สบส.เผย คนไทย 'ติดรสจัด' กินหวาน มัน เค็ม เสี่ยงเกิดโรค NCDs เห็นด้วยกินแบบ' นับคาร์บ'

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจพฤติกรรมสุขภาพการกินหวาน มัน เค็ม ชี้คนไทยมีพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพ บริโภคอาหารรสจัดทั้งหวาน มัน และเค็ม ติดเครื่องดื่มชงหวานและกินส้มตำถี่ มีพฤติกรรมเสี่ยงนำไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ส่วนนโยบาย “นับคาร์บ” และ อสม. เห็นด้วยว่ามีส่วนสำคัญช่วยปรับพฤติกรรมการบริโภคของประชาชน

3 พ.ค.2568-ดร.นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรม สบส. เผยว่า พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสมของคนไทยกำลังเป็นภัยคุกคามสุขภาพ ก่อให้เกิดแนวโน้มการเจ็บป่วยด้วย NCDs อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต กรม สบส.โดยกองสุขศึกษา จึงได้ดำเนินการเฝ้าระวัง สำรวจพฤติกรรมสุขภาพการกินหวาน มัน เค็ม ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวังพฤติกรรมระดับพื้นที่ผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 52,717 คน พบคนไทยมีพฤติกรรมกินหวาน มัน เค็ม ดังนี้


1.กินหวาน 3 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ ร้อยละ 50.89 โดยนิยมดื่มเครื่องดื่มชงที่ใส่น้ำตาล เช่น ชานม กาแฟเย็น และน้ำผลไม้ เป็นพฤติกรรมที่พบบ่อยที่สุด (ร้อยละ 56.22) 2.กินอาหารที่มีไขมันสูง 3 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ ร้อยละ 45.57 โดยมีเมนูยอดนิยมเป็นอาหารทอด อาหารผัดน้ำมัน และอาหารฟาสต์ฟู้ด (ร้อยละ 52.24) และ3.กินเค็ม 3 ครั้งขึ้นไปต่อสัปดาห์ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับปัญหาความดันโลหิตสูงและโรคไต ร้อยละ 49.91 โดยนิยมกินอาหารประเภทส้มตำ ยำและลาบ (ร้อยละ 65.11)

ด้านนพ. อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า คนไทยยังมีความรู้ด้านโภชนาการอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง มีความรู้เกี่ยวกับการกินเค็มที่ถูกต้องน้อยที่สุดเพียง ร้อยละ 15.15 เมื่อเทียบกับความรู้เกี่ยวกับการกินหวานและมัน โดยส่วนใหญ่ ร้อยละ 59.54 เวลาซื้อหรือกินอาหารนอกบ้าน ไม่กล้าแจ้งแม่ค้าหรือร้านอาหารให้งดหรือลดเครื่องปรุง แม้จะรู้ว่าอาหารมีรสจัดหรือไม่ดีต่อสุขภาพ โดยผู้ตอบแบบเฝ้าระวังฯ ร้อยละ 94.86 ต่างมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่านโยบาย “นับคาร์บ” มีส่วนสำคัญที่ช่วยลดการบริโภคแป้งและน้ำตาลลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ร้อยละ 91.85 ก็เห็นว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์และให้ความรู้เกี่ยวกับการลดอาหารหวาน มัน เค็ม ซึ่งมีผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า นโยบาย “นับคาร์บ” และ อสม. ถือเป็นกลไกที่สำคัญในการส่งเสริมสุขภาพประชาชนให้ห่างไกล NCDs โดยเฉพาะการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ต่อการเลือกบริโภคอาหารอย่างปลอดภัย

อีกทั้ง กรม สบส. จะนำกลไก ยุว อสม.หรือ “อาสาสร้างสุขภาพ (Gen-H)” ที่มีกว่า 20,000 คนในสถานศึกษา มาร่วมกิจกรรมรณรงค์ให้เด็กและเยาวชน เกิดความตระหนักรู้ในเรื่องของพฤติกรรมการกินหวาน มันเค็ม เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงของการเกิด NCDs ในระยะยาว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รมว.สมศักดิ์ เผยจับมือ สสส. “นับคาร์บ” ปีแรกเห็นผล ลดผู้ป่วย NCDs เข้าสู่ระยะสงบ-หยุดรับยา 28,506 คน ลดค่าใช้จ่ายแล้ว 787 ล.

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) คนที่ 1 กล่าวในการประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 7/2568 ว่า การดำเนินโครงการนับคาร์บ ที่

'สมศักดิ์' ดึง สสส. ช่วย 'นับคาร์บ' ชวนคนไทยลดโรค NCDs ต้นเหตุคร่าชีวิตคนไทยชั่วโมงละ 45 คน ผจก.สสส.เดินหน้าพัฒนาฐานข้อมูลเชื่อมท้องถิ่นลดเสี่ยง

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุน สสส. คนที่ 1 กล่าวในการเป็นประธานประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 8/2567 ว่า จากข้อมูลพบว่ามีผู้เสียชีวิตจาก NCDs 400,000 คนต่อปี คิดเป็นชั่วโมงละ 45 คน