พลิกโฉมใต้สะพาน'ย่านตลาดพลู' มัดร่วมร้านอร่อยริมทาง ยกระดับสตรีทฟู้ด

หากเอ่ยถึง “สตรีทฟู้ดไทย” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ไม่เพียงเพราะรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังสะท้อนวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความคิดสร้างสรรค์ของผู้คนในแต่ละท้องถิ่น หนึ่งในย่านที่ถือเป็นจุดหมายปลายทางของนักชิมทั้งชาวไทยและต่างชาติ ก็คือ “ตลาดพลู” ย่านเก่าแก่ในฝั่งธนบุรี ที่ยังคงรักษาเสน่ห์ดั้งเดิมควบคู่ไปกับเมืองที่เติบโตขึ้น

ปัจจุบัน ตลาดพลูกลายเป็นย่านสตรีทฟู้ดชื่อดัง ที่ดึงดูดทั้งคนในพื้นที่ นักท่องเที่ยว และนักชิมจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยอาหารหลากหลายตั้งแต่ หมี่กรอบ ร.5 สูตรโบราณ ข้าวหมูแดงเจ้าดัง ก๋วยเตี๋ยวเจ้าเก่าแก่ กุ๊ยฉ่ายทำมือ ไปจนถึง ขนมหวานไทยที่สืบทอดสูตรกันมาหลายรุ่น โดยที่ผ่านมาตลาดพลู เปิดให้บริการแก่ประชาชนและชุมชนโดยรอบ มีแผงค้ากว่า 100 แผง จำหน่ายทั้งอาหารปรุงสำเร็จ อาหารสด ผักสด และของชำในราคาย่อมเยา ทางกรุงเทพมหานคร ได้เข้ามาพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ ระดับตลาดให้มีมาตรฐาน สวยงาม สะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สำหรับพื้นที่บางส่วนของตลาดพลูที่กำลังรอการพัฒนา กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย จึงได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักงานเขตธนบุรี พลิกโฉมร้านสตรีทฟู้ดใต้สะพานรัชดาภิเษก ฝั่งทางรถไฟตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพฯ  สู่การเป็น “แลนด์มาร์กสตรีทฟู้ดแห่งใหม่” ด้วยการปรับปรุงพื้นที่สำหรับร้านค้าใต้สะพาน ที่ในอดีตเป็นพื้นที่รกร้าง ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและการประชาพิจารณ์ เพื่อให้การปรับปรุงสอดคล้องกับความต้องการของคนในพื้นที่ และคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของย่านตลาดพลู โดยมุ่งส่งเสริมย่านอาหารสตรีทฟู้ดไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เยี่ยมชมโครงการ

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครกับบริษัทโคคา-โคล่า ในการปรับปรุงพื้นที่ใต้สะพานที่เคยรกร้างให้กลายเป็นแหล่งค้าขายของพ่อค้าแม่ค้าในชุมชน เป็นการยกระดับจากร้านริมทางให้กลายเป็นจุดขายอาหารที่สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐานสำหรับนักท่องเที่ยว ส่งผลให้บรรยากาศโดยรอบมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น และไม่เพียงเป็นแหล่งอาหารราคาย่อมเยาเท่านั้น แต่ยังตั้งใจพัฒนาให้เป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมและเศรษฐกิจระดับชุมชน ที่สามารถต่อยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของกรุงเทพฯ ได้ โดยหลายร้านค้าในพื้นที่มีประวัติยาวนาน บางแห่งเปิดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5

บรรยากาศก่อนปรับปรุง

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวต่อว่า กรุงเทพมหานครมีเป้าหมายในการพัฒนาย่านสตรีทฟู้ด อย่างต่อเนื่อง เพราะหัวใจของสตรีทฟู้ดคือการเข้าถึงง่าย มีคุณภาพ และราคาไม่แพง จึงเน้นการออกแบบให้เดินทางสะดวก อยู่ในชุมชน และไม่เก็บค่าเช่า หรือหากมีก็จะไม่มีการปรับเพิ่มค่าใช้จ่าย ปัจจุบันมีการพัฒนาแล้วกว่า 30 ย่าน โดยยึดหลักความร่วมมือกับชุมชนที่มีความพร้อมและเข้มแข็ง เช่น ย่านทรงวาด ที่เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ หรือ ย่านคลองโอ่งอ่าง ที่โดดเด่นด้านศิลปะ ส่วนย่านที่ประสบเศรษฐกิจ เช่น ย่านบรรทัดทอง ก็อยู่ระหว่างการปรับตัว เนื่องจากรายได้ไม่สมดุลค่าเช่าที่สูงขึ้น

“กรุงเทพมหานครตั้งเป้าหมายพัฒนาสตรีทฟู้ดให้ครบ 50 ย่านภายในปี 2569 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก และส่งเสริมให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชีวิตชีวาและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน อย่างไก็ตามเชื่อว่าหัวใจของการพัฒนาคือ “จิตวิญญาณของย่าน” ที่ต้องค้นหาและรักษาไว้ให้ได้ ไม่ใช่แค่สร้างสิ่งใหม่ แต่ต้องทำให้ของเดิมเข้มแข็ง และพัฒนาอย่างยั่งยืน” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

