เยี่ยมบ้านโบราณร้อยปี' หลุยส์ ที เลียวโนเวนส์  '

บ้านหลุยส์ ที เลียวโนเวนส์ เจ้าของบ้านบุตรชายของแหม่มแอนนา

ชุมชนท่ามะโอ เป็นชุมชนเก่าแก่ของจังหวัดลำปาง มีชื่อเสียงจากบ้านเรือนไม้สักเก่าแก่และสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่ได้รับอิทธิพลจากยุคที่ลำปางเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมไม้  ชุมชนนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำวัง และเป็นที่รู้จักจากบ้านเสานัก รวมถึงอาคารเก่าอื่นๆ ที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และความเจริญรุ่งเรืองในอดีต


วันนี้จะพาไปเที่ยวบ้านเก่า ที่กลาวได้ว่าเป็นมรดกของชุมชน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชุมชน ที่อุดมด้วยประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม บ้านไม้เก่าแก่ในชุมชนท่ามะโอ ที่ถือว่าเป็นโบราณสถานนั้น ก็มีอยู่ 5 แห่ง ได้แก่  1.บ้านเลขที่9  บ้านเกิดหลวงพ่อเกษม  2. บ้านท่าเก็าม่วง  3. บ้านร้อยปี  4.บ้านหลุยส์ ที เลียว โนเวนส์  และ 5.บ้านคำออน

แต่ในช่วงได้ไปเยือนลำปาง ได้แวะแค่ “บ้านหลุยส์ ที เลียว โนเวนส์” เท่านั้น แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็รู้สึกประทับใจ  จนอยากเก็บมาเล่าสู่กันฟัง

ภาพถ่าย หลุยส์ ที  เลียวโนเวนส์


ภายใต้สภาพอากาศขมุกขมัวครึ้มฟ้าครึ้มฝน เพราะมีการเก็งกันว่าในช่วงนั้น เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน อาจจะเจอแจ็กพ็อต น้ำท่วม เหมือนจังหวัดน่านก็เป็นได้  แต่เอาเข้าจริงตลอด 3 วันยังไม่เจอฝนหนักๆเลย พอลงจากรถ ก็เจอความเขียวครึ้มของร่มไม้บริเวณรอบบ้าน  แขกต้อนรับไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรถม้า2คันที่รอผู้โดยสารจอดรออยู่ เพราะที่บ้านหลุยส์ จะมีนักท่องเที่ยวแวะเข้ามาเยี่ยมชมเรื่อยๆ  ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ ซึ่งวันนั้นเราเจอกรุ๊ปทัวร์ฝรั่ง4-5 คน ที่มีไกด์คนไทยพามา

บ้านหลุยส์ ฯมีอายุ112ปี  เจ้าของบ้านดั้งเดิมคือ นายหลุยส์ โทมัส เลียวโนเวนส์ (Louis Thomas Leonowens) บุตรชายของนางแอนนา เลียวโนเวนส์ หรือ แหม่มแอนนา  ครูสอนภาษาอังกฤษ ให้กับ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่  4 ซึ่งต่อมากลายเป็นเรื่องโด่งดัง เมื่อบันทึกที่แหม่มแอนนาเขียนขึ้น ถูกนำไปสร้างภาพยนตร์ และละครเวที ในชื่อ” The King and I  “

