
สนามหลวง ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศ ดินแดนแห่งวัด วัง และวิถีประชาชน ที่หลอมรวมกันไว้อย่างแนบแน่น โดยเป็นที่ตั้งของพระบรมมหาราชวัง อีกทั้งยังมีวาอารามสำคัญของประเทศ อาทิ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ วัดบวรนิเวศวิหาร และลานกว้างที่ปกคลุมไปด้วยผืนหญ้าสีเขียวขจี ยังเป็นพื้นที่ประกอบพิธีสำคัญๆ อย่าง พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พิธีบำเพ็ญกุศลและถวายพระพรชัยมงคล พิธีแรกนาขวัญ กิจกรรมของประชาชน และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ

หากใครได้เดินทางไปเยือนสนามหลวงในช่วงนี้ จะเห็นประชาชนทั้งชายไทยและต่างชาติหลั่งไหลมายังสนามหลวง เพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ที่ทางรัฐบาลไทย ได้ร่วมกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน อัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐาน ณ ลานท้องสนามหลวง เป็นการชั่วคราว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสการครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปีพ.ศ.2568 โดยเปิดให้ประชาชนสักการะระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567-14 กุมภาพันธ์ 2568 รวมเป็นเวลา 73 วัน และจะอัญเชิญกลับสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568

ขอชวนทำความรู้จักประวัติของพระเขี้ยวแก้ว หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า พระธาตุเขี้ยวแก้ว หรือ พระทาฐธาตุ คือ พระทันตธาตุส่วนที่เป็น “เขี้ยว” ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพระบรมสารีริกธาตุที่มีความสำคัญยิ่ง ด้วยลักษณะอันโดดเด่นที่ไม่แตกกระจัดกระจายเหมือนพระธาตุประเภทอื่น ๆ พระเขี้ยวแก้วมีโครงสร้างที่ แข็งแกร่งแน่นหนา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นวัตถุแห่งศรัทธาที่พุทธศาสนิกชนทั่วโลกต่างให้ความเคารพนับถือ


ตามตำนานที่ปรากฏใน พระไตรปิฎกภาษาบาลี ได้กล่าวถึง มหาปุริสลักษณะ 32 ประการ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของมหาบุรุษ หนึ่งในนั้นกล่าวถึงลักษณะของพระทาฐะ หรือ เขี้ยว ของบุคคลผู้เปี่ยมด้วยคุณสมบัติแห่งมหาบุรุษ โดยในบทหนึ่งได้ระบุว่า เขี้ยวพระทนต์ทั้งสี่ งามบริสุทธิ์ แสดงให้เห็นถึงความงาม ความบริสุทธิ์ และความสมบูรณ์แบบของเขี้ยวแห่งพระพุทธเจ้า ลักษณะนี้จึงเป็นที่มาแห่งความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และความล้ำค่าของ พระเขี้ยวแก้ว

จากตำนานพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีทั้งหมด 4 องค์ โดยได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐานใน 4 สถานที่สำคัญ ได้แก่ 1.พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนขวา พระเขี้ยวแก้วองค์นี้ถูกท้าวสักกะ (พระอินทร์) อัญเชิญขึ้นไปประดิษฐาน ณ จุฬามณีเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 2.พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำขวา พระเขี้ยวแก้วองค์นี้เคยได้รับการประดิษฐานไว้ที่ แคว้นกาลิงคะ ซึ่งเป็นแคว้นสำคัญในดินแดนชมพูทวีป ต่อมาได้รับการอัญเชิญข้ามทะเลไปประดิษฐานยัง ประเทศศรีลังกา โดยพระเขี้ยวแก้วองค์นี้ถูกเก็บรักษาอย่างดีที่ วัดพระเขี้ยวแก้ว (Tooth Relic Temple) เมืองแคนดี้ ศรีลังกา

3.พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย เดิมทีพระเขี้ยวแก้วองค์นี้ประดิษฐานอยู่ที่ แคว้นคันธาระ ซึ่งเป็นแคว้นสำคัญในดินแดนโบราณของอินเดีย ต่อมาได้รับการอัญเชิญมายังเมืองซีอาน ประเทศจีน โดยพระภิกษุฟาเหียน ผู้มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศจีนและเอเชียตะวันออก พระเขี้ยวแก้วองค์นี้ปัจจุบันได้รับการเก็บรักษาและประดิษฐานอยู่ที่ วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และ4.พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำซ้าย พระเขี้ยวแก้วองค์สุดท้ายนี้ไม่ได้ถูกเก็บรักษาไว้ในโลกมนุษย์หรือสวรรค์ หากแต่ประดิษฐานอยู่ใน ภพพญานาค

บนโลกมนุษย์จึงมีพระเขี้ยวแก้วเพียง 2 องค์เท่านั้น คือ พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำขวา ที่ประเทศศรีลังกา และพระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้เคยอนุญาตให้อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้ายไปประดิษฐานยังประเทศต่าง ๆ รวม 6 ครั้ง โดยเมื่อปี พ.ศ.2545 พระเขี้ยวแก้วองค์นี้เคยถูกอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวครั้งแรกในประเทศไทย ที่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เนื่องในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเจริญพระชนมพรรษา 75 พรรษา 5 ธันวาคม 2545 และได้อัญเชิญกลับมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวอีกครั้ง ณ สนามหลวง ให้ประชาชนได้เข้าสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

