ในยุคต้องสแกนม่านตา ยืนยันความเป็นมนุษย์ ป้องกันภัยออนไลน์

 เครื่อง Orb ที่ใช้ในการสแกนม่านตา 

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวกระโดดอย่างไม่หยุดยั้ง AI และบอท ได้เข้ามามีบทบาทในโลกออนไลน์มากขึ้นทุกวัน จนหลายครั้งเรายากที่จะแยกแยะได้ว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ “มนุษย์จริง” หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” ความท้าทายนี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่ต่อสังคมโลกว่า มนุษย์จะรักษาความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และความจริงแท้บนโลกดิจิทัลได้อย่างไร

เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว จึงได้เกิดเป็นโครงการ World เทคโนโลยีระดับโลกที่ก่อตั้งโดย Sam Altman ผู้สร้าง ChatGPT และ Alex Blania ผ่านนวัตกรรม สแกนม่านตา เพื่อยืนยันความเป็น “มนุษย์จริง” ไม่ใช่บอทหรือระบบอัตโนมัติที่กำลังแทรกซึมอยู่ทุกมิติของชีวิตดิจิทัลในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ และความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน กระแสข่าวลือเกี่ยวกับการเก็บข้อมูล ความปลอดภัย และวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของ World ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในสังคมไทย จนสร้างความกังวลในวงกว้าง

ด้วยเหตุนี้ บริษัท Tools for Humanity (TFH) ประจำประเทศไทย และ World Foundation จึงได้แถลงไขข้อกังวลการดำเนินงานโครงการ World ในไทย อาทิ  การทำงานของระบบWorld ความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูล การป้องกันมิจฉาชีพ และเป้าหมายในการจัดทำโครงการ

ภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการ Tools for Humanity ประจำประเทศไทย กล่าวว่า  World ไม่ใช่โครงการที่ทำโดย “มิจฉาชีพที่ไหนก็ไม่รู้” แต่เป็นเทคโนโลยีระดับโลกจากบริษัท Tools for Humanity (TFH) ก่อตั้งโดย Alex Blania และ Sam Altman นักวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เป้าหมายสำคัญคือการต่อสู้กับมิจฉาชีพที่นำ AI ไปใช้ในทางที่ผิด ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกทั้งในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และอีกหลายประเทศ ซึ่งเป็นระบบใช้เพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์เท่านั้น ไม่ใช่ยืนยันตัวตน

ภัคพล ตั้งตงฉิน

สำหรับประเทศไทย ภัคพล  กล่าว่า World เลือกเข้ามาเพราะสถิติเมื่อปีที่แล้วพบว่า คนไทยถูกหลอกลวงออนไลน์มากกว่า 168 ล้านครั้ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 40,000 ล้านบาท เมื่อมิจฉาชีพมีโอกาสใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็น AI ปลอมเสียง (Voice AI) หรือการสร้าง Deepfake ปลอมแปลงใบหน้า ไทยจึงจำเป็นต้องมีระบบที่ทันสมัยและปลอดภัยมารองรับ นี่จึงเป็นที่มาของความตั้งใจในการนำ World ID เข้ามา เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถใช้ชีวิตอยู่ในยุค AI ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

“ภารกิจหลักของ World คือการปกป้องประชาชนจากภัยออนไลน์ ด้วยการพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ ท่ามกลางยุคที่มิจฉาชีพใช้บอทและ AI หลอกลวงมากขึ้น เทคโนโลยีสแกนม่านตาของ World ทำให้สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังบัญชีหรือธุรกรรมออนไลน์เป็นมนุษย์จริง ไม่ใช่บัญชีปลอมจึงช่วย ลดปัญหาการหลอกลวงทางดิจิทัลที่อาศัยบอทหรือการสวมรอยได้อย่างมีนัยสำคัญ ในประเทศไทย World ได้ร่วม มือกับพันธมิตร เช่น Crazer : คัดกรองผู้เล่นเกมว่าเป็นมนุษย์หรือ AI/บอท, Pantip : แสดงกระทู้และรีวิวที่มาจากผู้ใช้งานจริง, Eventpop : ป้องกันบอทกว้านซื้อตั๋วและสร้างความโปร่งใสในการขายบัตร, Whoscall : ช่วยยืนยันเบอร์โทรว่าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่มิจฉาชีพ และRagnarok Online : คัดกรองผู้เล่นจริงจากบอท” ภัคพล กล่าว

การทำงานของระบบ World ภัคพล กล่าวว่า  การออกแบบได้คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวสูงสุดภาพม่านตาที่สแกนโดยเครื่อง Orb จากนั้นจะถูกแปลงเป็น Iris Code หรือรหัสตัวเลขแบบไบนารีมากกว่า 10,000 หลัก รหัสนี้จะถูกเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งานเท่านั้น  ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นภาพได้ และภาพต้นฉบับจะถูกลบทันทีโดยไม่ถูกนำไปซื้อขายหรือจัดเก็บ เนื่องจากผ่านกระบวนการที่เรียกว่าOne-way Photographic Encryptionข่าวลือเรื่องข้อมูลรั่วไหล หรือนำข้อมูลไปขายจึงไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ ระบบ World ไม่มีการเข้าถึง หรือผูกข้อมูลกับแอปพลิเคชันทางการเงินใด ๆ และไม่เกี่ยวข้องกับการโจรกรรมทางการเงินตามที่มีการเผยแพร่

ด้านกฎหมาย ภัคพล ย้ำชัดเจนว่า  World  ผ่านการตรวจสอบโดยบริษัทด้านความปลอดภัยระดับโลกหลายแห่ง นอกจากนี้ยังปฏิบัติตามกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะข้อกำหนด PDPA เพื่อให้การปฏิบัติงานโปร่งใสและถูกต้องตามข้อบังคับ นอกจากนี้ยังได้จัดทำ Auditor Report โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค เช่น Theori และ Trail of Bits ตรวจสอบระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งทั้งหมดถูก เปิดเผยแบบโอเพนซอร์สบน GitHub ให้ทุกคนทั่วโลกเข้ามาตรวจสอบได้ เพื่อยืนยันว่าระบบปลอดภัยและไม่มี ช่องโหว่แอบแฝง

ภัคพล  กล่าวถึง แอปพลิเคชั่น World ภายในแอปยังมีมินิแอปมากกว่า 400 แอป ที่ยืนยันความเป็นมนุษย์ของผู้ใช้งาน ด้านมาตรการป้องกันมิจฉาชีพ1.ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนผ่านสื่อและจุดบริการ 2.จัดตั้งทีมเชิงรุกเพื่อค้นหาและป้องกันการทุจริต3.เปิดให้ผู้ใช้งานรายงานพฤติกรรมไม่เหมาะสมผ่านแอปฯ โดยทีมงานจะตรวจสอบและดำเนินการทันที ทั้งนี้ World ยืนยันว่า ไม่มีการจ้างบุคคลที่สามมาเก็บข้อมูล ไม่มีค่าบริการ ไม่มีการจ่ายเงินสดหรือสิ่งตอบแทนใด ๆ รวมถึงไม่มีการรับแลกเหรียญหรือแปลงเป็นเงินบาท

 ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้สร้างบัญชีแล้วกว่า 33 ล้านคน โดยผ่านการยืนยันความเป็นมนุษย์แล้วราว 15–16 ล้านคน ในประเทศไทย มีผู้สร้างบัญชีแล้วกว่า 2 ล้านคน ในจำนวนนี้ประมาณ 1 ล้านคน ได้ทำการยืนยันแล้ว นอกจากนี้ผู้ใช้งานสามารถลบข้อมูลได้ทุกเมื่อผ่านเมนู Settings ข้อมูลทั้งหมด รวมถึง World ID จะถูกลบออกไปทันที World มีเจตนารมณ์ชัดเจนในการนำเทคโนโลยีนี้มาเป็น รากฐานของการอยู่ร่วมกับ AI อย่างปลอดภัย เพราะในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สังคมอาจเผชิญสถานการณ์ที่ AI และบอทมีสัดส่วนสูงถึง 90% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต การยืนยันความเป็นมนุษย์โดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจึงเป็นหัวใจสำคัญของโลกอนาคต