มุข 7เหลี่ยม ที่สร้างความเป็นเอกลักษณ์ ทันสมัยให้กับตัวบ้าน


ส่วนหลุยส์นั้น เป็นลูกชายของแหม่มแอนนา เมื่ออายุได้  7 ขวบ หลุยส์ ได้ติดตามแม่มาอยู่ที่สยาม และหลังจบการศึกษาที่ยุโรปแล้ว ก็ได้กลับมาในสยามอีกครั้ง  เมื่อพ.ศ. 2425 ขณะมีอายุได้  27ปี หลุยส์เริ่มเข้าสู่วงการค้าไม้ พ.ศ.2427 ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนของบริษัท บริติช บอร์เนียว ( The British Borneo Company Limited  ) ในการเจรจาขอรับอนุญาต ทำป่าไม้ประจำเมืองระแหง ซึ่งปัจจุบันคืออำเภอหนึ่งใน จ.ตาก  ต่อมาพ.ศ.2439 เขาได้ลาออกจากบริษัท บริติช บอร์เนียวฯ  เพื่อเปิดบริษัทค้าขายทั่วไป ของตัวเองที่เชียงใหม่ และได้ย้ายมาตั้งบริษัทตัวเองที่ลำปาง พร้อมกับได้รับสัมปทานทำป่าไม้

บรรยากาศการจัดแสดงภาพถ่ายโบราณ ชั้นล่างของบ้าน

บ้านหลังนี้ปลูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นทั้งที่พักของนายหลุยส์และอาคารสำนักงานของเขาที่ลำปาง  ซึ่งขณะนั้น หลุยส์ยังเปิดสำนักงานนำเข้าสินค้าต่างประเทศที่กรุงเทพฯ ด้วย ตัวบ้านเป็นอาคารตึกครึ่งไม้สองชั้น เลขที่ 44  ณ  ชุมชนท่ามะโอ   เป็นบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้สองชั้นแบบเรือนปั้นหยา สไตล์โคโลเนียล ชิ้นล่างก่อปูนแข็งแรง ส่วนชั้นบนเป็นเรือนไม้มีจุดเด่นคือ ห้องโถงที่ทำเป็นมุขเจ็ดเหลี่ยมยื่นออกไปด้านหน้า ติดหน้าต่างบานเกล็ดไม้โดยรอบ บริเวณโดยรอบบ้านมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น  

อีกมุมที่จัดแสดงภาพถ่ายชั้นล่าง

เมื่อหลุยส์ เสียชีวิตที่อังกฤษใน พ.ศ. 2462  กรมป่าไม้จึงได้รับมอบโอนกิจการทำไม้ของบริษัท บริติช บอร์เนียว จำกัดและบริษัทหลุยส์ ที. เลียวโนเวนส์รวมถึงบ้านหลังนี้ด้วยใน  บ้านหลังนี้จึงกลายเป็นอาคารที่ทำการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ในระยะหนึ่งและต่อมาได้กลายเป็นบ้านพักสำหรับพนักงานจนกระทั่งพนักงานลดจำนวนลง จึงไม่มีผู้พักอาศัยอีกและทรุดโทรมไปตามกาลเวลา

ภาพชีวิตของชาวยุโรป ถ่ายหน้าบ้านหลุยส์ เป็นเจ้าหน้าที่ บริษัท บริติช บอร์เนียว เข้ามาทำสัมปทานไม้ในภาคเหนือของไทย

ในปี 2563 เป็นช่วงที่มีข่าวรื้อบ้านไม้โบราณที่จังหวัดแพร่  เป็นจังหวะเดียวกับที่ “บ้านหลุยส์ ที เลียวโนเวนส์” ที่อยู่ในสภาพทรุดโทรม  กำลังรื้อเพื่อทำการซ่อมแซมพอดี  ทำให้หลายคนตกอกตกใจว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยกับที่แพร่หรือไม่   แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนวิตก  เพราะบ้านหลุยส์ ได้รับการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ในปี 2563-2564 แต่วันที่ได้ไปเยือนพบว่าสภาพบ้านยังไม่ดีเท่าที่ควร หากปล่อยไว้นานๆ ก็คงจะทรุดโทรมยิ่งขึ้นกว่านี้ เพราะแค่บันไดทางขึ้นไปชั้นสอง ก็คิดว่าน่าจะต้องถึงเวลาซ่อมแซมแล้ว