เราได้มีโอกาสเดินทางไปยังสนามหลวงในช่วงที่แสงสุดท้ายของวันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อน แต่สนามหลวงยังคึกคักไปด้วยประชาชนจากทุกสารทิศ ทั้งพระสงฆ์ ชี ชาวไทยและต่างชาติ ทยอยเดินทางมาสักการะ พระเขี้ยวแก้ว ด้วยเลื่อมใส บริเวณทางเข้ามีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก โดยทุกคนต้องผ่านจุดคัดกรองที่แสดงบัตรประชาชน และผ่านการตรวจสัมภาระ อย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัย หลังผ่านการตรวจเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะมอบดอกบัวและบทสวดบูชา เพื่อใช้ในการกราบไหว้บูชาพระเขี้ยวแก้ว

เมื่อเข้ามาด้านในบรรยากาศดูราวกับหลุดเข้าไปในแดนสวรรค์ ทางเดินทอดยาวไปยังมณฑปพระเขี้ยวแก้วถูกประดับประดาด้วย สวนดอกไม้หลากสี ที่จัดวางอย่างงดงาม เดินมาถึงบริเวณมณฑปพระเขี้ยวแก้วที่สูงตระหง่านกลางลานกว้าง เปล่งประกายด้วยแสงไฟที่ส่องสว่าง บริเวณลานด้านหน้ามีจุดสักการะ ที่จัดไว้สำหรับประชาชนได้สวดมนต์บูชา เนื่องจากบนมณฑปส่วนในถูกสงวนไว้เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์โดยมีพระสงฆ์ชาวจีน 4 รูป ประจำอยู่ในแต่ละมุม เพื่อดูแลความปลอดภัยพระบรมสารีริกธาตุ
ประชาชนที่มาต่างพนมมือและสวดมนต์อย่างนอบน้อมตั้งใจ และเดินเวียนรอบมณฑป 3 รอบ เสร็จแล้วจึงนำดอกบัวไปวางไว้ยังจุดวางดอกไม้ที่จัดไว้ทั้งสี่มุมของมณฑป หลังจากสักการะพระเขี้ยวแล้ว ยังมีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่แบ่งเป็น 5 โซน ให้ได้ชมด้วย โซนที่ 1 ดับขันธปรินิพพาน มกุฎพันธนเจดียสถาน นำเสนอเรื่องราวพุทธประวัติในการประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จปรินิพพาน โดยเน้นในช่วงพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน โซนที่ 2 พุทธะบารมีพระสรีระธาตุ นำเสนอเรื่องราวประวัติของพระสรีระธาตุหรือพระบรมสารีริกธาตุที่ได้อัญเชิญไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของโลก โซนที่ 3 พระเขี้ยวแก้ว นำเสนอเรื่องราวประวัติ ความสำคัญ และความเป็นมาของพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)

โซนที่ 4 ใต้ร่มเศวตฉัตร ทศมรัช พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และโซนที่ 5 ความสัมพันธ์ ไทย-จีนที่แน่นแฟ้น เมื่อฟ้าเริ่มมืดสนิท บริเวณด้านหลังมณฑปพระเขี้ยวแก้ว สามารถขมความงามยามค่ำคืนของสวนที่มีการประดับตกแต่งไฟหลากสีเปล่งแสงในยามค่ำคืนที่มีฉากหลังคือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สุดงดงาม

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ช่วงเช้า เวลา 10.00 น. – 12.00 น. และช่วงเย็น เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป, พิธีเจริญจิตตภาวนา ในทุกวันพระมีพิธีแสดงธรรมเทศนา 1 กันต์ (ในภาคเช้า) และกิจกรรมในช่วงวันปีใหม่ สวดมนต์ข้ามปี 31 ธ.ค. 2567 , กิจกรรมทำบุญตักบาตรวันขึ้นปีใหม่ 1 ม.ค. 2568, กิจกรรมวันตรุษจีน วันที่ 29 ม.ค. 2568 และ กิจกรรมวันมาฆบูชา วันที่ 12 ก.พ. 2568 ด้วย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิงศพ-ดินฝังศพเป็นกรณีพิเศษ พร้อมเงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตอุทกภัยภาคใต้
ในหลวง โปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิงศพ-ดินฝังศพเป็นกรณีพิเศษแก่ผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมรุนแรงภาคใต้ พร้อมพระราชทานเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสีย
เฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่อย่างมีสไตล์ กับหลากหลายกิจกรรมและโปรโมชั่นสุดพิเศษ ตลอดเดือนธันวาคม 2568 ในบรรยากาศ Merry Moments ที่โรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ
โรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ (Avani Ratchada Bangkok) บริหารโดย AVANI ในเครือไมเนอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPLAND ขอต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขตลอดเดือนธันวาคม 2568
ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ เยือนปักกิ่ง วันที่ 2 รัฐบาลจีนต้อนรับถวายพระเกียรติยศสูงสุด
ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ เยือนปักกิ่งวันที่ 2 รัฐบาลจีนต้อนรับถวายพระเกียรติยศสูงสุด


