
ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น “นมทางเลือก” โดยเฉพาะที่ผลิตจากพืช กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของทั้งกลุ่มคนรักสุขภาพ รวมถึงผู้ที่มีอาการแพ้นมวัว ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ทั้งด้านโภชนาการ ความย่อยง่าย และความหลากหลายทางรสชาติ
ด้วยเหตุนี้เครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ จึงพัฒนาเครื่องดื่มน้ำนมข้าวโอ๊ต แบรนด์ Luv( ลัฟ) 2 รสชาติ ได้แก่ สูตรไม่เติมน้ำตาล และ รสช็อกโกแลต เพื่อตอบรับกระแสของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ภายในงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Beyond Food Experience นำเสนอประสบการณ์ที่มากกว่าเพียงรสชาติ สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ในเครือที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานการผลิตระดับโลก
วศธร พลไพศาล ผู้บริหารเครือเฮอริเทจ กล่าวว่า เครือเฮอริเทจ ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มทางเลือก เช่น นมจากพืช หรือน้ำผลไม้ ปัจจุบันสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ไปมากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก โดยมีความมุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในหลายกลุ่ม จุดแข็งของเฮอริเทจอยู่ที่การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพจากแหล่งชั้นนำระดับโลก ผสานกับกระบวนการผลิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้บริโภคมาโดยตลอด
วศธร กล่าวต่อว่า เครือเฮอริเทจมุ่งมั่นรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก ภายใต้วิสัยทัศน์ Healthy Food เพื่อ Happy Lifeพร้อมขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ถั่ว ผลไม้แห้ง และเครื่องดื่มทางเลือก โดยมีกลยุทธ์หลักประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่ 1.การพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อสุขภาพ เช่น นมทางเลือก และถั่วพรีเมียมรสชาติใหม่ 2.การขยายตลาดต่างประเทศ โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ มุ่งสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และยุโรป 3.การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ เฮอริเทจยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ด้วยการใช้พลังงานสะอาด พัฒนานวัตกรรมอาหาร และดำเนินโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านสุขภาพ การศึกษา และสิ่งแวดล้อม

“จากกระแสของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพในการเลือกดื่มนมทางเลือกมากขึ้น ข้อมูลจาก NielsenIQ (NIQ) ระบุว่า ตลาดนมทางเลือกเติบโตถึง 37% ในปี 2024 เมื่อเทียบกับปี 2023 มีมูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท และคาดว่าในอีก 2 ปีจะมีมูลค่าเกิน 3,000 ล้านบาท และปัจจุบันความนิยมนมข้าวโอ๊ตที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 22% ในกลุ่มนมทางเลือก ซึ่งสะท้อนแนวโน้มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ” วศธร กล่าว
เครือเฮอริเทจจึงตั้งเป้าเป็นผู้นำในตลาดนมทางเลือก โดยมีผลิตภัณฑ์เด่น เช่น บลูไดมอนด์ อัลมอนด์บรีซ และนมพิสทาชิโอ แบรนด์ซันคิสท์ และพัฒนาสินค้าใหม่ คือ นมข้าวโอ๊ตแบรนด์ Luv(ลัฟ) และ เครื่องดื่มน้ำนมข้าวโอ๊ต ที่เปิดตัวมา 2 รสชาติ ได้แก่ สูตรไม่เติมน้ำตาล และ รสช็อกโกแลต ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการมีวิตามินอี ใยอาหาร และแคลเซียมสูง ปราศจากแลคโตสและกลูเตน ไม่มีส่วนผสมของถั่วเหลือง หอม อร่อย ดื่มง่ายได้ ทุกเพศทุกวัย
สุริยา มูลศรี ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำประเทศไทย เครือเฮอริเทจ กล่าวเสริมว่า ในอดีตผู้บริโภคมีทางเลือกในการดื่มนมค่อนข้างจำกัด โดยส่วนใหญ่จะบริโภคนมวัวหรือนมถั่วเหลือง ซึ่งในบางกรณีอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์นมจากพืช ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกดื่มนมที่เหมาะสมกับสุขภาพและข้อจำกัดส่วนบุคคลได้มากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตลาดโดยรวม เนื่องจากผลิตภัณฑ์จากพืชมักมีราคาสูงกว่านมวัวถึง 2–3 เท่า

ทั้งนี้ ปัจจุบันขนาดของตลาดนมจากธัญพืชในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 1,900 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 37 ขณะที่ตลาดนมทั้งหมดมีมูลค่าราว 60,000 ล้านบาท โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์นมจากธัญพืชมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบัน นมอัลมอนด์ ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ประมาณ 50% รองลงมาคือ นมพิสทาชิโอ นมข้าวโอ๊ต และนมที่มีส่วนผสมของนมข้าวโพด และนมข้าว โดยคาดว่าตลาดนมจากธัญพืชจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมข้าวโอ๊ต สุริยา กล่าวว่า ในต่างประเทศ ผู้บริโภคมีความคุ้นเคยกับการบริโภคนมข้าวโอ๊ต เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ได้บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก จึงใช้ข้าวโอ๊ตเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตแทน โดยโอ๊ตมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนซึ่งดีต่อสุขภาพ แม้นมข้าวโอ๊ตจะเป็นกระแสในระดับสากล แต่ในบริบทของประเทศไทย ซึ่งประชากรส่วนใหญ่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลักอยู่แล้ว อาจทำให้นมจากข้าวโอ๊ตยังไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในวงกว้าง เนื่องจากเป็นการเพิ่มคาร์โบไฮเดรตจากแหล่งซ้ำซ้อน อย่างไรก็ตามนมข้าวโอ๊ต แบรนด์ลัฟ มีรสชาติที่ทานง่าย และสามารถใช้เป็นส่วนผสมกับกาแฟได้อย่างลงตัว

สุริยา กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาแนวโน้มการเติบโตระยะยาว นมอัลมอนด์และนมถั่วเหลืองยังคงเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนสูงกว่านมข้าวโอ๊ต แม้ปัจจุบันนมข้าวโอ๊ตจะยังไม่อิ่มตัวในตลาด แต่ด้วยฐานผู้บริโภคที่ยังอยู่ในระดับเริ่มต้น ทำให้ต้องใช้เวลาในการขยายตัว ในส่วนของวัตถุดิบ ข้าวโอ๊ตจำเป็นต้องปลูกในภูมิอากาศเย็นและมีแสงแดดตลอดทั้งปี ซึ่งประเทศไทยยังไม่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูกเชิงพาณิชย์ จึงมีการนำเข้าข้าวโอ๊ตคุณภาพสูงจากสหรัฐอเมริกา โดยมีการนำข้าวโอ๊ตจากแคนาดา ซึ่งเป็นแหล่งปลูกที่มีคุณภาพ ก่อนเข้าสู่กระบวนการแปรรูปขั้นสุดท้ายให้อยู่ในรูปแบบผง เพื่อให้ง่ายต่อการขนส่งและนำไปใช้ผลิตภัณฑ์นมจากข้าวโอ๊ต
“เครือเฮอริเทจ ซึ่งมุ่งเน้นในตลาดสินค้าสุขภาพและกลุ่ม Healthy Food ได้ดำเนินธุรกิจในตลาดไทยมายาวนาน พบว่าตลาดนมจากพืชในประเทศไทย แม้จะเริ่มต้นช้ากว่าประเทศอื่น แต่กลับเติบโตได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน จนกลายเป็นกรณีศึกษาที่ได้รับความสนใจจากประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ยังมีอัตราการบริโภคนมต่อหัวค่อนข้างต่ำ ดังนั้น การเพิ่มทางเลือกผ่านผลิตภัณฑ์จากพืชจึงเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยกระตุ้นการบริโภคนมโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ” สุริยา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
10 อาชีพการแพทย์ยอดนิยม ปี 2568 - หางานสายสุขภาพ
ในยุคโลกดิจิทัลที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้า และการดูแลสุขภาพร่างกายต่างได้รับความสำคัญมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง สายงานอาชีพในการแพทย์ไม่เพียงแต่จะมีบทบาทสำคัญในสังคม แต่ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต โดยเฉพาะในปี 2568


