'วิสาขบูชา' เปิดประสบการณ์เส้นทางบุญไทย-กัมพูชา

พีธีเวียนเทียน ในวันวิสาขบูชา  วัดหลวงอรัญญ์ (

“วันวิสาขบูชา” ปี2568 ตรงกับวันที่ 11 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนา เป็นวันที่ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในพระพุทธศาสนา คือ ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนมักนิยมเข้าวัดทำบุญ ตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนา รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา และร่วมพิธีเวียนเทียนรอบพระอุโบสถในช่วงค่ำ

ปีนี้ จังหวัดสระแก้วมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เมื่อกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสระแก้ว ร่วมกัน จัดกิจกรรมส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมในมิติทางพุทธศาสนา สานสัมพันธ์อาเซียน เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา และอัฏฐมีบูชา จังหวัดสระแก้ว ประจำปี 2568 เชื่อมโยงวัดหลวงอรัญญ์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กับวัดดงอรัญ จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา เปิดเส้นทางแสวงบุญข้ามแดน สะท้อนมิตรภาพของประเทศเพื่อนบ้าน  

ประชาชนร่วมกิจกรรมเวียนเทียน

ในช่วงเช้าตรู่ ขณะที่รถของเราค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่ ด่านศุลกากรอรัญประเทศ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักจากผู้คนมากมายที่ต่างมุ่งหน้าข้ามแดน ไม่ว่าจะจากกัมพูชาสู่ไทย หรือจากไทยไปกัมพูชา  รวมถึงคณะของเราที่ร่วมทริปมากับกรมการศาสนา เพื่อออกเดินทางไปทอดผ้าป่าสามัคคีที่วัดดงอรัญ จ.บันเตียเมียนเจย สายตาที่ทอดมองผ่านกระจกรถ เห็นผู้คนหลากหลาย ทั้งนักเดินทาง พ่อค้าแม่ขาย และชาวบ้านท้องถิ่นที่ต่างเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายของตน แม้จะแตกต่างกันด้วยเหตุผลในการเดินทาง แต่เราก็เชื่อว่าเมื่อข้ามพรมแดนไปได้ แต่ละคนจะได้เริ่มต้นตามความตั้งใจที่พาตัวเองมาถึงที่นี่

ขบวนแห่ผ้าป่าสมัคคี วัดดงอรัญ

หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่าด่านศุลกากรอรัญประเทศแห่งนี้ เป็นด่านทางบกที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับบ้านปอยเปต อ.โอโจรว จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ย้อนกลับไปในอดีต ที่นี่เคยเป็นด่านเก็บภาษี อยู่ภายใต้สังกัดกรมสรรพากรนอก กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งขึ้นหลังจากที่ไทยเสียเมืองเสียมราฐ ศรีโสภณ และพระตะบองให้กับฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2449

ต่อมาในปี 2474 ด่านนี้ได้ถูกโอนมาอยู่ภายใต้การดูแลของกรมศุลกากร และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นด่านพรมแดนของท่ากรุงเทพ ก่อนจะได้รับสถานะเป็นด่านศุลกากรอรัญประเทศ ในปีวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474กระทั่งปี 2528 กรมศุลกากรได้ย้ายด่านมายัง บ้านคลองลึก ถนนสุวรรณศร ห่างจากชายแดนเพียง 1 กิโลเมตร และใช้เป็นที่ทำการมาจนถึงปัจจุบัน สำหรับเราแล้ว ด่านนี้ไม่ใช่แค่จุดผ่านแดน แต่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่า วัฒนธรรม และความศรัทธา ซึ่งเรากำลังจะได้สัมผัสในอีกไม่กี่ก้าวข้างหน้า

กลองยาวบรรเลงเพลงสร้างสีสันรื่นเริง

ผ่านพรมแดนเข้าสู่ฝั่งกัมพูชา บรรยากาศเมืองชายแดนก็ทำให้รู้สึกคึกคักไม่แพ้บ้านเรา ผู้คนเดินขวักไขว่ เสียงเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์และรถยนต์ที่เข้า-ออกตลอดทั้งวันสร้างสีสันให้กับถนนอย่างมีชีวิตชีวาสิ่งที่แตกต่างและสะดุดตาคืออาคารสูงหลายหลังที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลจากด่าน หลายแห่งเป็นแหล่งรวมของนักเสี่ยงโชคที่หลั่งไหลมาจากหลากหลายประเทศ ทำให้บริเวณนี้ค่อนข้างหนาแน่น รถติดเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน

พระประธานในโบสถ์ วัดดงอรัญ

ขยับออกจากโซนหน้าด่านมาเพียงเล็กน้อย ทั้งสองฝั่งของถนนก็เต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์ ร้านค้า ร้านอาหาร โรงงาน รวมถึงโรงพยาบาล สิ่งที่น่าสังเกตคือ ตัวอักษรจีนที่ติดอยู่บนอาคารเหล่านั้นอย่างเด่นชัด สะท้อนให้เห็นถึงการเข้ามาของทุนจีนที่มีอิทธิพลมากขึ้นในกัมพูชา อาจจะคล้ายกับย่านห้วยขวางหรือสุทธิสารของไทย ที่มีร้านอาหารจีนหนาแน่นทีเดียว และมีตึกสูงกำลังก่อสร้างอยู่หลายแห่ง หากมาในช่วงนี้อาจจะเจอฝุ่นจากการก่อสร้างลอยฟุ้งอยู่บ้าง แต่ก็เป็นอีกภาพหนึ่งที่สะท้อนการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของประเทศนี้ได้เป็นอย่างดี

จิตรกรรมผนัง วัดดงอรัญ

ระหว่างที่นั่งชมวิวเมืองเพลิน ๆ สายตาก็เริ่มจับภาพความเปลี่ยนแปลงของสองข้างทางจากตึกสูงและถนนคอนกรีต กลับกลายเป็นภาพของต้นไม้เรียงราย ทุ่งนากว้างไกล บ้านเรือนเล็ก ๆ ริมทาง และถนนดินแดงที่สลับกับถนนคอนกรีตกำลังก่อสร้าง เป็นสัญญาณว่าเราใกล้ถึงวัดดงอรัญ แล้ว บรรยากาศเริ่มคึกคักด้วยขบวนแห่ผ้าป่าสามัคคีจากประเทศไทยที่ตั้งแถวกันเรียบร้อย โดยมีนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้บริหารจากทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาเข้าร่วม เสียงกลองยาว เสียงซอ และเสียงนกหวีดของชาวกัมพูชา ดังก้องเป็นจังหวะสนุกสนาน สร้างบรรยากาศรื่นเริงตลอดเส้นทางจนถึงหน้าศาลา เมื่อพิธีถวายผ้าป่าเสร็จสิ้น ก็ถึงเวลาสำรวจความงามของวัดแห่งนี้กันต่อ

ประติมากรรมระเบียงคต วัดดงอรัญ

วัดดงอรัญ เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยเฉพาะโบสถ์และองค์พระประธานที่มีอายุมากกว่าร้อยปี ถึงแม้จะเก่าแก่ แต่สีสันยังดูสดใหม่ เพราะผ่านการบูรณะและทาสีใหม่อย่างสวยงาม ผนังโบสถ์ถูกแต่งแต้มด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติของพระพุทธเจ้า รอบด้านทั้งซ้าย-ขวา หน้า-หลังองค์พระประธาน และบนเพดาน เช่นเดียวกับงานประติมากรรมที่ระเบียงคตโดยรอบ ซึ่งลวดลายต่าง ๆ สะท้อนเอกลักษณ์แบบกัมพูชาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ รูปร่าง หรือการใช้สี เดินออกจากโบสถ์เพียงไม่กี่ก้าว ก็พบกับต้นโพธิ์สูงใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านอย่างสง่างาม ชาวบ้านเล่าว่าต้นโพธิ์นี้มีอายุมากกว่า 500 ปี และเคยเป็นสถานที่หลบภัยในช่วงสงครามอีกด้วย

