
เมื่อนึกถึงอ.บางละมุง จ.ชลบุรี ภาพแรกในหัวของหลายคนคงหนีไม่พ้นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่างพัทยา ที่เต็มไปด้วยสีสันและความคึกคักไม่เคยหลับใหล แต่ถ้าเราลองเลี้ยวออกจากถนนสายหลักมาอีกนิด ใน ต.ห้วยใหญ่ ยังมีมุมเงียบสงบที่น่าหลงใหลอย่าง “ชุมชนบ้านชากแง้ว” ที่นี่เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่กลิ่นอายวัฒนธรรมจีนและไทยหลอมรวมกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนไม้เก่า อาหาร หรือแม้แต่รอยยิ้มของผู้คน ที่ชวนให้เราหลงเสน่ห์ที่นี่ได้อย่างง่ายดาย
ทริปนี้เราได้มีโอกาสร่วมเดินทางมากับกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) แบบวันเดย์ทริป มุ่งหน้าไปยังชุมชนบ้านชากแง้ว หนึ่งในชุมชนต้นแบบเที่ยวชุมชน ยลวิถี ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นชุมชนจีนโบราณมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปี เริ่มต้นจากกลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลอพยพมาตั้งรกราก ทำการเกษตรและค้าขาย สะท้อนร่องรอยความรุ่งเรืองผ่านบ้านเรือนไม้เก่า ศาลเจ้าจีน และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมที่ยังคงหลงเหลืออยู่

คำว่า “ชากแง้ว” เชื่อกันว่าเป็นการเพี้ยนเสียงมาจากชื่อเดิมของ หนองชะแง้ว ตามหลักฐานที่พบในนิราศเมืองแกลงที่สุนทรภู่ได้เขียนไว้ระหว่างการเดินทางจากพระนครกลับมาบ้านเกิดที่อ.แกลง จ.ระยอง ในปี 2350 ความว่า ถึงปากช่องหนองชะแง้วเข้าแผ้วถาง แม้นค่ำค้างอรัญวาได้อาศัย
จุดหมายแรกมุ่งหน้าสู่ศาลเจ้าแม่ทับทิม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ศาลอาม๊าชากแง้ว ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในชุมชนที่อบอวลไปด้วยความศรัทธา ศาลแห่งนี้ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในพื้นที่ เพราะมีความเชื่อว่าเจ้าแม่ทับทิมคือเทพผู้คุ้มครองยามออกทะเล และบันดาลฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล ช่วยให้การทำมาหากินของชาวบ้านราบรื่น

แม้จะไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าองค์เจ้าแม่มีมาตั้งแต่เมื่อใด แต่เรื่องเล่าที่ส่งต่อกันมาบอกว่าเมื่อราว 100 ปีก่อน มีชาวประมงพบไม้ท่อนหนึ่งลอยอยู่กลางทะเล จึงนำกลับมาแกะสลักเป็นรูปเจ้าแม่ทับทิม นับแต่นั้นมาก็มีการเคารพบูชาอย่างต่อเนื่อง ทุกปีที่นี่จะจัดงานเทศกาลไหว้เจ้าแม่อย่างยิ่งใหญ่ มีทั้งพิธีประทับทรง เทกระจาด และกิจกรรมมากมายที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นประเพณีเก่าแก่ที่ยังคงได้รับการสืบทอดอย่างอบอุ่นจากรุ่นสู่รุ่นวิสาหกิจชุมชนบ้านหนองชากแง้ว
เรามาต่อกันที่วิสาหกิจชุมชนบ้านหนองชากแง้ว บ้านหลังเล็กๆ ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ ประกอบอาชีพ การเผาถ่าน เมื่อเดินลึกเข้าไปในสวนเป็นที่ตั้งโรงเผาถ่านของครอบครัว สุชาติ บุญส่ง ชายวัยกลางคนที่ยังคงดำเนินอาชีพนี้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่รุ่นทวด และยังสะท้อนให้วิถีของชุมชนแห่งนี้ที่ยังคงมีการเผาถ่านเป็นอาชีพ

