
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนาวิชาการ Chula the Impact ครั้งที่ 17 เรื่อง “ความก้าวหน้านวัตกรรม เซลล์บำบัดมะเร็ง CAR-T cell: โอกาสใหม่ของผู้ป่วยมะเร็งของไทย” ร่วมกับมหาวิทยาลัยนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนาการวิจัยรักษาผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชาวไทยด้วยนวัตกรรมเซลล์บำบัด CAR-T cell สำเร็จ

นพ.กรมิษฐ์ ศุภพิพัฒน์ หัวหน้าหน่วยวิจัยเซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัด ศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า โดยปกติแล้วการรักษามะเร็งในผู้ป่วย แพทย์จะใช้การรักษาโดยยาเคมีบำบัด แต่การรักษาด้วยนวัตกรรมเซลล์บำบัดมะเร็ง CAR-T cell ต้องผลิตจากเซลล์ของผู้ป่วย ซึ่งนวัตกรรมนี้เป็นวิธีการรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดรูปแบบหนึ่ง โดยการนำเอาเม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ของผู้ป่วยมาดัดแปลงพันธุกรรมให้จำเพาะกับเซลล์มะเร็ง และเพิ่มจำนวนให้มากพอภายนอกร่างกาย ซึ่งจะทำในห้องปฏิบัติการปลอดเชื้อพิเศษ เพื่อให้มีจำนวนมากเพียงพอ จากนั้นจะฉีดกลับเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วย เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งในร่างกายของผู้ป่วย โดยการรักษาวิธีนี้ได้ผลดีมากในมะเร็งในระบบเลือด โดยเฉพาะมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่ง CAR-T cell นี้มีประสิทธิภาพสูงถึง 50 – 80% ในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาใดๆ ที่มีในปัจจุบันแล้ว อย่างเคสวิจัยทางคลินิกช่วงแรกๆมีผู้ป่วยอายุ 8 ขวบ ซึ่งเป็นมะเร็งเลือดชนิดบีเซลล์ และได้รับการรักษาแบบCAR-T cell เพียง 1 ครั้ง ปัจจุบันผู้ป่วยอายุ 18 ปี หายจากโรคและสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ทำให้นวัตกรรมนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นวิธีการรักษามาตรฐานสำหรับโรคมะเร็งทางระบบเลือดแล้วทั้งในอเมริกาและยุโรป
แต่ด้วยข้อจำกัดในการรักษาด้วยCAR-T cell นี้มีค่าใช้จ่ายต่อการรักษา 1 ครั้งสูงถึง 15 – 20 ล้านบาท โดย 60% คือ ต้นทุนในการดัดแปลงพันธุกรรมเซลล์ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งนับเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อในการเข้าถึงการรักษาของผู้ป่วยในไทย ทางกลุ่มวิจัยจึงมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมนี้ให้เกิดขึ้นจริงในไทย ดังนั้น สิ่งแรกที่จะต้องทำการผลิตเซลล์ขึ้นมาได้เอง เริ่มจากจัดตั้งศูนย์การผลิตเซลล์และยีนบำบัดที่ทันสมัยขึ้น และทำให้วิธีการผลิตมีต้นทุนที่ถูกลง เพื่อให้การรักษาเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนในไทย โดยมีความร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดัดแปลงพันธุกรรมของทีเซลล์ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ในการพัฒนาระบบคุณภาพสำหรับควบคุมการผลิต เพื่อการผลิต CAR-T cell ที่มีคุณสมบัติ ตามมาตรฐานสากลขึ้นได้เองในไทยการผลิต CAR-T cell โดยอาศัยพาหะไวรัส (viral vector) รพ.จุฬาฯนับเป็นสถานที่ผลิตเซลล์ภายในสถานพยาบาลแห่งแรกที่ได้รับการรับรองจากอย.

ทั้งนี้ในการดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อใช้ในมนุษย์ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ CAR-T cell มีต้นทุนสูงมากทางกลุ่มวิจัยจึงได้ร่วมมือกับคณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ที่กำลังศึกษาวิจัยการผลิต CAR-T cell โดยไม่ใช้ไวรัส ด้วยเทคโนโลยี PiggyBac Transposon คือ การใช้สารพันธุกรรมที่ถูกห่อหุ้มด้วยเทคโนโลยี PiggyBac Transposon และใช้กระแสไฟฟ้ายิงสารพันธุกรรมนี้เข้าไปในเซลล์ เพื่อให้เซลล์เกิดการดัดแปลงพันธุกรรมเรียนรู้มะเร็ง เหมือนกับวิธีการที่ใช้ไวรัสเข้าไปเป็นพาหะ ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงถึง 10 เท่า จนในที่สุดทางกลุ่มวิจัยประสบผลสำเร็จในการปรับปรุงกระบวนการและทดสอบการผลิต CAR-T cell แบบที่ไม่ใช้ไวรัส จากเลือดของผู้ป่วยอาสาสมัครชาวไทย นำไปสู่ความร่วมมือในการวิจัยทางคลินิกต่อไป