ตัวบ้านด้านล่างเป็นปูน มีประตูเข้าหน้าบ้าน เป็นซุ้มโค้งแบบฝรั่ง พร้อมช่องแสงระบายอากาศ ไม้ฉลุลายละเอียดประณีตสวยงาม เป็นที่จัดวางภาพถ่ายจำนวนมาก และมีตู้ไม้โบราณ วางภาพถ่ายเก่าแก่ไว้ด้วยเช่นกัน ส่วนภาพถ่ายโบราณที่นำมาโชว์ส่วนใหญ่เป็นภาพชีวิตคนไทยเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ตั้งวางเรียงรายทั้งบนโต๊ะ บนผนัง แสตนด์โชว์รูป  

ไม่แน่ชัดว่าเป็นภาพถ่ายของหลุยส์ ที เลียวโนเวนส์หรือไม่ แต่เป็นภาพของชาวยุโรปเมื่อร้อยกว่าปีก่อน


หลังจากชมภาพถ่ายจากด้านล่างแล้ว ก็เดินขึ้นมาชั้นบน  พอขึ้นบันไดจุดแรกที่เจอก็คือมุข 7เหลี่ยม พร้อมกับภาพถ่ายของ หลุยส์ ที เลียวโนเวนส์ ตั้งวางไว้  ถัดมาเป็นห้องโถงกลาง ซึ่งก็มีภาพถ่ายฝรั่ง เข้าใจว่าเป็นคนของ บริติช บอร์เนียว ที่ทำกิจกรรมต่างๆ เดินป่า ขี้ช้าง  รวมทั้ง ภาพมิชชั่นนารี และแน่นอนว่ามีภาพของหลุยส์ อยู่ในนั้นด้วย ภาพส่วนใหญ่ไม่มีการบรรยายบอกเล่าว่าใครเป็นใคร ยกเว้นภาพของมิชชันนามีที่ระบุไว้ชัดเจน  ภาพมีทั้งติดบนผนังห้อง บนโต๊ะ บนแสตนด์วางรูปมีเยอะมาก

การจัดแสดงภาพถ่าย

บ้านมีความทันสมัยไม่น้อย ถัดจากห้องโถงกลาง จะเป็นสเต็ปบันไดขั้นเล็กๆ ขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งน่าจะเป็นห้องนอนของเจ้าของบ้าน ขนาดของห้องไม่ใหญ่นัก  เป็นห้องโล่งๆ  ออกมาจากโถงกลาง ด้านริมสุดของตัวอาคาร เป็นระเบียง มีหน้าต่างโดยรอบ ไม่ได้เปิดโล่งให้ตากแดด ตากฝน บรรยากาศตรงจุดนี้ค่อนข้างจะทึมๆ

อ้อ ลืมบอกไปว่า ถัดจากโถงกลาง ยังเจอห้องเล็กๆ อีกห้อง เป็นห้องโล่งๆ แต่มีโต๊ะวางรูป ที่เป็นคนไทยทั้งหมด เข้าใจว่าเป็นเชื้อพระวงศ์และขุนนางฝ่ายไทย เสียดายที่มีเวลาน้อย เลยไม่ได้เก็บรายละเอียดส่วนนี้

กิจกรรมสังสรรค์ของชาวยุโรปยุคนั้น

เดินชมชั้นบนเสร็จ ก็รู้สึกเสียดาย ถ้าบ้านหลังนี้ได้รับการดูแลอย่างดีเท่าที่ควร ก็จะมีความงดงามแข็งแรงมากกว่านี้ เพราะนอกจากบันได ที่ไม้ขั้นบันไดเอียงๆ ทำท่าจะหลุด พื้นไม้ชั้นบนของบ้าน ยังแข็งแรงอยู่ในสภาพที่ดีมากๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นผลจากการบูรณะเมื่อ4-5ปีก่อนหรือไม่ หรือเป็นสภาพดั้งเดิมในส่วนที่ดีของบ้านที่ยังหลงเหลืออยู่ ส่วนมุข 7เหลี่ยม หน้าต่าง เริ่มเอียงๆไม่ได้มีสภาพสมบูรณ์ อาจจะด้วยสภาพความชื้นดินฟ้าอากาศที่กัดกร่อนสภาพบ้านไปทุกวันๆ