วันเวลาผ่านไป อาชีพเผาถ่านก็เติบโตควบคู่กับครอบครัวนี้จนกลายมาเป็นอาชีพหลัก และปัจจุบันได้พัฒนาถ่านธรรมดาให้กลายเป็นถ่านอัดแท่ง และต่อยอดมาเป็นถ่านดูดกลิ่น รูปสัตว์ รูปผลไม้ ยังมีการเติมสีสันลงไปอย่างประณีต ที่ดูน่ารักแถมน่าใช้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแช่เท้าจากลูกบอลสมุนไพร การร้อยลูกปัด ให้ทำอย่างสนุกสนาน
เมื่อได้เวลาแดดร่มลมตก ก็ได้เวลาเดินทางมาที่ตลาดจีนโบราณบ้านชากแง้ว ไฮไลต์ของการมาเยือนที่นี่ ถนนสายเล็กๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ เปิดทุกเย็นวันเสาร์ และมีอายุครบ 10 ปีแล้ว ผู้คนหลากหลายวัยเดินเรียงรายกันอย่างคึกคัก บ้างจูงมือกันเดิน บ้างแวะถ่ายรูป บ้างยืนต่อแถวรอชิมอาหารพื้นถิ่นอย่างอารมณ์ดี ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของอาคารไม้แบบจีนโบราณที่เรียงรายมากกว่า 300 หลัง บางหลังถูกปรับปรุงให้เป็นร้านค้า คาเฟ่ หรือพิพิธภัณฑ์ แต่ยังคงกลิ่นอายดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน

ร้านอาหารน่าทานหลากหลายเมนู บ้างร้านเป็นสูตรโบราณของบรรพบุรุษที่ส่งต่อให้รุ่นลูกรุ่นหลาน แต่ยังคงความอร่อยเช่นเดิม อาทิ ฮ่อยจ๊อ หมูหยอง ขนมเปี๊ยะ กระเพาะปลา หมี่กรอบ หอยทอด ก๋วยเตี๋ยวปลา เป็ดไก่พะโล้ กวยจั๊บ ขนมเบื้องญวน บ๊ะจ่าง ห่อหมกปลาช่อนนา และขนมกุยช่าย ยังมีไฮไลต์ของที่นี่ที่น่าสนใจ เดินมาถึงบ้านหลงชากแง้ว นักท่องเที่ยวหลายคนแวะหยุดหน้าเรือนไม้สองชั้น ฟังเสียงดนตรีจีนที่บรรเลงคลอเบา ๆ พร้อมชมข้าวของโบราณที่จัดแน่นในบ้านหลังนี้ เดิมคือร้านโชห่วยเก่าแก่ชื่อ ตั้งเซ่งฮง ก่อนจะกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ของชุมชนที่บอกเล่าเรื่องราวของบ้านชากแง้วในยุคก่อน

เดินต่อมาท่ามกลางผู้คนที่ทยอยเข้ามามากขึ้นทุกที ก็จะพบกับโรงงิ้ว จุดนัดพบสำคัญของชุมชนในอดีต และยังเป็นสถานที่จัดแสดงงิ้วทุกปี ตรงหัวมุมฝั่งตรงข้าม คือ บ้านเป็ดมาเลย์ ร้านก๋วยเตี๋ยวและาหารหลากหลายเมนูในบ้านไม้สีฟ้าสดใสที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี มีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งกำลังยืนเลือกเมนู ขณะอีกหลายคนนั่งทานอาหารอยู่ใต้ถุนบ้าน ฝั่งตรงข้ามข้างโรงงิ้ว เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีภาพวาดสตรีทอาร์ตที่สีสันสดใสดูน่ารักมากๆ

พอเดินมาสักพักจะได้ยินเสียงกระดิ่งดังขึ้น คือเสียงขอทางของรถราก สะท้อนกลิ่นอายของความเป็นจีน แถมนักท่องเที่ยวยังได้ลองนั่งอีกด้วย มาถึงบ่อน้ำโรงเตี้ยม แทบทุกบ้านในตลาดซากแล้วมีบ่อน้ำทั้งใหญ่ และ เลิกอยู่ เนื่องจากในสมัยโบราณทุกคนต้องใช้น้ำ จากแหล่งน้ำรรวมชาติ เช่น ห้วย หนอง คลอง บึง และบ่อน้ำที่ขุดขึ้นเอง บ่อน้ำที่จุดนี้เป็นแบบจําลองมาจากบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่สุดของหมู่บ้านที่เล็กกว่าขนาดจริงมาก
บ่อนี้ขุดขึ้นมาเพื่อใช้ในกิจการโรงแป้งของอาแป๊ะแชร์ ซึ่งต้องใช้น้ำเป็นจำนวนมาก จึงได้ใช้ก้อนหินใหญ่ๆ วางเรียงขึ้นมาเป็นชอบบ่อ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร ในฤดูฝนมีน้ำเต็มถึงปากบ่อ ขนาดของปากบ่อกว้างพอที่สามารถให้คนไปยืนเรียงกันได้ถึง 30-40 คน เจ้าของบ่อใจคือนุญาตให้คนที่ไม่มีน้ำ สามารถมาดักน้ำที่ปอนี้ได้ จึงถือว่าเป็นจุดนัดพบ นัดหมาย พูดคุยกันของคนในชุมชนอีกหนึ่งจุดในสมัยนั้น

