
27 มี.ค.2568-นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่ วธ. นำเสนอ 3 วาระ ดังนี้ 1. เห็นชอบเอกสารรายการ “ประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย” (Loy Krathong : Traditional Water – honoring Festival in Thailand) เพื่อเสนอเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโกและเห็นชอบให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรมในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามในเอกสารดังกล่าว
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า การเสนอประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก ดำเนินการตามมาตรา 16 แห่งอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 ซึ่งประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย มีคุณค่าความสำคัญสอดคล้องตามหลักเกณฑ์การเสนอในประเภทรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติของยูเนสโก และประเพณีลอยกระทงได้รับการขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เมื่อปี 2554 ดังนั้นการเสนอประเพณีลอยกระทงในประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็น Soft Power ที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะด้านเฟสติวัลเพื่อส่งเสริมคุณค่าและมูลค่าเทศกาลประเพณีให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก กระตุ้นให้นักท่องเที่ยววางแผนการเดินทางท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ที่สำคัญนำทุนทางวัฒนธรรม พัฒนาสู่ทุนทางเศรษฐกิจสร้างงาน สร้างรายได้อันจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมกับอนุรักษ์ประเพณีและสิ่งแวดล้อมและเป็นโอกาสเสริมสร้างภาพลักษณ์และบทบาทไทยในเวทีโลก ที่สำคัญยกระดับเทศกาลประเพณีให้เป็นที่รู้จักในระดับชาติและนานาชาติตามนโยบายวัฒนธรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ วธ. อีกด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยได้ขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในบัญชีรายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) จำนวน 6 รายการ ได้แก่ โขน (ปี 2561) นวดไทย (ปี 2562) โนรา (ปี 2564) สงกรานต์ในประเทศไทย (ปี 2566) ต้มยำกุ้ง (ปี 2567) และเคบายา (ปี 2567)
รมว.วธ. กล่าวอีกว่า 2.เห็นชอบแผนแม่บทวัฒนธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) เป็นกรอบทิศทางการขับเคลื่อนงานด้านวัฒนธรรมในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีงามของไทย โดยนำมิติวัฒนธรรมมาเป็นรากฐานการพัฒนาประเทศให้บรรลุเป้าหมายต่อไป โดยแผนแม่บทวัฒนธรรมแห่งชาติฉบับนี้มุ่งหวังให้มิติวัฒนธรรมพัฒนาประเทศสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ยุทธศาสตร์ชาติ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”ภายในปี 2580อย่างเป็นรูปธรรม โดยขับเคลื่อนผ่าน 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.เสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2.ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่ดีให้กับสังคมไทย 3.พัฒนาสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม ส่งเสริมภาพลักษณ์ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีงามของไทยในระดับชาติและระดับโลก 4.ส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจจากทุนทางวัฒนธรรม และ5.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงานวัฒนธรรม
“แผนแม่บทฉบับนี้ได้ปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและเผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีงามของไทย ส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจจากทุนทางวัฒนธรรม เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงานวัฒนธรรมและผลักดันบทบาทงานด้านวัฒนธรรมให้ครอบคลุมการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการใช้มรดกทางวัฒนธรรม ส่งเสริมอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ และผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น ขับเคลื่อนเป้าหมายในมิติสังคม เพื่อให้เด็กเยาวชนและประชาชนมีภูมิคุ้มกันด้านสังคม และมีเป้าหมายในมิติเศรษฐกิจนำทุนทางวัฒนธรรมขับเคลื่อน Soft Power ผลักดันนวัตกรรมทางวัฒนธรรม ยกระดับสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมสู่ระดับโลก” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวต่อว่า 3.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. …. ซึ่ง วธ. โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เสนอร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว เพื่อใชบังคับแทนพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ในส่วนที่เกี่ยวกับภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศเติบโตและแข่งขันกับนานาประเทศได้ และลดอุปสรรคในการเข้ามาผลิตภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นปัจจัยในการดึงดูดการเข้ามาผลิตภาพยนตร์ในประเทศไทยอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง
“ร่างพระราชบัญญัตินี้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นระบบกลางทางกฎหมาย (www.law.go.th) เรียบร้อยและที่ประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. …. แล้ว” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว
รมว.วธ. กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ อาทิ การใช้ระบบการรับรองตนเองแทนการตรวจ โดยคณะกรรมการจากภาครัฐและภาคเอกชน อีกทั้งนำระบบการจดแจ้งมาใช้แทนระบบขอใบอนุญาตประกอบกิจการ รวมทั้งปรับปรุงมาตรการกำกับดูแลโดยใช้โทษปรับเป็นพินัยแทนโทษอาญา เว้นแต่กรณีที่เกี่ยวข้องกับการสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักรซึ่งยังคงมีโทษทางอาญาอยู่ โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวประกอบด้วย 7 หมวด 110 มาตราและมีผู้รักษาการคือรัฐมนตรีว่าการ วธ. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในส่วนที่เกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักร เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ระวัง! ติดกับดักตัวเอง ปมคำถามประชามติ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี วางกับดักตัวเอง ในการส่งคำถามประชามติของคณะรัฐมนตรี
ยึด‘ช่องอานม้า’ 2.4พันล.สู้เขมร
“ครม.” อนุมัติงบกลาง 2.4 พันล้าน ให้กองทัพสู้ศึกชายแดน
'สำนักงบฯ' แจ้งทุกหน่วยขั้นตอนใช้งบ 'รัฐบาลรักษาการ' สงสัยถาม กกต.
'สำนักงบประมาณ' เร่งออกหนังสือแจงทุกหน่วยขั้นตอนการใช้งบ ในช่วงรัฐบาลรักษาการ สงสัยเรื่องไหนให้ถาม กกต.
'อดีต กกต.' เปิด 6 เรื่อง เกิดขึ้นหลังยุบสภา คาดเลือกตั้ง 8 ก.พ. 69
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ผ่านไป 3 เดือน ไม่ไดักินสักเมนู
'เทพมนตรี' บ่น ยึด 'ปราสาทพระวิหาร' คืน แจ้งสหประชาชาติ ไม่ให้กัมพูชาขึ้นมาใช้อำนาจอธิปไตย
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า บ่น ไทยควรเอาคืนเขมรเรื่องปราสาทพระวิหารเพราะมีกฎมรดกโลก
นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'
นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568