สวนด้านข้างโบวถ์ วัดดงอรัญ

หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมทอดผ้าป่าสามัคคีที่วัดดงอรัญ คณะของเราก็ออกเดินทางกลับเข้าสู่ฝั่งไทย และแวะมาที่ อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม ในอ.โคกสูง  โบราณสถานสำคัญที่บอกเล่าเรื่องราวอันยาวนานของอารยธรรมขอมสถานที่แห่งนี้เคยเป็นศาสนสถานของพราหมณ์ สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15–16 และถือเป็นโบราณสถานขอมที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของไทย เราเดินเข้าสู่ตัวปราสาทผ่านถนนที่ปูด้วยหิน ซึ่งขนาบข้างด้วยเสาหินเรียงรายเป็นแนว ทำให้รู้สึกเหมือนได้ก้าวย้อนเวลากลับไปในอดีต

ต้นโพธิ์อายุเก่าแก่กว่า 500 ปี

ตัวปราสาทสร้างขึ้นด้วยหินศิลาแลง ในรูปแบบศิลปะขอมสมัยคลัง–บาปวน ภายในบริเวณมีโบราณวัตถุสำคัญที่พบ เช่น ศิลาจารึก 2 หลัก กำแพงด้านนอกยังคงตั้งตระหง่านด้วยหินศิลาแลง ส่วนซุ้มประตูทางเข้านั้นเป็นหินทราย มีขนาดเล็กพอให้เดินผ่านได้อย่างสบาย ปราสาทประธานด้านในยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์  ยิ่งได้เดินชมใกล้ ๆ ก็ยิ่งประทับใจในความงามของรายละเอียด แม้เวลาจะผ่านมานับพันปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในอดีต สถานที่แห่งนี้จะต้องสวยงามและยิ่งใหญ่เพียงใด

สวนสาธารณะใน วัดดงอรัญ

จุดหมายสุดท้ายของการเดินทางในครั้งนี้คือ วัดหลวงอรัญญ์ วัดสำคัญที่ชาวอ.อรัญประเทศให้ความเคารพศรัทธามาอย่างยาวนาน บรรยากาศรอบวัดร่มรื่นและเปี่ยมด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่น ในช่วงที่เราไปถึง กรมการศาสนาได้จัดกิจกรรมพิเศษขึ้นเนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาและอัฏฐมีบูชา เพื่อส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมในมิติทางพระพุทธศาสนา ภายในงานมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมอาเซียนจากทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา บูธสาธิตผลิตภัณฑ์จากชุมชน การจัดแสดงสินค้าทางศาสนาและวัฒนธรรม รวมถึงผลิตภัณฑ์จากชุมชนคุณธรรมที่สะท้อนความงดงามของวิถีชีวิตท้องถิ่นได้อย่างน่าประทับใจ

านพรมแดนคลองลึก

พอฟ้ามืด ผู้คนจากทั้งในพื้นที่และนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกันมาร่วมพิธีเวียนเทียนอย่างพร้อมเพรียง บรรยากาศในยามเย็นที่วัดหลวงอรัญญ์อบอวลไปด้วยแสงเทียนและความสงบใจ เป็นภาพความศรัทธาที่งดงามและน่าจดจำ ส่งท้ายการเดินทางครั้งนี้อย่างอิ่มเอมใจ

ประตูสู่กัมพูชา
ถนนชนบทใน จ.บันเตียเมียนเจย กัมพูชา
ปราสาทสด๊กก๊อกธม
พระประธานในอุโบสถวัดหลวงอรัญญ์
อุโบสถ วัดหลวงอรัญญ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

ทรงพลัง! สื่อกัมพูชาทำโพลล์ ‘คนเขมร’ สนับสนุนคว่ำบาตรสินค้าไทยอย่างล้มหลาม

เปืดผลสำรวจของ Khmer Times สื่อภาษาอังกฤษ ภายใต้การกับของรัฐบาลกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างล้นหลามต่อการคว่ำบาตรสินค้าไทย หลังจากเหตุการณ์รุ

เปิดรายงาน AOT ชี้ชัดเขมรซุกทุ่นระเบิดใหม่ ทำทหารไทยขาขาดรายที่ 7

กองทัพไทยเปิดรายงาน ผลตรวจสอบของ AOT ยันทุ่นระเบิด PMN-2 ห้วยตามาเรีย- ภูมะเขือ ทำทหารขาขาดรายที่ 7 ถูกฝังใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กองทัพกัมพูชาอ้าง