ภาพของมิชชันนารี ที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนา

ส่วนด้านนอกรอบตัวบ้านก็บรรยากาศดีมาก มีความเขียวสดของสนามหญ้า ต้นไม้ใหญ่ อายุน่าจะไม่ต่ำกว่าร้อยปี หลายต้น ให้ความร่มรื่นกับบริเวณโดยรอบ ส่วนตัวบ้านมองระยะไกล ก็ยังสวยงาม น่าสนใจ

ระเบียงชั้นบน ที่มีบรรยากาศทึมๆ
บันไดทางขึ้นชั้น 2 ที่อยู่ในสภาพไม่ดีนัก

สรุปว่าถึงบ้านหลุยส์จะไม่ได้มีโต๊ะเก้าอี้ ข้าวของเครื่องใช้ที่แสดงถึงความเป็นอยู่เมื่อร้อยกว่าปีก่อน มีเพียงภาพถ่ายที่นำมาจัดแสดงไว้มากมาย ก็พอจะชดเชยได้บ้าง ทำให้ในเวลาสั้นๆ เราก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเก่าแก่โบราณ

ภาพเจ้าหน้าที่ฝายไทยที่ตั้งเรียงไว้ห้องเล็กอีกห้อ

หากใครมีโอกาสไปลำปาง ก็หวังว่าจะได้ไปเยือนบ้านไม้โบราณ หลุยส์ ที เลียวโนเวนส์ สักครั้ง หรือถ้ามีเวลามากพอ ก็ไปเยือนบ้านโบราณ อีก 4แห่งในชุมชนท่ามะโอ ก็น่าจะได้เรื่องราวความประทับใจอีกมากมายกลับมา.

ป้ายบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ หลุยส์ ที เลียวโนเวนส์
ต้นมะขามเก่าแก่ อายุจะร้อยปีหรือไม่ ไม่แน่ใจ แต่น่าจะเกินครึ่งศตวรรษ สร้างความร่มรื่นให้กับบริเวณบ้าน
ผลงานศิลปะ เป็นรูปช้างที่ทำด้วยไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย บ่งบอกเรื่องราวการทำปางไม้ ซึ่งช้างมีบทบาทสำคัญ


อีกมุมที่เล่าถึงการทำปางไม้ยุคก่อน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สุดคึกคักนักวิ่งทั่วโลกกว่า4พัน ร่วม'แม่เมาะฮาล์ฟมาราธอน' สนามมาตรฐานโลกภาคเหนือ

นักวิ่งทั่วโลกร่วมแข่งขัน “แม่เมาะฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 32” ล้นหลามกว่า 4 พันคน ทุบสถิติจำนวนนักวิ่ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่าครึ่ง พร้อมพิสูจน์สนามแข่งมาตรฐานระดับโลกจากกรีฑาโลก (World Athletics) ระดับ Road Race Label ในระยะฮาล์ฟมาราธอนแห่งแรกของภาคเหนือต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ร่วมยินดี “ปารียา สนเส็ม” คว้าแชมป์ Overall 21.1 กิโลเมตร หญิง 3 สมัยซ้อน รับถ้วยพระราชทานฯ ใบจริง “อนุชา พาดา” มาแรงทำลายสถิติสนามคว้าแชมป์ Overall 21.1 กิโลเมตร ชาย ไปครองสมัยที่ 2

อาสากู้ภัยสุดเฮง! ถูกหวย 12 ล้าน ยันเดินหน้าทำดีช่วยคนต่อ

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา นายไพโรจน์ พัฒสาตร์ หรือ อาจารย์ ตองเจ พร้อมกับครอบครัวและเพื่อนร่วมงานสมาคมกู้ภัยมณีดวงแก้ว ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง