการศึกษาอีกต่อไป” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวในที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวดี กยศ. ปรับหนี้รอบสองอีก 4.3 แสนบัญชี
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) คำนวณยอดหนี้ใหม่สำหรับผู้กู้ยืมเงินเพิ่มอีกจำนวนกว่า 430,000 บัญชี โดยจะแสดงยอดหนี้ทางแอปพลิเคชัน กยศ. Connect ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
กยศ. ปรับยอดหนี้ใหม่กว่า 5.5 แสนบัญชี เปิดทางผู้กู้ลงทะเบียนขอเงินคืน
กยศ. ได้ดำเนินการคำนวณยอดหนี้เริ่มจากกลุ่มผู้กู้ยืมเงิน จำนวน 556,000 บัญชี เป็นกลุ่มแรก ซึ่ง กยศ. ได้ตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยโดยจะแสดงยอดหนี้ทางแอปพลิเคชัน กยศ. Connect ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
เร่ง กยศ. ทวงหนี้ 3.5 ล้านราย ครบกำหนด 5 ก.ค. ชวนรุ่นพี่คืนเงินต่ออนาคตรุ่นน้อง
รองโฆษกรัฐบาลเผย กยศ. เดินหน้าเร่งรัดหนี้ผู้กู้ 3.5 ล้านราย ส่ง SMS-แจ้งเตือนผ่านแอปครบทุกช่องทาง ก่อนครบกำหนดชำระ 5 ก.ค.นี้ หวังเงินคืนจะช่วยต่อโอกาสทางการศึกษาให้รุ่นน้องกว่า 7.1 ล้านคน
ลูกหนี้ กยศ. ตรวจสอบสิทธิด่วน! หากจ่ายเกิน ลงทะเบียนขอรับเงินคืน
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ากองทุนกู้ยืมเพื่อก
'ปชน.' รุมไล่บี้ 'กยศ' หักเงินเพิ่ม 3 พัน แรงงานเดือดร้อนหนัก
'สส.ประชาชน' โวย 'กยศ.' หักเงินเพิ่ม 3 พันบาท กระทบแรงงาน ทำคนติดหนี้นอกระบบเพิ่ม ซัดทำงานไร้ประสิทธิภาพ ไม่มี 2 พันล้าน คืนกลุ่มปรับโครงสร้างหนี้ใช่หรือไม่