ฮาน ทเว เพียว

ฮาน ทเว เพียว ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท โคคา-โคล่า ประจำประเทศไทยและลาว กล่าวว่า โคคา-โคล่าได้ต่อยอดความสำเร็จของแคมเปญ COKE Foodmarks ด้วยการขยายการปักหมุด ร้านอร่อยคู่โค้ก ให้ครอบคลุมย่านสตรีทฟู้ดทั่วประเทศ โดยขณะนี้มีร้านค้าที่เข้าร่วมแล้วกว่า 4,300 แห่ง และตั้งเป้าขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปี 2568 โดยเน้นพื้นที่ตลาด ถนนคนเดิน และย่านสตรีทฟู้ดชื่อดัง ทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต หัวหิน หาดใหญ่ และพัทยา

“ในปีนี้ ได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร พัฒนาพื้นที่ใต้สะพานรัชดาภิเษก บริเวณทางรถไฟตลาดพลู ให้กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ด้านวัฒนธรรมอาหาร โดยยังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตของชุมชนริมรางรถไฟ และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน สำหรับการพัฒนาในพื้นที่ตลาดพลู มีการออกแบบป้ายแลนด์มาร์กใหม่บนสะพานรัชดาภิเษก ภายใต้แนวคิดที่ผสาน 3 อัตลักษณ์สำคัญของพื้นที่ ได้แก่ 1. ความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์กว่า 200 ปี 2. เอกลักษณ์ของชุมชนริมทางรถไฟ และ3. วัฒนธรรมไทย-จีนที่โดดเด่น โดยเฉพาะอาหารสตรีทฟู้ดที่มีความหลากหลาย” ฮาน ทเว เพียว กล่าว

รวมร้านอาหารริมทางเจ้าดัง

ฮาน ทเว เพียว กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้เน้นการจัดระเบียบร้านค้าให้สะอาด มีพื้นที่นั่งรับประทานอาหารที่เหมาะสม ปรับปรุงจุดล้างอุปกรณ์ให้ทันสมัย ติดตั้งระบบดักไขมัน และจัดการแยกขยะอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเพิ่มระบบแสงสว่างทั่วพื้นที่เพื่อความปลอดภัยในเวลากลางคืน นอกจากนี้ ยังเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้ชุมชน โดยร่วมมือกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี Grab เพื่อให้ร้านค้าสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจชุมชน

อัจฉราวรรณ ธเนตรสุวรรณ ร้านกุยช่ายเจ้บุ๋ม (ครอบครัวตัวกลม) เล่าว่า เดิมทีร้านค้าต่าง ๆ ต้องตั้งแผงขายบนทางเท้า ซึ่งเป็นพื้นที่ผ่อนปรนชั่วคราวที่อนุญาตให้ค้าขายได้ เนื่องจากพื้นที่ใต้สะพานยังไม่ได้รับการพัฒนาและมีสภาพรกร้าง แม้ว่าทางกรุงเทพมหานครจะได้ปรับปรุงพื้นที่ฝั่งตลาดพลู หรือที่เรียกว่าตลาดเก่าไปแล้ว เมื่อมีการพัฒนาพื้นที่ใต้สะพานให้สะอาด ฝ และมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยมีการปูพื้น ติดตั้งระบบไฟ การจัดระบบทิ้งขยะ จุดชำระล้างอุปกรณ์ ก็ทำให้สภาพแวดล้อมโดยรวมดีขึ้น ปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 50 ร้านที่เคยตั้งร้านริมทางเดินเข้ามาจำหน่ายอาหารในพื้นที่ที่จัดไว้โดยเฉพาะ ทำให้ไม่จำเป็นต้องตั้งร้านริมทางเท้าอีกต่อไป สร้างความสะดวกทั้งต่อผู้ค้าและผู้ซื้อ

ร้านค้าต่างๆ เข้ามาขายในพื้นที่ใต้สะพาน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผู้ว่าฯกทม. ใช้กระสอบทราย 50,000 ลูก อุดช่องว่างใต้ดิน เผยจุดน่าห่วงถนนสามเสนทรุดตัว

ผู้ว่าฯ กทม. เร่งแก้ไขเหตุการณ์ถนนสามเสนทรุดตัว ด้วยกระสอบทราย 50,000 ลูก ขณะที่วชิรพยาบาลยืนยันอาคารปลอดภัยแต่ขอปิด OPD ชั่วคราว

ผู้ว่าฯกทม. เผยเดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ตึกสตง. หาผู้ติดค้างเพิ่ม

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าสถานการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุแผ่นดินไหว ว่า วานนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกตนพร้อมด้วย พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร

'ผู้ว่าชัชชาติ' ยอมรับมีปัญหาสื่อสารหน้างานกู้ซากตึกถล่ม หน่วยงานอื่นเข้าพื้นที่ยาก

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังเข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานกรณีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม