
ฅนดอยคำประจำโรงงานหลวงฯ ที่ 1 (ฝาง) ร่วมกับชาวชุมชนบ้านยาง นักเรียนจิตอาสา ผู้พิทักษ์ป่า ลงมือลงแรงจัดสร้างฝายชะลอน้ำแบบท้องถิ่นทำจากวัสดุธรรมชาติด้วยความตั้งใจและเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในบริเวณป่าชุมชนรอบโรงงานหลวงฯ ที่ 1 (ฝาง) จังหวัดเชียงใหม่ ที่ชาวบ้านมีส่วนสำคัญในการรักษาป่าบริเวณชุมชนของตัวเองจำนวน 4 ฝาย สร้างความชุ่มชื้นให้ป่าตลอดปี เพิ่มแหล่งน้ำให้ชุมชน แก้น้ำแล้ง ลดความรุนแรงของน้ำในฤดูฝน ซึ่งทางภาคเหนือของประเทศไทยประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่
ฝายชะลอน้ำแบบท้องถิ่นทำขึ้นแบบชั่วคราว เพื่อขวางหรือกั้นทางน้ำ ลำห้วย ลำธาร ในพื้นที่ต้นน้ำหรือพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง มีประโยชน์ ช่วยลดความรุนแรงและอัตราเร่งของกระแสน้ำในลำธาร ช่วยบรรเทาความรุนแรงอันเกิดจากการกัดเซาะพังทลายของดินบริเวณ 2 ฝั่งลำธารบนพื้นที่ต้นน้ำ ช่วยกักเก็บตะกอนที่ไหลลงมากับน้ำในลำธารบนพื้นที่ต้นน้ำ ทำให้คุณภาพน้ำดีขึ้น ส่งผลให้พื้นที่ต้นน้ำมีความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความหนาแน่นของชนิดพันธุ์พืชต่าง ๆ มีมากขึ้นด้วย หลายพื้นที่ที่สร้างฝายชะลอน้ำระบบนิเวศฟื้นคืนมา

กิจกรรมในพื้นที่ครั้งนี้ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด นำโดย นายพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วย นายรมร ธนะโสภณ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สายการผลิต และฅนดอยคำประจำโรงงานหลวงฯ ที่ 1 (ฝาง) ร่วมกับอำเภอฝาง หน่วยจัดการต้นน้ำแม่เผอะ (อ่างข่าง) อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก องค์การบริหารส่วนตำบลแม่งอน บก.ผาดำ ฉก.กิจไชยยานุภาพ กองกำลังผาเมือง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านยาง โรงเรียนอัลเอี๊ยะห์ซาน บ้านยาง และชุมชนบ้านยาง รวมพลังภาคีเครือข่ายสร้าง “ฝายดอยคำ” สืบสานพระราชปณิธานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

นายพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กล่าวว่า “ฝายดอยคำ” เป็นแนวชะลอน้ำธรรมชาติ โดยจะเลือกพื้นที่สร้างในบริเวณแนวร่องเขาที่เป็นทางน้ำหลาก รองรับน้ำหลากในฤดูฝน ลดความรุนแรงของน้ำป่าไหลหลาก ป้องกันความเสียหายแก่ชุมชนและโรงงานหลวงฯ ควบคู่กับการเพิ่มความชุ่มชื้นให้หน้าดิน กักเก็บน้ำในชั้นดิน ฟื้นฟูระบบนิเวศ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และช่วยลดความเสี่ยงการเกิดไฟป่าในฤดูแล้ง โครงสร้างของ “ฝายดอยคำ” ใช้วัสดุจากธรรมชาติ ได้แก่ ไม้ไผ่และหญ้าแฝก ใช้ลำไม้ไผ่ตัดเป็นท่อน ตอกลงดินเรียงเป็นแนวผนังขวางกับร่องน้ำ จัดเรียงเป็นชั้นๆ เพื่อยึดเกาะดินและชะลอน้ำ พื้นที่ตรงกลางฝายให้เป็นทางน้ำไหล เมื่อไม้ไผ่เสื่อมสภาพตามกาลเวลา หญ้าแฝกยังคงทำหน้าที่รักษาคันดินไว้ไว้ให้คงความเป็นคันดิน มีความแข็งแรงคงทน และสามารถทำหน้าที่ชะลอน้ำในระยะยาว ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบมีความอุดมสมบูรณ์ และสามารถใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกได้อย่างต่อเนื่อง
“ โครงการฝายดอยคำ สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของดอยคำที่มุ่งมั่นเคียงข้างชุมชน สร้างคุณค่าทางสังคม และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ตอกย้ำบทบาทองค์กรธุรกิจเพื่อสังคม ที่ยืนหยัดบนความสมดุลระหว่าง เกษตรกรรม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม “ นายพิพัฒพงศ์ เน้นย้ำบทบาทของดอยคำร่วมส่งเสริมชุมชนพัฒนาอย่างยั่งยืน