ด้าน Prof. Yoshiyuki Takahashi, MD, PhD หัวหน้าภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ทีมวิจัยของนาโกย่าได้พัฒนาวิธีการผลิต CAR-T cell โดยไม่ใช้ไวรัสเป็นพาหะในการดัดแปลงพันธุกรรม โดยเทคโนโลยี piggyBac transposon เป็นพาหะ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายกว่า และมีต้นทุนต่ำกว่าการใช้ไวรัสมาก เมื่อปี 2561 มหาวิทยาลัยนาโกย่า ได้ทำข้อตกลงร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสนับสนุนการวิจัยและรักษามะเร็งด้วย CAR-T cell ให้เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย โดยการสนับสนุน piggyBac Transposon สำหรับการผลิต CAR T cell เพื่อดำเนินการทำวิจัยทางคลินิกในผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งในขณะนี้การวิจัยทางคลินิกในไทยยังคงเดินหน้าต่อไป และมีความปลอดภัยในการใช้รักษาผู้ป่วย
Prof. Yoshiyuki กล่าวต่อว่า ทางประเทศญี่ปุ่นเองก็ได้เริ่มดำเนินการวิจัยทางคลินิกด้วยนวัตกรรม CAR-T cell ในผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดบีเซลล์ในเบื้องต้นได้ผลดีมาก และกำลังจะเริ่มงานวิจัยทางคลินิกในมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่มีการกลับมาเป็นซ้ำหรือดื้อต่อการรักษา นำโดยมหาวิทยาลัยนาโกย่าร่วมกับโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยฮอกไกโด โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกียวโต โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยคิวชู โรงพยาบาลศูนย์โรคมะเร็งแห่งชาติภาคตะวันออก นอกจากนี้เรายังมีความมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม CAR-T cell ให้เกิดขึ้นในประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้มีผู้ป่วยเข้าถึงนวัตกรรมนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ผศ.นพ.อุดมศักดิ์ บุญวรเศรษฐ์ หัวหน้าสาขาวิชาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวเสริมในส่วนของการวิจัยว่า ในการรักษาด้วยวิธี CAR-T cell จะเห็นว่าส่วนใหญ่จะรักษาลูคีเมียและเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก ซึ่งทางรพ.จุฬาฯ ก็ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยในกลุ่มผู้ใหญ่ ที่เป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจึงมีการจัดตั้งทีมสหสาขาวิชาขึ้นเฉพาะ โดยทางทีมวิจัยได้เริ่มการวิจัยทางคลินิกในระยะที่ 1 ในช่วงปลายปี 2563 เพื่อศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพเบื้องต้นของ CAR-T cell ในการใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดบีเซลล์ ที่มีโรคกลับเป็นซ้ำและดื้อต่อการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานอื่น ๆ แล้ว จำนวน 5 ราย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถเข้าถึงการรักษาด้วย CAR-T cell ได้
ผลการทดสอบในผู้ป่วย ผศ.นพ.อุดมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้เข้าไปแล้วนั้น ผู้ป่วยมีการตอบสนองเบื้องต้นอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจและมีผลข้างเคียงอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ ใกล้เคียงกับการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ CAR-T cell ที่ใช้กันอยู่ในต่างประเทศ นอกจากนี้ในผู้ป่วยอาสาสมัครรายหนึ่งที่มีก้อนขนาดใหญ่ถึง 10 เซนติเมตร และดื้อต่อการรักษา ทุกชนิดที่มีอยู่ เมื่อเข้าร่วมโครงการวิจัยนี้พบว่าเราสามารถควบคุมโรคไว้ได้ และทำให้ผู้ป่วยปราศจากโรคมาแล้วถึง 1 ปี หลังจากที่ได้รับ CAR-T cell เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ผศ.นพ.อุดมศักดิ์ กล่าวถึงทิศทางในการวิจัยว่า หลังจากนี้ทีมวิจัยได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะดำเนินการวิจัยทางคลินิกในผู้ป่วยเพิ่มอีก 7 ราย รวมเป็น 12 ราย ให้แล้วเสร็จภายในปี 2566 หากผลเป็นที่น่าพอใจ เป้าหมายต่อไปคือการเปิดให้บริการการรักษาด้วย CAR-T cell ที่สามารถผลิตขึ้นเองได้ภายในสถานที่ผลิตในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เศร้า! 'น้องวิน ภาสวิน' จากผู้ป่วยสู่นักวางแผนการเงินวัย 14 ปี จากไปแล้ว
เพจ Win Phassawin ของน้องวิน ภาสวิน ตันตินิติ นักวางแผนการเงินรุ่นใหม่วัย 14 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งตั้งแต่วัย 3 ขวบ ได้แจ้งข่าวเศร้าว่า น้องวินเสียชีวิตแล้ว
ครอบครัวแจ้งข่าว 'แอ้ม สโรชา' ป่วยมะเร็ง อาการขั้นวิกฤต ชักเกร็ง หมดสติ
เฟซบุ๊ก สโรชา พรอุดมศักดิ์ อดีตพิธีกรคู่สนธิ ลิ้มทองกุล โพสต์ข้อความว่า ด่วน! เรียนทุกท่านทราบ ช่วงบ่ายวันนี้คุณแอ้มได้ล้มป่วยจากอาการข้างเคียงโรคมะเร็งที่ตอนนี้ประจ่ายไปหลายจุดของร่างกาย มีอาการชักเกร็งและหมดสติไป
ไทยเผชิญวิกฤตมะเร็งปอด! พบผู้ป่วยใหม่วันละ 48 ราย ชี้ฝุ่น PM 2.5 ตัวการสำคัญ
ในงาน “มะเร็งรู้ทัน ป้องกันเป็น รักษาได้” จัดโดยชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง รศ.นพ.นรินทร์ วรวุฒิ ให้ข้อมูลว่า องค์กรอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 77 ภายใน 25 ปีข้างหน้า สำหรับสถิติมะเร็งในประเทศไทย ในปี 2022
ยกระดับการรักษามะเร็งปอดด้วยนวัตกรรมใหม่ เพียง 7 นาที เพิ่มเวลาชีวิตให้คนไข้
คนไทยป่วยมะเร็งปอดรายใหม่ วันละ 64 คน เสียชีวิตอันดับ 2 ของมะเร็งในไทย' ปัจจัยจากพันธุกรรม พบได้มากใน ผู้ป่วยชาวเอเชีย แม้ไม่สูบบุหรี่-ไม่ได้รับฝุ่น PM2.5