หากมองไปอีกฝั่งจะพบตรอกโรงยา ตอนนี้กลายเป็นมุมถ่ายรูป เพราะมีภาพวาดจีนสวย ๆ ประดับบนผนังปูน ในอดีตบริเวณตรอกโรงยาจะมีบ้านอยู่ไม่กี่หลัง เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ ราย ล้อมไปด้วยต้นไม้หลายชนิด กอไผ่ และต้นมะม่วงใหญ่มาก ผู้คนจะใช้ที่นี่เป็นเส้น ทางเดินลัดเลาะกันภายในชุมชน มีโรงฝิ่นของอาแป๊ะที ตั้งอยู่ใกล้ๆ กอไผ่ ซึ่งอาแป๊ะที เป็นเจ้าของที่ดินบริเวณนี้เปิดโรงฝิ่นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2480 เพื่อบริการให้แก่คนจีนในชุมชนซึ่งนิยมสูบฝิ่นเพื่อการผ่อนคลายและพักผ่อนหลังจากทำงานในชีวิตประจำวัน
โรงฝิ่นนี้เป็นที่พบปะพูดคุยกันของชาวจีนในชุมชน โดยเปิดให้บริการอยู่นานพอสมควร ต่อมาในยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มี การประกาศให้เลิกสูบฝิ่นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2502 จึงมีคนใช้บริการ น้อยลง และหลังจากนั้นราว 1-2 ปี โรงฝิ่นจึงปิดตัวลง การสูบฝิ่นจึงหมดไปจาก พื้นที่ชุมชนบ้านหนองชากแง้ว

เสน่ห์ของถนนคนเดินที่นี่ จะมีตั้งกฎกติการ่วมกันที่ชุมชนยอมรับ คือ จะไม่เปิดโอกาสให้คนนอกพื้นที่เข้ามาค้าขาย และจะขายสินค้าและอาหารชุมชนเท่านั้น เพื่อให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บอกเลยว่าวันเดย์ทริปที่ชุมชนบ้านชากแง้วทั้งอบอุ่นและประทับใจจนวางแพลนกลับมาเที่ยวซ้ำแน่นอน




ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เงียบเกินไป! ผัวเมียถูกถีบรถคว่ำเจ็บสาหัส วอนตำรวจลากตัวคนผิดรับโทษ
คดีสะเทือนใจกลางบางละมุง ผัวเมียถูกวัยรุ่นหัวร้อนถีบรถจักรยานยนต์จนล้มสาหัส ฝ่ายหญิงขาหัก-ต้องผ่าตัด
เหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ไม่พบคราบน้ำมันแล้ว
ตามที่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเลหมายเลข 2 (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 5 มิถุนายน 2568 โดยบริษัทฯ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ ตามแผนบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินของบริษัทฯ ตั้งแต่เกิดเหตุแล้วนั้น บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบความคืบหน้าว่าสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM-2) คลี่คลายแล้ว
แจ้งจับ 'ไรเดอร์หัวร้อน' ชักปืนขู่ในร้านอาหาร มีภาพวงจรปิดแต่ตร.ยังไม่เจอตัว
ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจาก น.ส.วิชุดา (ขอสงวนชื่อสกุล) อายุ 31 ปี อาชีพ พนักงานแคชเชียร์ ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง กลางห้างดังย่านพัทยาใต้ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง
ตร. รวบแก๊งตัดสายไฟแรงสูง ริมถนนมอเตอร์เวย์
ร.ต.อ.สิงหโรจน์ สืบส่ง พร้อมด้วย ร.ต.อ.บัณฑิต นวลปาน รอง สว.ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. นำกำลังออกตรวจตราพื้นที่เฝ้าระวังเหตุร้าย ได้รับแจ้งจากศูนย์ควบคุมกลางกล้องวงจรปิด CCB พัทยา ว่า