กิตติพงค์ ยาวุฒิ ผู้ใหญ่บ้านบ้านยางหมู่ที่ 12 ตำบลแม่งอน อ.ฝาง กล่าวว่า เมื่อปี 2549 ชุมชนเจอปัญหาน้ำป่าจากเทือกเขาสูงไหลถล่มหมู่บ้านยาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิต บ้านพังเสียหายเป็น 100 หลัง พื้นที่เกษตร และโรงงานโครงการหลวง ซึ่งเป็นแหล่งประกอบอาชีพหลักของชาวชุมชนถูกทำลาย นับเป็นภัยธรรมชาติร้ายแรงที่สุดที่ชาวบ้านยางเคยประสบ เพราะแนวร่องเขาบนดอยที่เป็นทางน้ำหลาก ไม่มีแนวกั้น เมื่อฝนตกหนัก ทำให้น้ำจากหลายสายไหลทะลักลงมารวมกันที่ลำน้ำสายหลัก คือ น้ำห้วยขาน หรือทางการ เรียก น้ำงอน ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ทะลักท่วมชุมชน
จากวิกฤตผู้ใหญ่บ้านบ้านยางเล่าว่า ชุมชนท้องถิ่นจึงหาแนวทางป้องกันน้ำป่าและฟื้นฟูดูแลสิ่งแวดล้อมกับโรงงานหลวงฯ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นตรงกันจัดสร้างฝายชะลอน้ำแบบธรรมชาติ บูรณาการการทำงานร่วมกัน หาพิกัดพื้นที่สร้างฝายบนพื้นที่ลาดชัน โดยประสานกับอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก แม้การสร้างฝายจะยากลำบากในการเข้าถึงพื้นที่ แต่ทุกคนไม่ท้อ เพราะอยากลดปัญหาความรุนแรงน้ำป่าไหลหลาก ก่อนสร้างฝายฝนตกทีไร น้ำพัดพาตะกอนดินขุ่นทำให้น้ำในลำห้วยมีสีแดง หลังสร้างฝายลำห้วยลำธารมีน้ำใส ฝายที่เราทำได้ผลดี ทำหน้าที่กักเก็บน้ำ

ฝายมีประโยชน์มาก จึงสร้างฝายเพิ่มทุกปีในพื้นที่เหมาะสม ไม่รบกวนหรือทำลายระบบนิเวศ ส่วนการบำรุงรักษาฝายดอยคำ ชาวบ้านและหน่วยงานในพื้นที่จะสำรวจและดูแลฝายอย่างต่อเนื่อง ฝายเดิมที่ผุพังก็ซ่อมแซมให้กลับมาทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้นไม้ก็เติบโต ป่าเขาอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ พื้นที่มีการเฝ้าระวังระดับน้ำและพัฒนาระบบแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงบ้านยาง ชุมชนเตรียมพร้อม รับมือ ไม่ประมาทกับภัยพิบัติ จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ฝนตกรุนแรงมากขึ้น
“ ทางชุมชนมีส่วนร่วมดูแลป่ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้บุกรุกทำลายป่า มีการฟื้นฟูป่าต้นน้ำอย่างถูกวิธี ให้ธรรมชาติฟื้นตัว หยุดการบุกรุกทำลาย ป้องกันไฟป่าอย่างมีประสิทธิภาพ ทำแนวป้องกันไฟป่าปีละ 2 ครั้ง เพราะเจ้าหน้าที่มีจำนวนน้อย ชาวบ้านอาสาช่วยรักษาป่า “ กิตติพงค์ กล่าว

นอกจากสร้างฝายลดความรุนแรงของน้ำฤดูฝนแล้ว การพัฒนาชุมชนเป็นหัวใจสำคัญ กิตติพงค์ กล่าวด้วยว่า บ้านยางเป็นชุมชนเกษตรกรรม ซึ่งมีปรับเปลี่ยนลดการเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยว เน้นเกษตรสวนไม้ผล ทั้งลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง ส้มสายน้ำผึ้ง ปัจจุบันมีชาวสวนหันมาปลูกทุเรียนเสริมด้วย เพราะเป็นพืชเศรษฐกิจมีมูลค่า ซึ่งผลจากการสร้างฝายชะลอน้ำธรรมชาติ ทำให้ดินชุ่มน้ำ ชาวบ้านทำการเกษตรผลผลิตดี แต่ว่าพืชผลเกษตรราคาไม่ค่อยดี อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านก็มีรายได้จากการทำเกษตรกับทำงานในโรงงานหลวงฯ ขณะเดียวกันทุกคนพร้อมใจกันพัฒนาเป็นหมู่บ้านเพื่อการท่องเที่ยวอีกด้วย มีห้องพัก ร้านอาหารยูนาน ที่นี่ชูจุดเด่นวัฒนธรรมจีนยูนาน นักท่องเที่ยวมากันคึกคัก ทำให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นดีขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมอุตุฯ อัปเดตพายุ 'คาจิกิ' ปกคลุม จ.น่าน เช็กชื่อจังหวัดโดนฝนถล่มหนักใน 24 ชม.ข้างหน้า
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่อง พายุ “คาจิกิ” และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 17
GPSC สร้างฝายชะลอน้ำ เสริมระบบนิเวศ หนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น เดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero
นางปริญดา มาอิ่มใจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายบริหารองค์กร และนายอาเดรียนุส โยเซฟุส แวน เดน บรูค รองกรมการผู้จัดการใหญ่ ที่ปรึกษาประจำประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. นำพนักงานจิตอาสาบริษัทฯ