“เทคโนโลยีใหม่นำมาซึ่งความกังวลเสมอ ยกตัวอย่างเมื่อ iPhone เปิดตัวระบบสแกนลายนิ้วมือและสแกนใบหน้า ผู้คนกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกัน World เชื่อว่าเทคโนโลยีสแกนม่านตาจะค่อย ๆ ได้รับการยอมรับในอนาคต” ภัคพล กล่าว 

 ฟาเบียน โบดันสไตเนอร์

ฟาเบียน โบดันสไตเนอร์ กรรมการผู้จัดการ World Foundationมกล่าวเสริมว่า คำถามที่ผู้คนสงสัยมากที่สุดคือ ทำไมต้องสแกนม่านตา? แม้จะดูขัดกับสัญชาตญาณ แต่การสแกนม่านตาเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ระบบสามารถยืนยันความเป็นมนุษย์ได้อย่างแท้จริง โดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ระบบของ World ออกแบบมาเพื่อรักษาความเป็นนิรนาม 100% ไม่มีการเชื่อมโยงกับหมายเลขบัตรประชาชน หรือข้อมูลระบุตัวตนใด ๆ ทั้งสิ้น ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในโทรศัพท์ของผู้ใช้งานเอง

ฟาเบียน กล่าวต่อว่า จากการทำงานร่วมกับทีมผู้ก่อตั้ง World Project ตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อน และได้เห็นการพัฒนามาโดยตลอด การวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อยืนยันว่าระบบนี้สามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้จริง และที่สำคัญคือป้องกันการต้มตุ๋นหรือการปลอมแปลงตัวตนบนโลกออนไลน์ หากมองเข้าไปในเครื่อง Orb จะเห็นว่าไม่ใช่เพียงกล้องธรรมดา แต่เป็นอุปกรณ์ซับซ้อนที่สร้างขึ้นเพื่อพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อระบุตัวบุคคลใด ๆ ระบบถูกออกแบบและทดสอบเป็นเวลาหลายปี เพื่อรับประกันว่าข้อมูลจะไม่สามารถถูกนำไปใช้ย้อนกลับได้ และจะยังคงเป็นส่วนตัวตลอดไป

“ World ยังสนับสนุนนักพัฒนา (Developers) ผ่านโปรแกรม Accelerator ด้วยงบประมาณกว่า 25 ล้านบาท เพื่อสร้างแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย World และตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่ถือว่ามีความเปิดกว้างต่อการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามา การสร้าง เครือข่ายดิจิทัลที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เพราะในโลกยุค AI การแยกความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับบอทออนไลน์แทบจะเป็นไปไม่ได้ หากไม่มีระบบยืนยันที่เชื่อถือได้ World ID จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่นี้ ในอนาคต เมื่อเครือข่ายเติบโตและมีผู้ใช้งานจำนวนมาก บริษัทที่ต้องการใช้บริการ World ID เพื่อตรวจสอบความเป็นมนุษย์อาจจะมีค่าธรรมเนียม แต่ผู้ใช้งานทั่วไปจะไม่ถูกเก็บค่าใช้จ่ายใด ๆ” ฟาเบียน กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักวิชาการชี้ ‘สแกนม่านตา’ เสี่ยงถูกสวมรอย แนะหาแนวทางใหม่พิสูจน์ตัวตน

นักวิชาการธรรมศาสตร์เตือนผลกระทบหลังเหตุ “สแกนม่านตาแลกคริปโตฯ” ชี้ข้อมูลชีวมิติอาจถูกนำไปสวมรอยเปิดบัญชีม้า–ทำธุรกรรมผิดกฎหมาย แนะ ETDA ออกแนวทาง