ประเพณีเรียกขวัญ ฟื้นฟูใจพื้นที่ชายแดน

จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา นอกจากส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ  ผู้ได้รับผลกระทบจากบ้านเรือนและสถานประกอบการพังเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชาแล้ว ยังเกิดผลกระทบต่อจิตใจจากความเครียด วิตกกังวล ไม่ไว้วางใจ และสภาพเศรษฐกิจโดยรวม 

สุขภาพจิตที่ย่ำแย่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่  ทำให้สูญเสียความสามารถในการทำงาน ปัญหานี้ไม่เพียงเป็นเรื่องสุขภาพจิตของบุคคล แต่ยังเป็นเรื่องสำคัญในมิติเศรษฐกิจที่ควรแก้ไข การเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพจิตและการฟื้นฟูสภาพจิตใจ ซึ่งศิลปะและวัฒนธรรมเป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยให้มีระดับความเครียดลดลง  อีกทั้งสามารถเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและชุมชนในระยะยาว

นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมมีความห่วงใยต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดนเป็นอย่างยิ่ง ได้หารือร่วมกับหน่วยงานในสังกัด วธ อย่างเร่งด่วน และบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงองค์กรภาครัฐ เอกชน ผู้นำชุมชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนโครงการฟื้นฟู เยียวยา และบำบัดจิตใจ ด้วยเครื่องมือทางศิลปะ วัฒนธรรมอย่างเป็นระบบ ภายใต้แนวคิด “ฟื้นหัวใจ ฟื้นชุมชน ด้วยพลังศิลปะ วัฒนธรรม” เน้นการใช้ศิลปะ ดนตรี และภูมิปัญญาท้องถิ่นในการบำบัดจิตใจ สร้างพลังบวก และฟื้นความหวังให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยเริ่มในพื้นที่ 5 จังหวัดอีสานใต้ ได้แก่ นครราชสีมา บุรีรีมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี จากนั้นจะทำในพื้นที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ด้วย

ปลัด วธ. กล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุด วธ.ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบไทย-กัมพูชา สำรวจข้อมูล  จำแนกพื้นที่ได้รับผลกระทบ กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบแบ่งเป็นกลุ่มใดบ้าง กระทรวงวัฒนธรรมจะเข้าไปหนุนเสริมฟื้นฟูเยียวยาในเรื่องใดได้บ้าง กิจกรรมเน้นดูแลจิตใจ เช่น ชุมชนได้รับผลกระทบจากการอพยพย้ายถิ่นฐาน เกิดความสูญเสียหรือบาดเจ็บจะจัดประเพณีหรือพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเรียกขวัญ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและสร้างสิ่งยึดเหนียวทางจิตใจของคนกลับคืนมา  จากนั้นจะเป็นการดูแลสุขภาพจิตรายบุคคล หากแพทย์หรือจิตแพทย์วินิจฉัยพบมีความเจ็บป่วยทางใจ จะใช้ศาสตร์ทางศิลปะและดนตรีเข้าไปบำบัด ถือเป็นครั้งแรกที่ วธ.บูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ทำโครงการลักษณะนี้ แม้จังหวัดสุรินทร์ทำไปบ้างแล้ว นำศิลปินหรือแสดงดนตรีลดความเครียด ลดความคิดถึงบ้าน แต่ไม่ทุกมิติ ขณะที่อีกหลายจังหวัดยังไม่ใช้พลังศิลปะฟื้นฟู  

ภายใต้โครงการฟื้นฟู เยียวยา และบำบัดจิตใจ ด้วยศิลปะ นายประสพ กล่าวว่า กิจกรรมที่จะจัดมีหลากหลายรูปแบบ เช่น กิจกรรมศิลปะบำบัดสำหรับเด็กและครอบครัว ดนตรีบำบัดโดยศิลปินจิตอาสา เวทีเล่าเรื่องชีวิตเพื่อการฟื้นฟูจิตใจ พิธีกรรมเรียกขวัญตามประเพณีท้องถิ่น การจัดคาราวานศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และพื้นที่เกี่ยวเนื่อง ที่มีผู้ได้รับผลกระทบ

“ วัฒนธรรมไม่ใช่เพียงแค่ศิลปะหรือประเพณีเท่านั้น แต่คือพลังของความเป็นมนุษย์ พลังของหัวใจซึ่งเป็นเครื่องมื่อที่สามารถฟื้นฟูผู้คนจากความเจ็บปวด สูญเสีย และความกลัว ให้กลับมามีศักดิ์ศรี มีความหวัง และเชื่อมั่นในอนาคตได้อีกครั้ง เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และจะใช้พลังของศิลปะ วัฒนธรรม ฟื้นฟูเยียวยาจิตใจของคนไทยอย่างอบอุ่นและยั่งยืน” นายประสพ กล่าว

ทั้งนี้ โครงการนำร่องภายใต้แผนปฏิบัติการระยะเร่งด่วน 3 เดือน จะเริ่มดำเนินการในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทันที พร้อมจัดตั้งกลไกขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ โดยมีสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดในพื้นที่เป็นหน่วยประสานหลัก ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน

เพิ่มเพื่อน